ข่าวปนคน คนปนข่าว
ในยุคแทรกแซง แทรกซึม แทรกซื้อ และสมยอมกันแบบเต็มพิกัดที่ครอบงำสื่อสารมวลชนอยู่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ “ระบอบทักษิณ”มีความมั่นอกมั่นใจจนถึงขั้นย่ามใจว่า
ในภาวะอำนาจล้นมือ คุมสื่อให้ชี้นกเป็นไม้ชี้ไม้เป็นนกได้ดั่งใจ ย่อมไม่มีไม้ซีกที่ไหนจะมางัดไม้ซุงให้พ่ายแพ้ไม่ได้
เราจึงเห็นคนในรัฐบาลดาหน้ากันออกมาสะกดจิตประชาชนอย่างหน้าด้าน ๆ ว่า ของไม่แพง ทั้ง ๆ ที่ทุกเช้าที่คนไทยตื่นก็พบกับภาวะแพงทั้งแผ่นดิน ก่อนจะข่มตานอนก็ยังสัมผัสได้ว่า แอร์ที่เปิดจะทำให้ค่าไฟพุ่งจนกระเป๋าแฟบ เมื่อบิลเรียกเก็บมาถึงในช่วงปลายเดือน
ความเดือดร้อนที่บุกเข้าไปถึงก้นครัวรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในหมู่แม่บ้านด้วยแรงสั่นไหวไม่น้อยกว่า 7 ริกเตอร์ ย่อมทำให้การกุมสภาพของรัฐบาลเริ่มอยู่ในภาวะ "เอาไม่อยู่" จนถึงขั้น "เอาไม่ไหว" และ ประชาชนกำลังจะลุกขึ้นมาบอกว่า
"ไม่เอาแล้ว"
สะท้อนได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 ปทุมธานี จนพลพรรคเพื่อไทยเริ่มหวาดกลัวแม้กระทั่งเงาตัวเองว่าอาจเกิดสึนามิที่เมืองเหนืออย่างเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่
แม้ว่าจะไม่ติดกับทะเล แต่ก็เชื่อว่าชาวเชียงใหม่ได้รับไอโอดีนครบถ้วน จึงไม่น่าจะเป็นโรคเอ๋อจนจำไม่ได้ว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์บิดพลิ้วต่อสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยให้คุณค่าเป็นเพียงแค่เทคนิคการหาเสียงอย่างไรบ้าง
ลองไล่เรียงดูกันหน่อยว่า 9 เดือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีอะไรเป็นโล้เป็นพายที่จับต้องได้ในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนบ้างหรือไม่
คำตอบคือ มีแต่อากาศที่ว่างเปล่าและน้ำตาของเกษตรกรที่ยังไหลไม่หยุด จนแทบจะเป็นสายเลือดแล้ว
เริ่มจากพื้นที่ภาคเหนือสิ่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำในเรื่องของ หอมแดง และ กระเทียม ที่ยืดเยื้อเรื้อรังมานานหลายเดือนจนส่งกลิ่นเน่าโชยไปทั่วประเทศ แต่รัฐบาลเพิ่งขยับแก้ปัญหาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จะไม่ให้ชาวเหนือเขาคิดได้ยังไงว่าถูกทอดทิ้ง ปล่อยปละละเลย เปิดช่องให้เกิดการทุจริต กีดกันสิทธิเกษตรกรที่จะเข้าถึงโครงการจำนำ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนในสองโครงการนี้ถึง 1,720 ล้านบาท
โครงการรับจำนำหอมแดงรัฐบาลกำหนดวงเงินงบประมาณ 1,000 ล้านบาท รับจำนำในปริมาณ 2 แสนตัน โครงการรับจำนำกระเทียม งบประมาณ 720 ล้านบาท
แต่งบเกือบสองพันล้านบาทดูเหมือนจะไม่ถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง เพราะยังปรากฏข่าวคราวการชุมนุมประท้วงของเกษตรกรที่ปลูกสินค้าเกษตรทั้งสองชนิดอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นบุกศูนย์ราชการและศาลากลางเชียงใหม่ก็ทำมาแล้ว
ที่น่าเศร้าก็คือความทุกข์ของเกษตรกรชาวเหนือรวมถึงชาวเชียงใหม่บ้านเกิดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีดูเหมือนว่าจะไม่เคยเข้าถึงรูหูของคนเป็นผู้นำประเทศด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่เคยพูดถึงความทุกข์ยากของเกษตรกรเหล่านี้แม้แต่น้อย
เหมือนกับที่เธอทำท่างงสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของพี่น้องเกษตรกรที่ปักหลักชุมนุมอยู่ข้างทำเนียบมานานนับเดือน จนแทบจะก่อสิ่งปลูกสร้างถาวรเป็นหมู่บ้านคนจนแล้ว แต่คนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำงานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้าห่างจากถนนข้างทำเนียบที่ไพร่อยู่ไม่ถึง 200 เมตร ไม่เคยรับรู้ความเดือดร้อนของผู้ใต้ปกครองที่แบกความทุกข์มาหา หามความเดือดร้อนมาให้ช่วยบรรเทาแม้แต่น้อย
แล้วจะหวังอะไรกับการบุกศาลากลางเชียงใหม่ของเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจะได้รับการเหลียวแลจาก นายกฯนกแก้ว ที่กำลังมีความสุข เพลิดเพลินอยู่กับการทัวร์ต่างประเทศเดินแฟชั่นชุดประจำชาติของประเทศอื่น จนคนไทยแทบจะลืมไปแล้วว่ามีนายกรัฐมนตรีชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เพราะบทบาทในสภาก็ไม่เคยเห็น เรื่องระดับชาติไม่เคยมีวิสัยทัศน์ เรื่องล้างผิดให้พี่ชายโยนบาปให้สภา กำหนดติกาสูงสุดก็โนคอมเมนต์ ขนาดความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งซ่อมปทุมธานีก็ยังตอบแบบหน่อมแน้ม ไร้ยุทธศาสตร์ที่จะแสดงถึงภาวะผู้นำ เพราะรอแต่การกดปุ่มใส่โปรแกรมจากดูไบเท่านั้น
เมื่อถูกกำหนดให้อยู่ในโหมด "หนูไม่รู้" มายาวนาน 9 เดือน ในขณะที่คนไทยกลับรับรู้ความทุกข์ยากยาวนานไม่ต่างกัน ย่อมมีปฏิกิริยาต้านทั้งแผ่นดินเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก
แถมทุกนโยบายที่ออกมาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ค่าแรง 300 บาทได้ 7 จังหวัดแต่ค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดิน เงินเดือนปริญญาตรีหมื่นห้าพันบาทที่เคยเป็นความหวังข้าราชการก็ทำให้หัวใจสลายด้วยการเลื่อนออกไปเป็นปี 2557
ราคาพลังงานสูงขึ้นทุกชนิด ทำให้สินค้าพาเหรดกันขึ้นราคาแบบฉุดไม่อยู่ นอกจากรัฐบาลจะไม่พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ยังส่ง อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกรัฐบาล ออกมาโชว์โง่ให้วาทะเสียดแทงใจคนไทยว่า
"ของไม่แพงแนะนำให้ไปเดินตามห้าง และเศรษฐกิจดีเพราะยอดมอเตอร์โชว์พุ่ง"
ไม่เจ๊งตอนนี้จะให้เจ๊งตอนไหน เพราะวันนี้คำว่า "แพงทั้งแผ่นดิน" ไม่ใช่แค่วลีฮิตติดอันดับอีกต่อไป แต่ผลของมันทิ่มแทงไปถึงปากท้องของประชาชนให้อยู่ในภาวะไม่มีจะกินกันทั้งประเทศด้วย
ภาวะ "แพงทั้งแผ่นดิน" ยังลามไปถึงท้องถนนด้วย เพราะค่าโดยสารทุกชนิดพร้อมใจกันขึ้นราคาไม่ว่าจะเป็นรถสองแถว รถร่วม แท๊กซี่ ตุ๊ก ตุ๊ก ไม่เว้นแม้กระทั่ง มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ส่วนรถยนต์ส่วนตัวไม่ต้องพูดถึงกระเป๋าฉีกไปก่อนหน้านานแล้ว
ขณะที่ค่าไฟฟ้าก็จะขึ้นอีก 30 สตางค์ต่อหน่วย ข้าวถุงจะขึ้นราคาอีก 10 % เดือนพฤษภาคมนี้ เช่นเดียวกับแก๊สหุงต้มที่จ่อคิวขึ้นราคาเต็มเพดานในเวลาอันใกล้นี้
ทุกอย่างขึ้นหมด ยกเว้นภาวะผู้นำของ ยิ่งลักษณ์ ที่ดำดิ่งอยู่ในภาวะขาลงอย่างน่าใจหาย รอกลบฝั่งสวดส่งกันเร็ว ๆ นี้
บริหารห่วยแตก มุ่งทำเพื่อแม้ว ก้มกราบอำมาตย์บาดใจเสื้อแดง ระวังคนไทยจะบอกผ่านการทำประชามติว่า "กรูไม่เอารัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อสั่งสอนให้เมริงหันมาดูแลประชาชน"
ส่วนการกลับไทยอย่างเท่ของ "แม้ว" ให้รอสี่คนหามสามคนแห่ก่อนค่อยว่ากัน !
