ข่าวปนคน คนปนข่าว
หลบร้อนการเมือง แวะมาประชุมครม.สัญจร ณ เกาะสมุย กันชั่วคราว ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง ความซ้ำซากจำเจเดิมๆ รวมทั้งสารพัดกระแสข่าวคาวที่ถาโถมเข้าใส่
แต่ถึงหลบอย่างไรก็คงไม่พ้นอยู่ดี เรื่องราวฉาวโฉ่ทุจริตนับวันยิ่งบานเป็นดอกเห็ด เจอคนพูดถึงอยู่ทุกวันๆ สังคมก็คล้อยตามกันไปหมดแล้ว เพราะจะว่าไปไม่มีมูลหมาคงไม่ขี้
อย่างเรื่องไซฟ่อนเงินที่ปะทุขึ้นมาอีกรอบ เล่นเอารัฐบาลเต้นผาง สั่งคนนั้นคนนี้ออกมาชี้แจงเป็นพัลวัน และในที่สุดก็หนีไม่พ้น "มือปราบจับฉ่าย" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดูแลสตช. ควบงานของรองยงยุทธ วิชัยดิษฐที่ลาออกไป นั่งใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มยามนี้ เข้ามาตรวจสอบอีกเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา
แต่หลายเรื่องที่นั่งสืบสวนสอบสวนอยู่ไม่ค่อยคืบหน้า จับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย กรณีนี้หลับตานึกบทสรุปก็คงไม่ต่างกัน เพราะร.ต.อ.เฉลิมออกตัวล้อฟรีมานานแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหล เลอะเทอะ ไม่ให้ราคาคนปูดข้อมูล แล้วสอบสวนจะไปเจออะไร เจอแต่ลมว่าวแน่นอน!!
เดินทางไปถึงเมืองใต้ครานี้ กลิ่นโชยทุจริตยังติดทวารไปไม่หายไปไหน
สำหรับการประชุมครม.สัญจรภาคใต้ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลังจากก่อนหน้านี้เคยไปประชุมที่ภูเก็ต หว่านคำหวานที่ภาคใต้โซนอันดามัน แต่ทว่าหลายโครงการ หลายโปรเจกต์ เป็นเพียงการวาดฝันวิมานในอากาศให้คนใต้ ส่วนใหญ่ไร้รูปธรรมที่จับต้องได้ งบประมาณที่บอกให้เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน แท้จริงก็เป็นเพียงแค่สัญญาน้ำหมึกเปื้อนกระดาษชำระ
มาครั้งนี้ที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร พัทลุง สงขลา ก็คงเข้าอีหรอบเดียวกัน หว่านงบประมาณลมปากหาเสียงสร้างภาพว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นคนของทั้งประเทศ ไปได้ทุกภาคทุกจังหวัด เป็นเพียงกุศโลบายลวงโลกเช่นเคย
เพราะงบประมาณที่จะมาสร้างละครนั่งคุยจะแจกนั่นแจกนี่ ทำโครงการต่างๆ ก็เหมือนเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวที่จบแล้วก็จบไป ไม่มีอะไรในกอไผ่
เพราะในเชิงยุทธศาสตร์การเมืองพื้นที่ตรงนี้ พรรคเพื่อไทย ย้อนไปถึงพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย ไม่เคยได้รับการตอบรับ ไม่เคยได้รับการยอมรับจากภาคประชาชนมาแต่ไหนแต่ไร เป็นทางฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดครองพื้นที่มายาวนาน
การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นยุทธศาสตร์เชิงสัญลักษณ์ และไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.พันธุ์ถ่อย และ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคหุ่นเชิด เท่านั้น หากจะหวังผลถึงคะแนนเสียงก็หวังได้ยาก อย่างมากที่สุดก็จะได้คะแนนเสียงเพียงจากระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น ไอ้เรื่องที่จะได้เสียงไปเจาะเก้าอี้ส.ส.เขต เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
ตามยุทธศาสตร์ของของแกนนำพรรคที่วิเคราะห์วางเกมมานานแล้วว่า พื้นที่ภาคใต้พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องไปทุ่มเทคาดหวังอะไรมาก เพราะในสนามเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากในการเอาชัยชนะ เพียงแต่ต้องไม่ทิ้ง กลายเป็นภาพรัฐบาลไม่เอาคนใต้ เพราะนั่นจะเป็นการบ่อนทำลายภาพลักษณ์รัฐบาลโดยรวม
พรรคเพื่อไทยจะมุ่งเน้นรักษาฐาน และขยายเพิ่มเติมในภาคเหนือ และอีสาน เป็นหลักใหญ่ แล้วไปเจาะตลาดในภาคกลาง ส่วนภาคใต้ไม่มีการเน้นย้ำพูดถึง เพราะวิเคราะห์แล้วว่าเสียเวลาเปล่า เหมือนไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ใช้เวลานาน เพราะเคยลองผิดลองถูกแต่ก็ไม่พบแสงสว่างปลายอุโมงค์ จนเกิดอาการท้อเลิกราไปในที่สุด
การประชุมครม.ครั้งนี้จึงไม่ใช่ยุทธศาสตร์เจาะไข่แดง แหล่งหอยตัวโต แต่อย่างใด เป็นเพียงการสร้างภาพรักษาฐานโดยรวมเท่านั้น
พยายามทำนโยบายเชิงท่องเที่ยว ยึดโยงอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้าน ให้เป็นไปอย่างสะดวกเท่านั้น คงไม่ได้เห็นมิติใหม่ๆ เพิ่มเติมมากนัก ไม่เหมือนกับภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่ทีมงานยุทธศาสตร์ของพรรคพยายามผลัก พยายามเข็นนโยบายใหม่ๆ ออกมาอัดแหลก แจก แถม
การบริหารงานของรัฐบาลดูเหมือนจะไม่ค่อยสัมพันธ์ ไม่ค่อยยึดโยงกับคนภาคใต้ หลายนโยบายเกิดปัญหา อย่างเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หลายชนิดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ม็อบที่จะมาต่อต้านการประชุมครม.สัญจรก็เป็นพวกม็อบราคายาง ปาล์ม มะพร้าว และม็อบที่ทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลเคยรับปากจะแก้ไขแต่จนถึงวันนี้ก็ยังทำไม่ลุล่วง
การท่องเที่ยวในภาคใต้ ตามเกาะ แก่ง ต่างๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มพูนรายได้ให้ประเทศ เป็นหน้าเป็ตาของประเทศที่จะดึงดูนักท่องเที่ยว รวมทั้งนักลงทุนให้เข้ามายังประเทศไทย รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นพื้นที่ภาคใต้อาทิ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ล้วนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก เพราะชื่อดังอยู่แล้ว
รัฐบาลโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะใช้โอกาสครม.สัญจรสร้างภาพทั้งภายในประเทศ และไปจนถึงชาวโลก ประชาสัมพันธ์แฝงถึงแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นแผนโปรโมตการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่รัฐบาลชุดนี้เน้นย้ำให้ความสำคัญ เพื่อหางบประมาณมาโปะนโยบายประชานิยมที่แจกจนใกล้หมดตูด
"ยิ่งลักษณ์" จะใช้ตนเอง สะกดสายตาชาวโลกให้หันมามอง ทัศนียภาพในประเทศไทย โชว์ให้เห็นความสวยงาม แห่ง เกาะสวาทหาดสวรรค์ ที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย เป็นแผนโรดโชว์ประเทศไทย ที่คงไม่มีใครสวมบทบาทพริตตี้ประเทศไทย ได้เหมาะที่สุดเท่ากับ "ยิ่งลักษณ์"
งานนี้ครม.เตรียมแผนสำหรับเรื่องนี้เต็มที่เหนือกว่าเรื่องอื่นใด ขนคณะทีมงาน รัฐมนตรี ข้าราชการ กันมาแบบ จัดเต็ม เหมือนยกพลขึ้นเกาะ พระยาเหยียบเมืองคราวนี้ข้าราชการทุกระดับชั้น ต้องคอยมาต้อนรับขับสู้ผู้นำประเทศหลายคณะ หลายก๊วน จนบ้านเมืองวุ่นวายโกลาหล
นักท่องเที่ยวคนไหนรู้ข่าว ก็ยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวเกาะชื่อดังเหล่านี้ไว้ก่อน ส่วนใครที่ไม่รู้ไปเที่ยวคราวนี้ต้องบอกว่า "เซ็งจิต" ท่องเที่ยวไม่สนุกเหมือนเก่าก่อน เพราะทางการต้องปรับรูปแบบเพื่อตอบรับการโรดโชว์ประเทศไทย ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างเต็มที่
ก็ไม่รู้ว่าครม.สัญจรครั้งนี้จะได้แต้มหรือเสียแต้มกันแน่
หลบร้อนการเมือง แวะมาประชุมครม.สัญจร ณ เกาะสมุย กันชั่วคราว ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง ความซ้ำซากจำเจเดิมๆ รวมทั้งสารพัดกระแสข่าวคาวที่ถาโถมเข้าใส่
แต่ถึงหลบอย่างไรก็คงไม่พ้นอยู่ดี เรื่องราวฉาวโฉ่ทุจริตนับวันยิ่งบานเป็นดอกเห็ด เจอคนพูดถึงอยู่ทุกวันๆ สังคมก็คล้อยตามกันไปหมดแล้ว เพราะจะว่าไปไม่มีมูลหมาคงไม่ขี้
อย่างเรื่องไซฟ่อนเงินที่ปะทุขึ้นมาอีกรอบ เล่นเอารัฐบาลเต้นผาง สั่งคนนั้นคนนี้ออกมาชี้แจงเป็นพัลวัน และในที่สุดก็หนีไม่พ้น "มือปราบจับฉ่าย" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดูแลสตช. ควบงานของรองยงยุทธ วิชัยดิษฐที่ลาออกไป นั่งใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มยามนี้ เข้ามาตรวจสอบอีกเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา
แต่หลายเรื่องที่นั่งสืบสวนสอบสวนอยู่ไม่ค่อยคืบหน้า จับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย กรณีนี้หลับตานึกบทสรุปก็คงไม่ต่างกัน เพราะร.ต.อ.เฉลิมออกตัวล้อฟรีมานานแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหล เลอะเทอะ ไม่ให้ราคาคนปูดข้อมูล แล้วสอบสวนจะไปเจออะไร เจอแต่ลมว่าวแน่นอน!!
เดินทางไปถึงเมืองใต้ครานี้ กลิ่นโชยทุจริตยังติดทวารไปไม่หายไปไหน
สำหรับการประชุมครม.สัญจรภาคใต้ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลังจากก่อนหน้านี้เคยไปประชุมที่ภูเก็ต หว่านคำหวานที่ภาคใต้โซนอันดามัน แต่ทว่าหลายโครงการ หลายโปรเจกต์ เป็นเพียงการวาดฝันวิมานในอากาศให้คนใต้ ส่วนใหญ่ไร้รูปธรรมที่จับต้องได้ งบประมาณที่บอกให้เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน แท้จริงก็เป็นเพียงแค่สัญญาน้ำหมึกเปื้อนกระดาษชำระ
มาครั้งนี้ที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร พัทลุง สงขลา ก็คงเข้าอีหรอบเดียวกัน หว่านงบประมาณลมปากหาเสียงสร้างภาพว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นคนของทั้งประเทศ ไปได้ทุกภาคทุกจังหวัด เป็นเพียงกุศโลบายลวงโลกเช่นเคย
เพราะงบประมาณที่จะมาสร้างละครนั่งคุยจะแจกนั่นแจกนี่ ทำโครงการต่างๆ ก็เหมือนเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวที่จบแล้วก็จบไป ไม่มีอะไรในกอไผ่
เพราะในเชิงยุทธศาสตร์การเมืองพื้นที่ตรงนี้ พรรคเพื่อไทย ย้อนไปถึงพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย ไม่เคยได้รับการตอบรับ ไม่เคยได้รับการยอมรับจากภาคประชาชนมาแต่ไหนแต่ไร เป็นทางฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดครองพื้นที่มายาวนาน
การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นยุทธศาสตร์เชิงสัญลักษณ์ และไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.พันธุ์ถ่อย และ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคหุ่นเชิด เท่านั้น หากจะหวังผลถึงคะแนนเสียงก็หวังได้ยาก อย่างมากที่สุดก็จะได้คะแนนเสียงเพียงจากระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น ไอ้เรื่องที่จะได้เสียงไปเจาะเก้าอี้ส.ส.เขต เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
ตามยุทธศาสตร์ของของแกนนำพรรคที่วิเคราะห์วางเกมมานานแล้วว่า พื้นที่ภาคใต้พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องไปทุ่มเทคาดหวังอะไรมาก เพราะในสนามเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากในการเอาชัยชนะ เพียงแต่ต้องไม่ทิ้ง กลายเป็นภาพรัฐบาลไม่เอาคนใต้ เพราะนั่นจะเป็นการบ่อนทำลายภาพลักษณ์รัฐบาลโดยรวม
พรรคเพื่อไทยจะมุ่งเน้นรักษาฐาน และขยายเพิ่มเติมในภาคเหนือ และอีสาน เป็นหลักใหญ่ แล้วไปเจาะตลาดในภาคกลาง ส่วนภาคใต้ไม่มีการเน้นย้ำพูดถึง เพราะวิเคราะห์แล้วว่าเสียเวลาเปล่า เหมือนไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ใช้เวลานาน เพราะเคยลองผิดลองถูกแต่ก็ไม่พบแสงสว่างปลายอุโมงค์ จนเกิดอาการท้อเลิกราไปในที่สุด
การประชุมครม.ครั้งนี้จึงไม่ใช่ยุทธศาสตร์เจาะไข่แดง แหล่งหอยตัวโต แต่อย่างใด เป็นเพียงการสร้างภาพรักษาฐานโดยรวมเท่านั้น
พยายามทำนโยบายเชิงท่องเที่ยว ยึดโยงอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้าน ให้เป็นไปอย่างสะดวกเท่านั้น คงไม่ได้เห็นมิติใหม่ๆ เพิ่มเติมมากนัก ไม่เหมือนกับภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่ทีมงานยุทธศาสตร์ของพรรคพยายามผลัก พยายามเข็นนโยบายใหม่ๆ ออกมาอัดแหลก แจก แถม
การบริหารงานของรัฐบาลดูเหมือนจะไม่ค่อยสัมพันธ์ ไม่ค่อยยึดโยงกับคนภาคใต้ หลายนโยบายเกิดปัญหา อย่างเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หลายชนิดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ม็อบที่จะมาต่อต้านการประชุมครม.สัญจรก็เป็นพวกม็อบราคายาง ปาล์ม มะพร้าว และม็อบที่ทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลเคยรับปากจะแก้ไขแต่จนถึงวันนี้ก็ยังทำไม่ลุล่วง
การท่องเที่ยวในภาคใต้ ตามเกาะ แก่ง ต่างๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มพูนรายได้ให้ประเทศ เป็นหน้าเป็ตาของประเทศที่จะดึงดูนักท่องเที่ยว รวมทั้งนักลงทุนให้เข้ามายังประเทศไทย รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นพื้นที่ภาคใต้อาทิ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ล้วนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก เพราะชื่อดังอยู่แล้ว
รัฐบาลโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะใช้โอกาสครม.สัญจรสร้างภาพทั้งภายในประเทศ และไปจนถึงชาวโลก ประชาสัมพันธ์แฝงถึงแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นแผนโปรโมตการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่รัฐบาลชุดนี้เน้นย้ำให้ความสำคัญ เพื่อหางบประมาณมาโปะนโยบายประชานิยมที่แจกจนใกล้หมดตูด
"ยิ่งลักษณ์" จะใช้ตนเอง สะกดสายตาชาวโลกให้หันมามอง ทัศนียภาพในประเทศไทย โชว์ให้เห็นความสวยงาม แห่ง เกาะสวาทหาดสวรรค์ ที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย เป็นแผนโรดโชว์ประเทศไทย ที่คงไม่มีใครสวมบทบาทพริตตี้ประเทศไทย ได้เหมาะที่สุดเท่ากับ "ยิ่งลักษณ์"
งานนี้ครม.เตรียมแผนสำหรับเรื่องนี้เต็มที่เหนือกว่าเรื่องอื่นใด ขนคณะทีมงาน รัฐมนตรี ข้าราชการ กันมาแบบ จัดเต็ม เหมือนยกพลขึ้นเกาะ พระยาเหยียบเมืองคราวนี้ข้าราชการทุกระดับชั้น ต้องคอยมาต้อนรับขับสู้ผู้นำประเทศหลายคณะ หลายก๊วน จนบ้านเมืองวุ่นวายโกลาหล
นักท่องเที่ยวคนไหนรู้ข่าว ก็ยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวเกาะชื่อดังเหล่านี้ไว้ก่อน ส่วนใครที่ไม่รู้ไปเที่ยวคราวนี้ต้องบอกว่า "เซ็งจิต" ท่องเที่ยวไม่สนุกเหมือนเก่าก่อน เพราะทางการต้องปรับรูปแบบเพื่อตอบรับการโรดโชว์ประเทศไทย ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างเต็มที่
ก็ไม่รู้ว่าครม.สัญจรครั้งนี้จะได้แต้มหรือเสียแต้มกันแน่