xs
xsm
sm
md
lg

ชี้เป้า“ตัวถ่วง”รัฐบาลปูแดง ครม.เศรษฐกิจสารพัดพิษ “ไร้กึ๋น-ส่อทุจริต-หื่นโลกีย์”

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ข่าวปนคน คนปนข่าว

หลังจากที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ทิ้งเก้าอี้รัฐมนตรี การเมืองในพรรคเพื่อไทยก็เริ่มฝุ่นตลบ สัญญาณการปรับ ครม. เริ่มเด่นชัดขึ้น แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องคำนึงมากที่สุดคือการปรับคณะรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล

เพราะผลงานทางเศรษฐกิจในอดีตตั้งแต่สมัย ไทยรักไทย เป็นสิ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยประสพความสำเร็จครั้งล่าสุด โดยหนึ่งปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์น่าผิดหวัง

แต่ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะพรรคฝ่ายค้านกลับแย่ยิ่งกว่า ซึ่งก็ยังประมาทไม่ได้ หากวันใดพรรคประชาธิปัตย์พลิกตัวเองกลับมาได้ โดยมีทีมบริหารพรรคใหม่ และโละแก๊งไอติมออกหมด พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาแข็งแรงอย่างทันที

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด จะหวังแต่กินบุญเก่า ใช้เครดิตเดิม โดยไม่สร้างบุญใหม่ เมื่อบุญหมดก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำได้ เห็นได้จากฐานเสียงเดิมที่ว่าแน่น ก็เริ่มจะสั่นคลอนบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปทุมธานี หรือ เขตดินแดงที่เป็นฐานหลัก

วิเคราะห์ ครม. เศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ดูเหมือนจะดีแต่กลับกลวงโบ๋ หัวหน้าทีม เดอะโต้ง- กิตติรัตน์ ณ ระนองที่ฟอร์มดีคล้ายประชาธิปัตย์ แต่กลับทำงานเหมือนประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นตัวเองสูง เข้าใจแต่ตลาดเงินตลาดทุน ไม่เข้าใจหลักคิดและแนวทางของพรรคที่ต้องมุ่งเน้นรากหญ้า

แถมมาเจอเรื่อง “โกหกสีขาว” ที่บังเอิญหลุดจากปากเพราะความมั่นใจเกิน เหตุ เมื่อถูกนักข่าวที่หลังๆ หมั่นไส้อยู่แล้วขุดหลุมว่าเรื่องแค่การส่งออกที่ไม่เข้าเป้าแค่นี้ไม่รู้ เหรอ ด้วยความที่กลัวเสียฟอร์มเลยตอบกลับไปว่า “รู้แต่โกหก”

เท่านั้นแหละ ความมั่นใจหายหมด เรื่องนี้คนไทยอาจจะไม่เท่าไร แต่ต่างชาติถือมาก ประเทศไทยยังต้องอาศัยต่างชาติมาก นอกจากจะตั้งใจปิดประเทศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นเดอะโต้งควรที่จะพิจารณาตัวเองได้แล้ว ขนาดโพลยังอยากให้ออกตั้ง 83% อีกอย่างวิธีทำงานก็แปลก เวลาส่วนใหญ่ไปใช้กับการเป็นรองนายกฯหมด งานในกระทรวงการคลังที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญที่สุดในการผลักดันประเทศกลับ ถูกละเลย จึงทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

รัฐมนตรีช่วยคลัง 2 คนก็ไม่มีความสามารถและประสบการณ์ด้านนี้เลย เป็นนักการเมืองล้วนๆ กระทรวงการคลังเลยเหมือนเป็นคนพิการ ถ้านายกยิ่งลักษณ์จำเป็นจะใช้เดอะโต้ง ก็น่าจะให้ไปทำรองนายกฯเต็มที่เต็มตัวไปเลย และหาคนอื่นมานั่งคลังแทน

ต่อมาหนีไม่พ้น กระทรวงพาณิชย์ ที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์เจ้ากระทรวงดูเหมือนจะเงียบจนหน้าตกใจ ที่จริงแล้วน่าจะชื่อ “บุญส่ง”มากกว่าเพราะอาศัยความเป็นลูกรักหรือเด็กเจ๊แดง จึงสามารถก้าวมาอยู่ตำแหน่งนี้ได้

บุญทรงองค์ความรู้ก็มีน้อย ความสามารถสื่อสารกับประชาชนอยู่ในขั้นต่ำ เรื่องจำนำข้าวถึงเป็นเหมือนกระสอบทรายให้ทุกฝ่ายร่วมถลุง แม้กระทั่งคนกันเองล่าสุด วีรพงษ์ รามางกูร หรือดร.โกร่งก็โดดลงมาผสมโรงถล่มด้วย

หลายกระแสบอกว่า ที่เจ้ากระทรวงเงียบเพราะถูกสั่งให้อยู่เฉยๆ เพราะขบวนการรับทรัพย์จำนำข้าวมีการปั๊มเงินกันมโหฬาร

อีกทั้งโครงการร้านถูกใจที่ออกมาก็เป็นแบบขอไปที มีของบ้างไม่มีของบ้าง แค่คิดว่ารัฐจะทำค้าปลีกแข่งเอกชนก็ผิดตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว วิสัยทัศน์ด้านการเพิ่มการส่งออกยิ่งไม่มีเอาเลย ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบการรวม เออีซี กับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ อีกทั้งเรื่องเขตการค้าเสรีที่เป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตที่เจ้ากระทรวงคงคิดได้ ไม่เกินเขตล้านนาเท่านั้น

กระทรวงคมนาคม เป็นกระทรวงที่น่าจะมีบทบาทมากในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางของ อาเซียน การเชี่อมต่อระหว่างประเทศ แต่เจ้ากระทรวงกลับไม่ค่อยมีบทบาท คนที่มีบทบาทมากสุดกลับเป็นรัฐมนตรีช่วย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ที่มีชื่อจะไปลงเป็นผู้ว่ากทม.

ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นเหมือนโดเรมอนของรัฐบาล อะไรนึกไม่ออกก็ให้ชัชชาติไปทำ เช่น เรื่องการลงทุนน้ำ จนกระทั่ง ถึงแก้จราจร ซึ่งหากแก้ได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน ก็ต้องยกให้เป็นซุปเปอร์แมน
แต่พอจะรุ่งก็ถูกเตะสกัดกันเองในพรรค เพราะพรรคนี้ใครเด่นไม่ได้ ท้ายสุด มีเรื่องการรายงานทรัพย์สินที่รู้สึกว่าจะหายไปหลายรายการ งานนี้อาจจะตายน้ำตื้นได้

ส่วนรมช. อีกราย ลูกชายกำลังจะแต่งงานกับดาราสาว รายนี้ไม่ต้องพูดมาก รัฐมนตรีว่าการคนไหนมาเป็นต้องทะเลาะหมด ทำตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับเจ้ากระทรวง นิสัยตำรวจยังเข้มข้น ฉายาเดิมไม่ได้มาเพราะฟลุ๊ค

กระทรวงพลังงาน เจ้ากระทรวงเงียบมาก คนส่วนมากจำชื่อไม่ได้ ผลงานตามที่สื่อรายงานคือทำตามนโยบายคนเก่าทุกเรื่อง ไม่มีนโยบายของตัวเอง อยู่แบบชิลๆ อาศัยเป็นลูกน้องเก่านาย วันๆมีแต่บริวารสาวๆเดินเข้าออกกระทรวงและตามเจ้ากระทรวง

เหตุเพราะกลัวถูกเด้งเลยเล่นปล่อยข่าวว่าจะไปกระทรวงคมนาคม ก็ไม่รู้ใช้อะไรคิด แค่กระทรวงพลังงานยังไม่มีผลงาน แล้วกระทรวงคมนาคมจะไปทำได้อย่างไร วัดกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว คุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณที่แม้เงียบ แต่ก็ยังมีคุณค่ามากกว่าเยอะ ทั้งทางผลงานและทางการเมือง

ถ้าถูกโยกจากพลังงานให้ไปกระทรวงคมนาคมจริง ก็แสดงว่า วิธีเลือกคนทำงาน ได้แต่เอาที่คนของใครมากกว่า ที่จะเลือกจากผลงาน อย่างนี้ก็เร่งให้ประเทศชาติพังเร็วขึ้นแน่

หลังสุดมีข่าวถูกนายใหญ่เรียกไปด่าที่เขมร กลับมาบ่นอุบว่าถูกปลัดจอมแสบเสียบมาเต็มๆ ความรู้ทางพลังงานแทบไม่มี ขนาดเข้าเรียนวิชาการพลังงานรุ่นหนึ่งแล้ว แต่ก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดี ข่าวที่ออกมีแต่เรื่องการจ้องจะขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในบ้านอย่างเดียว

กระทรวง ไอซีที ที่ปัจจุบันมีปัญหาทะเลาะกันอย่างแหลกราญของสองอดีตนักบิน งานนี้คนที่แย่คือประชาชนและความล้าหลังทางเทคโนโลยีการสื่อสาร ของประเทศ คงต้องหาทางสงบศึก หรือไม่ก็ต้องยกให้เป็นข้างใดข้างหนึ่งไปบริหาร แต่ถ้าให้ดีต้องเอาคนอื่นมาแทนเลยจะดีกว่า เพราะวิธีคิดตอนนี้ก็คือการกอบโกยทั้งคู่

กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโควต้าของพรรคชาติไทย เป็นเวลานาน แต่ผลงานกับสุดแย่ มาตลอด นับเป็นกรรมของประเทศที่กระทรวงทั้งสองที่เป็นกระทรวงที่จะขับ เคลื่อนประเทศได้อย่างมาก แต่กลับมาตกอยู่ในอุ้งมือของ หลงจู๊

ที่นอกจากจะไม่มีความคิดจะพัฒนาแล้ว ยังคอยหากินในทุกกระเบียดนิ้ว

โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆกับน้ำท่วมปีที่แล้ว ที่ไปกักน้ำมากเกินจำเป็น เจ้ากระทรวงถอดใจ แต่หลงจู๊ยังบังคับให้ทำงานต่อ ส่วนที่น้องชายบริหารกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬานั้น นับวันจะสาละวันเตี้ยลงตามขนาดผู้มีบารมีเบื้องหลัง รัฐบาลจะเทงบพัฒนาทั้งสองกระทรวงนี้อย่างมากก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่างบกว่าครึ่งจะหายเข้าไปในเซฟหมด เลยทำกันแบบกั๊กๆ อย่างนี้ประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร

นี่เป็นเพียงข้อมูล คร่าวๆ เท่านั้น ถ้าเจาะลึกจะพบปัญหามากกว่านี้มาก ดังนั้น การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่ น่าจะเอาคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆเข้ามา ไม่ใช่เอาคนที่เป็นเด็กของใครแต่ไม่มีความสามารถ

เพราะที่สุดแล้ว ถ้าผลงานออกมาไม่ดี รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี รวมถึงพรรคเพื่อไทยจะต้องรับผลนี้ไปอย่างเต็มๆ ขอเตือนว่าอย่าประมาท เมื่อไหร่ ประชาธิปัตย์ตั้งตัวได้แล้วจะหนาว

เหมือนโฆษณา กสทช เรื่องประมูล 3 จี หากปล่อยให้เต่าได้สามจีเมื่อไหร่ กระต่ายอาจจะแพ้ไม่รู้ตัว
บุญทรง เตริยาภิรมย์
กำลังโหลดความคิดเห็น