ข่าวปนคน คนปนข่าว
งานวิจัยอัปยศของ “วุฒิสาร ตันไชย และคณะ” ที่กำลังสร้างความอดสูให้แก่สถาบันพระปกเกล้า อันเกิดมาจากคุณภาพงานวิจัยที่ไม่ได้รับการยอมรับ ถวายใส่พานส่งให้ “บังเละ” พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ถูลู่ถูกังลากเข้าสภาในลักษณะ “ข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า”
ทั้งๆ ที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์เปิดโปงกลางสภาว่าส่ง “รายงานเถื่อน” โดยไม่มีการรับรองจากกรรมาธิการปรองดองฯ เข้าที่ประชุมรัฐสภา หวังปล้นกุญแจด้วยเสียงข้างมาก เปิดทางนำแผนปรองดอง “เพื่อแม้ว” เข้าสภานำไปสู่การนิรโทษกรรม โละคดี คตส.
ขณะที่เจ้าของงานวิจัยอย่าง “วุฒิสาร” ตีมึนกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งใน “สงครามปรองดอง” อ้างหน้าตาเฉยว่าไม่ถอนงานวิจัย เพราะเลยความรับผิดชอบผู้วิจัยไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ไม่รับผิดชอบ แล้วยังท้าทายประชาชนคนไทยที่รักความถูกต้องด้วย!
แทบไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นพฤติกรรมของบุคคลระดับรองศาสตราจารย์ ที่พยายามสร้างภาพเป็นนักวิชาการมาตลอดชีวิตว่า จะมาตายทั้งเป็นพร้อมๆ กับงานวิจัยรับใช้การเมืองฉบับบินตรงนำส่งความต้องการถึงดูไบ!
“คนดีชอบแก้ไข คน...ชอบแก้ตัว”
“วุฒิสาร” มาให้สัมภาษณ์ภายหลังจากถูกแฉว่าแอบควงคู่กับ วัฒนา เมืองสุข บินไปดูไบพบ นักโทษ ร่วมวางแผน “ปรองดองคนปองร้ายชาติ” โดยอ้างว่าเป็นการเดินทางไปอย่างเปิดเผยใช้งบประมาณของสถาบันพระปกเกล้า
คำถามคือ ถ้าไปโดยเปิดเผยทำไมผู้คนเขาจึงตกอกตกใจกันทั้งเมืองเมื่อรู้เรื่อง แถม “วุฒิสาร” ยังรีบแจ้นออกมาแก้ตัวเป็นพัลวัน
ความจริงถ้างานวิจัยจะมีคุณภาพทางวิชาการตามราคาของสถาบันพระปกเกล้า “วุฒิสาร” ก็คงไม่ตกที่นั่งลำบากจนถูกลากไส้แทบทุกวันเหมือนในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้เพิ่งถูกแฉไปว่าเส้นแบ่งระหว่างความเป็นวิชาการรับใช้ทุน สำหรับ “วุฒิสาร” แล้วแยกลำบากอย่างยิ่ง เพราะเป็นนักวิชาการที่เป็นกรรมการมีอำนาจแทนบริษัทไออาร์พีซี ซึี่งมีทุนจดทะเบียนสูงถึงกว่าสองหมื่นล้านบาท
จะกล่าวอ้างว่าเป็นนักวิชาการทำงานรับใช้สังคม ไม่สนใจเงินตรา ก็คงยากที่จะทำให้คนไทยไว้วางใจได้
ยิ่งพฤติกรรมลุกลี้ลุกลนเดินตามก้นทำตามคำบงการของ วัฒนา เมืองสุข ล็อบบี้ยิสต์ปรองดองแบบชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่า
มีอะไรในกอไผ่ระหว่างสายสัมพันธ์ของคนที่ชื่อ วุฒิสารกับวัฒนา
สืบไปสืบมาจึงพบว่า “สวนกุหลาบคอนเนกชัน” คือสะพานเชื่อมวิชาการมารับใช้การเมืองอย่างแยบยล!
ที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีใครไปสำรวจตรวจสอบประวัติของ “วุฒิสาร” ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่เมื่อความจริงถูกตีแผ่ว่า “วัฒนา” คือเพื่อนร่วมรุ่น OSK90 กับ “วุฒิสาร” ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์เก่าสวนกุหลาบรุ่นที่เต็มไปด้วยคนดัง
จึงไม่น่าแปลกใจที่ “วัฒนา” จะวางใจอย่างยิ่งที่จะให้ “วุฒิสาร” ทำหน้าที่เป็นผงซักฟอกในงานใหญ่ครั้งนี้
ปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่ทำให้บางครั้งระบบยุติธรรมถูกนำมาใช้แบบลูบหน้าปะจมูกคือ “ระบบอุปถัมภ์” ที่ครอบโครงสร้างประเทศมาช้านาน
การจะเอาผิดตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ บางทีก็สะดุดเพราะความเป็นเพื่อนร่วมรุ่น!
ถามง่ายๆ ว่า ความเป็น OSK90 มีผลต่อทัศนคติเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดกับเพื่อนหรือไม่
มีผลทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเป็นพิเศษ จนคล้อยตามว่า “คตส.” คือตัวปัญหาที่สร้างความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมไทยหรือไม่ มีผลทำให้อยากมอบกุญแจดอกสำคัญให้เพื่อนนำไปไขสู่อิสรภาพปราศจากมลทินที่ถูก คตส.ชี้มูลความผิดหรือไม่
ยิ่งคดีทุจริตรถและเรือดับเพลิงงวดเข้ามาทุกที จนมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจตัดสินภายในปีนี้ เพราะมีการประทับรับฟ้องไปตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ปีที่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ “วัฒนา” นั่งไม่ติด ชีวิตไร้สุข จนวิ่งพล่านเอาเรื่องปรองดองมาบังหน้า ล้างข้อหาโกงให้ตัวเอง
“วุฒิสาร” จะรับจ็อบพิเศษมาจากดูไบหรือไม่ เจ้าตัวย่อมรู้ดีกว่าใครๆ ทั้งหมด
แต่สิ่งที่ “วุฒิสาร” เปิดช่องไว้ผ่านงานวิจัยชิ้นปัญหานี้ ส่อเค้าทำให้ วัฒนา เพื่อนรัก OSK90 หลุดพ้นคดีทุจริตรถและเรือดับเพลิง รวมทั้งคดีบ้านเอื้ออาทร ทันที
หากเป็นเช่นนั้น เท่ากับงานวิจัยดังกล่าวของ วุฒิสารแอนด์เดอะแก๊งกำลังฆ่าตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่จะเอาผิดกับคนเจอข้อหาโกงที่ทำให้ชาติเสียหายย่อยยับ เฉพาะสองคดีนี้เกือบหมื่นล้านบาท เฉพาะคดีทุจริตรถและเรือดับเพลิงก็ปาเข้าไป 6,800 ล้านบาทแล้ว คดีบ้านเอื้ออาทรอีกกว่า 2 พันล้านบาท
ยังไม่นับรวมกับคดีทุจริตนับแสนล้านของนักโทษดูไบ
นักการเมือง-นักวิชาการจอมปลอมทั้งหลายหลับตานอนบนผืนแผ่นดินนี้ได้สนิทดีอยู่หรือ ถ้ายังมีสำนึกดีต่อแผ่นดินเกิด หากตอบแทนคุณไม่ได้ก็อย่าถึงขั้นเนรคุณเลย