ข่าวปนคน คนปนข่าว
ทันทีที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก้าวเท้าเหยียบประเทศไทยหลังกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกาและทัวร์ช้อปปิ้งยุโรปเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา รีบปิดเกมเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีทันทีหลังยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยด้วยการบอกว่า "ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาในการพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรี"
ทั้งที่ต้องปรับครม.แน่นอนแต่ที่ทำเช่นนี้ เพราะสองพี่น้องทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกรงจะเกิดแรงกระเพื่อมใหญ่ในพรรคเพื่อไทย หลายกลุ่มในพรรคซึ่งรอจังหวะจะแย่งชาวข้าว เก้าอี้รัฐมนตรีกันอยู่จะเคลื่อนไหวกันหนัก ต้องรีบออกมาตีกันแต่เนิ่นๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จะทอดเวลาออกไปด้วยการจะให้รองนายกรัฐมนตรีบางคนมารับผิดชอบงานแทนยงยุทธไปพลางก่อน ขณะที่ในกระทรวงมหาดไทยก็จะให้ ชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย รับหน้าเสื่อทำหน้าที่รักษาการรมว.มหาดไทยไปจนกว่าจะได้มท.1คนใหม่ แต่ท้ายสุด ก็คงทอดเวลาไปได้ไม่นาน ยังไงก็ต้องปรับครม.แน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็ว แต่หากช้ามากเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเอง
ยิ่งหากจะลากไปถึงหลังเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ประเมินแล้ว ผลเสียน่าจะมากกว่าผลดี จึงทำให้ความเป็นไปได้ในการปรับครม.จะทำกันเร็วอาศัยจังหวะเผลอปิดบัญชีครม.ชุดใหม่ในเวลาอันใกล้นี้
เป็นไปได้ที่ทักษิณจะรีบตัดสินใจปรับครม.เลย และปรับเฉพาะที่มีความจำเป็นจริงๆ เช่นปรับตามความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลที่แสดงเจตจำนงมาตลอด อย่างกรณีสนธยา คุณปลื้ม ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแทนสุกุมล คุณปลื้ม เมียรักในโควตาพรรคพลังชล หรือปรับในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีข้อตกลงกันภายในทั้งของชาติไทยพัฒนาและชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และปรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยไปด้วย เพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง
เป็นต้นว่า ปรับแล้วจะทำให้ลดทอนน้ำหนักและความรุนแรงในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านและทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดีขึ้น อย่างการปรับออกกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แล้วก็หาคนมาแทนยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเบอร์หนึ่งและรมว.มหาดไทย รวมถึงปรับเพื่อเอาใจคนในพรรคตามสัญญาใจเช่น การให้จตุพร พรหมพันธ์ ได้เป็นรัฐมนตรีเสียที
แค่นี้ การตัดสินใจก็ไม่น่าจะยากอะไร และหากรีบทำ แรงกระเพื่อมก็คงมีไม่มาก ดีกว่าปล่อยให้ทอดนานออกไป ตอนนี้แค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เกิดข่าว การช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรีและการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ กันแล้ว ทั้งที่ยงยุทธ ยังไม่ได้เก็บของออกจากห้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยด้วยซ้ำ
ข่าวการเบียดแย่งเก้าอี้ มท. 1 เผลอๆ หวังควบรองนายกรัฐมนตรีด้วยของกลุ่มต่างๆ ในพรรคเพื่อไทย ก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว
ตามชื่อที่ออกมาว่าเป็นตัวเต็ง เช่น เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยและอดีตรมช.มหาดไทย โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาและอดีตรมว.มหาดไทย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พลเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.มหาดไทย ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรมช.คมนาคมและอดีตผอ.พรรคเพื่อไทย
แต่ที่ถูกจับตามองมากสุด ก็รายนี้เลย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ซึ่งเพิ่งพ้นจากตำแหน่งผบ.ตร.ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ข่าวว่าชื่ออยู่ในระดับตัวเต็งอันดับต้นๆ ที่คนในพรรคเพื่อไทยคาดการณ์กันไว้
ด้วยดีกรี ความเป็นพี่ชาย คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์ หนึ่งในผู้จัดการรัฐบาลเพื่อไทย แถมเพิ่งจะพ้นจากตำแหน่งผบ.ตร.มาหมาดๆ แบบไม่มีประวัติอะไรเสียหายทางราชการ เรื่องแบ็คอัพในพรรคเพื่อไทยและในรัฐบาลไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครกล้าขวางทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะขืนทำตายสถานเดียว
ขอเพียงแค่ คุณหญิงอ้อ-บิ๊กอ็อฟ กระแอมกระไอ แค่นั้นแหละ เผอลๆ รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลเวลานี้ พร้อมจะเปิดทางให้ เพื่อรับ“เพรียวพันธ์”มาเป็นรัฐมนตรีแทน ซื้อใจ หญิงอ้อ-บิ๊กอ็อฟ กันเลย
ดังนั้น เรื่องที่ว่า “เพรียวพันธ์”จะมีชื่อเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เลิกพูดได้ ต้องพูดว่า “เพรียวพันธ์” เกษียณมาแล้วจะมาทำงานต่อเลยด้วยการเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เลยหรือเปล่าในการปรับครม.รอบนี้ และหากอยากเป็นรัฐมนตรี อยากเป็นตรงไหน สนใจทำงานอะไร
หาก มีสัญญาณจากบ้านจันทร์ส่องหล้าบอกมาว่า ต้องการให้ “เพรียวพันธ์” ดูแลงานด้านความมั่นคง พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภาก็พร้อมหลีกทางให้ แม้จะต้องหลุดจากเก้าอี้กลับบ้านไปเลี้ยงหลานก็คงยอม เพราะยังไงทุกวันนี้สถานการณ์บนเก้าอี้รมต.สั่นคลอนหนักนับถอยหลังรอเก็บของออกจากห้องทำงานอยู่แล้ว
หรือจะให้ “เพรียวพันธ์” มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแทน เฉลิม อยู่บำรุง มีหรือ “เป็ดเหลิม” จะกล้าหือ ขืนทำฟึดฟัดก็โดนปลดสถานเดียว
หลังก่อนหน้านี้ที่ทำมาเป็นว่าหนุน “เพรียวพันธ์”ให้ไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทย แต่คนในพรรคก็รู้ทันเกมเฉลิมดีว่า ที่แสดงออกแบบนั้น เพราะกลัวว่าหากมีการปรับครม.แล้ว “เพรียวพันธ์”เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีจะมาคุมสตช.มาเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)แทนเฉลิมนั่นเอง ลูกไม้แบบนี้ คนในพรรคเขารู้ทันกันหมด
ครั้นหาก “เพรียวพันธ์” ไม่อยากเล่นบทเดิมเพราะเบื่อแล้วงานปราบปรามแล้ว จะมาเป็นรมว.มหาดไทยตามรอยพวกรุ่นพี่อดีตบิ๊กตำรวจก่อนหน้านี้อย่างพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์-พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็คงมีเสียงเชียร์เอาใจพี่ชายหญิงอ้อกันเป็นจำนวนมากจากพวกส.ส.ในพรรคเพื่อไทย
แบบนี้เขาเรียก คนต้นทุนสูง ไม่ต้องออกแรงมาก ไม่เหมือนพวกส.ส.-แกนนำเพื่อไทยหลายคน ที่ต้องใช้กำลังภายในสารพัดรูปแบบกว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี แต่ “เพรียวพันธ์” โชคดีเพราะได้ทั้งน้องสาวเกื้อหนุนแถมน้องเขยนักโทษผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลก็เกรงใจ ต้องการจะเป็นอะไรมาเอาไป
เหมือนอย่างที่อยากจะเป็น ผบ.ตร.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ทั้งที่มีคนนั่งอยู่ อย่างพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ทั้งยิ่งลักษณ์-ทักษิณก็ยังไปแซะเก้าอี้ผบ.ตร.ของวิเชียร เอามาให้ “เพรียวพันธ์”ได้สมหวังจนได้
เพียงแต่ชื่อของ “เพรียวพันธ์” จะปรากฏในการปรับครม.ที่จะมีขึ้นหรือไม่ ถึงวันนี้ คงอยู่ที่การตัดสินใจของ “เพรียวพันธ์”เองแล้วว่าจะเล่นการเมืองหรือไม่เล่นการเมือง เพราะดูท่าแล้ว ตัว “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-หญิงอ้อ” พร้อมประเคนตำแหน่งใหญ่ให้แน่นอน
จะมีคนในเครือญาติขึ้นมากุมอำนาจการเมืองอีกสักคน จะเป็นอะไรไป
