ข่าวปนคน คนปนข่าว
หลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรองดองแห่งชาติและเตรียมส่งเรื่องให้ ครม.พิจารณา โดย ส.ส.พรรคเพื่อไทยอ้างว่ารัฐบาลเป็นผู้ที่มีศักยภาพสูงสุดในการดำเนินเรื่องนี้ต่อ
โดยเฉพาะการจัดงานสานเสวนา ใช้เครือข่ายกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้ได้ความเห็นที่สมบูรณ์ รอบด้านมากยิ่งขึ้น
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะมอบหมายให้ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) นำไปศึกษารายละเอียดว่าเป็นอย่างไร มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำงานต่อไป จากนั้นค่อยนำเสนอ ครม.อีกครั้ง
รัฐบาลยังเล่นเกมดึงจังหวะ ไม่กล้าผลีผลามนำรายงานวิจัยไปใช้แบบปัจจุบันทันด่วน เสี่ยงโดนถล่มเละจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จากข้อหาสำคัญ มุ่งมั่นช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหลบหนีคดี
แต่ขณะเดียวกันมีความเคลื่อนไหวจากฟาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ออกมาโยนหินท้าทายแรงเสียดทาน ด้วยการล่ารายชื่อ ส.ส.20 คน เสนอเป็นร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หรือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ใช้กระบวนการนิติบัญญัติหยิบรายงานมาเดินหน้าต่อเนื่องทันที สอดรับกับกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาให้ได้ภายในเดือนกันยายนนี้
แบ่งเกมเล่นวัดกระแส ดูบรรยากาศ ภายใต้เส้นชัยอันเดียวกันคือ พา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านแนวทางปรองดองที่พูดพล่ามกันสวยหรู เป็นเพียงผลพลอยได้ ประชาชนได้แต่นั่งมองตาปริบๆ!!
ดูการกระทำมันฟ้องชัดว่าให้น้ำหนักกับการช่วยเหลือนายใหญ่มากกว่า แต่เชื่อแน่ว่า ณ ตอนนี้รัฐบาลยังไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า คงต้องปล่อยให้ทอดเวลาไปอีกระยะก่อน หาอะไรทำเพื่อเพิ่มความชอบธรรมตามแนวทางที่รัฐบาลกำลังคิดทำอยู่เพื่อผ่องถ่ายแรงต้าน ลดแรงเสียดทานไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่เข้าล็อกก็โป๊ะเชะ...
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกปมหนึ่งที่เดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ชั่วโมงนี้กำลังพยายามเร่งผลักดันให้มี ส.ส.ร.ตามระบบที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจไว้แต่แรก โดยขยายเวลาประชุมของสภาเพื่อให้เรื่องนี้เสร็จทันพร้อมเดินหน้าเลือกตั้ง ส.ส.ร. วางสเปกเข้ามาช่วยเหลือนายใหญ่??
ความหวังของประชาชนคนไทยที่ต้องการเห็นความปรองดองสมานฉันท์กลับคืนสู่สังคมไทย แต่บรรดานักการเมืองผู้หลงใหลในอำนาจยังคงฟาดฟันห้ำหั่นในเวทีสภา อารมณ์ถ้อยทีถ้อยอาศัยนำไปสู่การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างไม่เคยเห็น แล้วอย่างนี้จะคาดหวังความสงบสุขกันได้อย่างไร
ปัญหาไฟใต้ที่คุโชนร้อนแรงขึ้นมา ไม่วายถูกหยิบโยงมาเป็นเรื่องการเมืองเอามาฟาดฟันใส่กันอย่างน่าอนาถใจ เปิดประเด็นโดยพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณไปเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบบางกลุ่มจนทำให้อีกกลุ่มไม่พอใจจนก่อเหตุสะเทือนขวัญขึ้นมา ก้าวไม่พ้นทักษิณ ไม่ว่าเรื่องใดที่สามารถโยงให้เกิดความเสียหายโดยน้ำมือของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ก็เล่นเอาล่อเอาเถิดไว้ก่อน ข้อเท็จจริงไว้ค่อยมาว่ากันทีหลัง
จริงไม่จริงไม่รู้แต่ต้องลากมาชำแหละกันก่อน..
คิดอยู่มิติเดียวเหมือนคนวิกลจริต ไม่เคยมีความคิดที่จะแก้ปัญหาด้วยจิตใจปกติ ไม่เคยละทิ้งการชิงไหวชิงพริบทางเกมการเมือง
นี่ล่ะหนาฝ่ายค้านประเทศไทย ไม่ว่ายุคไหนก็ยุคนั้นจ้องแต่จะดิสเครดิต ล้มล้างรัฐบาล ทำทุกวิถีทางเพื่อฉุดกระชากรัฐบาลลงมาแล้วตัวเองขึ้นไปนั่งแทน ไม่เคยคิดที่จะให้ความร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมืองในเรื่องสำคัญๆ เหมือนเช่นประเทศที่เขาเจริญแล้ว คิดแล้วก็สะท้อนใจ
ฟากฝ่ายรัฐบาลก็แน่นอนว่าสมุนลิ่วล้อต้องออกมาปกป้องนายใหญ่พร้อมเบิ้ลกลับพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาเลอะเทอะ ซัดกลับภาพบนเว็บไซต์ที่พยายามตีปี๊บเป็นการตัดต่อเท่านั้น
ข้อเท็จจริงยังไม่รู้อะไรแน่ เมาน้ำลายนักการเมืองสาดกันไปมาความเชื่อถือยิ่งนับวันยิ่งไม่มี เพราะพูดกันด้วยอคติความแค้น ใส่ไคล้กันมากขึ้นทุกวัน
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องเป็นจริงดังที่ว่า ก็ต้องตั้งคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปเจรจาทำไม ทำแล้วเกิดประโยชน์หรือเกิดผลเสียมากกว่ากัน ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนแก้มาไม่รู้กี่รัฐบาลก็ยังแก้ไม่ตก
พ.ต.ท.ทักษิณรู้จุดยุทธศาสตร์ของปัญหาถูกถ้วนแท้จริงแล้วหรือไม่การไปเจรจาแบบนั้นมันสมควรหรือ เพราะวันนี้แม้แต่คนในพื้นที่ยังวิเคราะห์สาเหตุแห่งปัญหาไม่ตรงกันยังสันนิษฐานจำแนกไปในหลายแนวทางอดีตนายกฯที่เคยแก้ปัญหาภาคใต้ล้มเหลวอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณยังมีหน้าไปเจรจาค้าความอีกหรือมีแต่จะทำให้บางกลุ่มบางฝ่ายหมั่นไส้เพิ่มเติมมากขึ้นเท่านั้น
มุมมองสำคัญที่เกิดขึ้นต่อกรณีความไม่สงบในภาคใต้นั่นก็คือท่าทีของรัฐบาลหลายครั้งหลายหนประชาชนคนในพื้นที่มองเห็นความไม่จริงใจ ขาดการเอาใจใส่จากรัฐบาล มองเป็นปัญหาที่เรื้อรังเข้าใจยากจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติดำเนินการแบบขอไปที ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไม่มีการลงพื้นที่ชนิดเข้าถึง
“เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา” ไม่เห็นเป็นรูปธรรม อีกมุมหนึ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่สะท้อนความเห็นออกมาเยอะ คือการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนใน 3 จังหวัด ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เศรษฐกิจซบเซา หลายคนต้องเดินทางไปทำงานที่มาเลเซีย หลายคนต้องกลายเป็นแนวร่วมขบวนการ รัฐบาลยังขาดการแก้ปัญหาในมิตินี้อยู่มาก เอะอะอะไรก็คิดได้เพียงพัฒนาอาหาร “ฮาลาล” คิดอย่างอื่นไม่เป็น เพราะเข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจ..
การจะไปเจรจา หรือแก้ปัญหาที่ละเอียดอ่อน อันดับแรกต้องมีความเข้าใจ รู้ใจเขาใจเราเสียก่อนจึงแก้ปัญหาถูกจุด ปัญหาภาคใต้ต้องจำแนกแบ่งกลุ่มอย่างชัดเจน พวกแนวคิดแบ่งแยกดินแดนนั้นก็มี ต้องจัดการกันอีกระดับหนึ่ง
สำคัญคือการดึงแนวร่วมให้เข้ามาอยู่กับฝ่ายเรา อย่าผลักไสให้ไปเป็นฝ่ายอยู่กับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ตั้งใจ ระคนโง่เขลา!!
ถ้ายังแก้ปัญหาแบบตาบอดคลำช้าง บนฐานความคิดตนเองซึ่งไร้ความเข้าใจ นอกจากไม่ช่วยแก้แล้วยังเพิ่มเติมรุนแรง...
เหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ภาคใต้เมื่อ 31 มีนาคมถึงเวลาหรือยังที่ทุกฝ่ายต้องสืบค้นต้นตอเอาใจใส่แก้ปัญหาด้ามขวานทองอย่างจริงจัง ภาพการเสียชีวิตบาดเจ็บอเนจอนาถ สะเทือนขวัญชาวไทยทุกคน
ผู้คนในพื้นที่ยังต้องเสี่ยงตายทุกวัน ใครไม่เจอไม่รู้ ใครไม่สัมผัสย่อมไม่เข้าใจคนในรัฐบาลตลอดจนหัวแถวฝ่ายความมั่นคงจะนั่งสั่งการอยู่บนหอคอยงาช้างใช้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติจัดการแบบขอไปทีจนถึงเมื่อไหร่
จะปล่อยปละเอาแต่ตั้งรับกับปัญหาไปอีกนานแค่ไหน หรือจะนิ่งดูดายปล่อยให้ด้ามขวานถูกเฉือนทิ้งไป...