การลุกขึ้นอภิปรายปัญหาต้นตอของความขัดแย้งโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านความมั่นคง เมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลต่อจากรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สะท้อนให้เห็นว่า นายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเป็นอย่างดี
เข้าใจแม้กระทั่งว่า รัฐสภาแก้ปัญหาของประเทศชาติไม่ได้
รัฐสภาเป็นเพียงภาพที่หลอกชาวโลกทั้งหลายให้ดูดี เป็นความประนีประนอม เป็นความปรองดอง เป็นความสวยงาม เป็นรูปแบบที่ทำให้เห็นและเข้าใจว่า ประชาธิปไตยเป็นอย่างนี้นะ มีรูปแบบ มีการจัดการอย่างนี้ คือ มีการเลือกตั้ง มีเสียงข้างมาก ใครได้เสียงข้างมากก็บริหารเป็นรัฐบาล ใครได้เสียงข้างน้อยก็เป็นฝ่ายค้าน
การเอาชนะกันจริงๆ นั้นอยู่ที่กำลังนอกสภา หรืออย่างที่ชาวพรรคประชาธิปัตย์มักจะพูดอยู่เสมอว่า การเมืองข้างถนน
ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วย ทักษิณ แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นเอง พอจะลงมือทำประชาชนที่เรียกกันว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ออกมาคัดค้าน เป็นการคัดค้านอย่างแข็งขัน จริงจัง จนกระทั่งรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่กล้านำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา จนกระทั่งนายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า นายสมัคร ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ที่ไปรับจ้างแสดงการทำกับข้าวออกสถานีโทรทัศน์ และจนกระทั่งถึงรัฐบาลนายสมชายก็แก้ไขรัฐธรรมนูญช่วยทักษิณไม่สำเร็จ
มาวันนี้รัฐบาลที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศ ดูเหมือนว่า หนทางที่จะช่วยทักษิณให้กลับประเทศค่อนข้างจะเป็นไปอย่างฉลุย
ไม่มีใครถือสานายกรัฐมนตรีที่มีความรู้รอบตัวแย่กว่าเด็กมัธยมบางคน เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นคนที่เพลงไม่ฟัง หนังไม่ดู หนังสือไม่อ่าน สนใจแต่เรื่องสวยๆ งามๆ ของตัวเองเท่านั้น ไม่สนใจที่จะไปประชุมสภา เพราะเกรงว่าจะต้องตอบกระทู้สดจะต้องลุกขึ้นอภิปราย หรือชี้แจงหากมีการพาดพิงถึง
ไม่มีใครสนใจเมื่อฝ่ายรัฐบาลเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความเป็นจริงคือ การฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทิ้งแล้วร่างขั้นใหม่ ก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลกำลังประสบความสำเร็จ อีกไม่นานก็จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ โดยที่ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในขณะนี้มีข้อบกพร่องตรงไหน มาตราใดบ้างที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมือง
ไม่มีใครสนใจว่า รัฐบาลเดินหน้าการปรองดอง หรือว่าที่จริงก็คือ การช่วยให้ทักษิณได้กลับประเทศอย่างผู้บริสุทธิ์ ไม่ต้องติดคุก 2 ปีดังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาไว้แล้ว ซ้ำอาจจะได้เงินคืนจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาไว้แล้ว โดยให้ยึดไว้ 4.6 หมื่นล้านบาท
มีคำถามว่า ขบวนการช่วยเหลือทักษิณ รวมทั้งการเยียวยา หรือว่าที่จริงก็คือ เอาเงินภาษีของประชาชนมาปูนบำเหน็จบรรดาผู้คนที่ขายชีวิตขายวิญญาณให้แก่ทักษิณ นับตั้งแต่ที่ทักษิณถูกยึดอำนาจมาเมื่อ 19 กันยายน 2549 ทำไมเดินหน้าไปด้วยความเร่งรีบ ลุกลี้ลุกลนและไม่มีอุปสรรค?
พวกเขาตอบคำถามนี้เองว่า ต้องตีเหล็กขณะกำลังร้อน
ทุกวันนี้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวง หรือส่วนใหญ่ของประเทศกำลังอยู่ระหว่างชื่นชมนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก เป็นคนสวย น่ารัก แต่งตัวดี ไม่ว่าจะแต่งชุดประจำชาติไหนก็ดูดีไปหมด ส่วนสมองจะมีหรือไม่ ไม่มีใครถือสา แม้กระทั่งสื่อมวลชนก็ไม่มีใครสนใจ มีหนังสือพิมพ์น้อยฉบับจะพูดถึงเรื่องนี้ มีคอลัมนิสต์ไม่กี่คนจะให้ความสนใจเรื่องนี้
จึงเป็นโอกาสดีที่จะช่วยทักษิณ
ทำไมความรู้สึกของประชาชนปี 2551 ในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช จึงแตกต่างไปจากปี 2554-2555 ในยุคสมัยของนางสาวยิ่งลักษณ์?
ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนไม่ได้แตกต่างกันเลย ที่แตกต่างไปก็คือ ความคิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ดูถูกดูแคลนพลังของประชาชน มองว่าเป็นพวกนักสู้ข้างถนน เป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของระบบรัฐสภา เป็นพวกที่ต้องการความรุนแรง (โดยที่ประชาธิปัตย์เจอความรุนแรงจากฝ่ายทักษิณเองแท้ๆ ทั้งที่พัทยา ทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทย นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด) พวกเขาจึงรอดูว่า ประชาธิปัตย์ซึ่งเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาจะเอาอย่างไร โหวตทีไร ประชาธิปัตย์ก็แพ้ทีนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับเขา นอกจากอ้อนวอนออดอ้อนให้เสียงข้างมาก เห็นแก่เสียงข้างน้อย เห็นความสำคัญของเสียงข้างน้อย
ทั้งที่ประชาธิปัตย์ก่อตั้งมา ต่อสู้ในสภามาเกินครึ่งศตวรรษแล้ว น่าจะสรุปบทเรียนได้ว่า คนเลว คนชั่วนั้นมันไม่ฟังคำวิงวอนออดอ้อนใคร
ประชาธิปัตย์น่าจะสรุปบทเรียนได้ว่า การสู้กับคนหน้าด้านนั้น ใช้เหตุใช้ผลไม่ได้
คำอภิปรายในสภาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันก่อนนี้นอกจากถลกเนื้อหนังของทักษิณออกมาประจานอย่างล่อนจ้อนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มองเห็นแล้วว่า รัฐสภานั้นเป็นเวทีที่ทำให้ดูดี ดูสวยงาม ประนีประนอมบ้างเท่านั้นเอง
กับคนหน้าด้านใช้ไม่ได้
เข้าใจแม้กระทั่งว่า รัฐสภาแก้ปัญหาของประเทศชาติไม่ได้
รัฐสภาเป็นเพียงภาพที่หลอกชาวโลกทั้งหลายให้ดูดี เป็นความประนีประนอม เป็นความปรองดอง เป็นความสวยงาม เป็นรูปแบบที่ทำให้เห็นและเข้าใจว่า ประชาธิปไตยเป็นอย่างนี้นะ มีรูปแบบ มีการจัดการอย่างนี้ คือ มีการเลือกตั้ง มีเสียงข้างมาก ใครได้เสียงข้างมากก็บริหารเป็นรัฐบาล ใครได้เสียงข้างน้อยก็เป็นฝ่ายค้าน
การเอาชนะกันจริงๆ นั้นอยู่ที่กำลังนอกสภา หรืออย่างที่ชาวพรรคประชาธิปัตย์มักจะพูดอยู่เสมอว่า การเมืองข้างถนน
ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วย ทักษิณ แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นเอง พอจะลงมือทำประชาชนที่เรียกกันว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ออกมาคัดค้าน เป็นการคัดค้านอย่างแข็งขัน จริงจัง จนกระทั่งรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่กล้านำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา จนกระทั่งนายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า นายสมัคร ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ที่ไปรับจ้างแสดงการทำกับข้าวออกสถานีโทรทัศน์ และจนกระทั่งถึงรัฐบาลนายสมชายก็แก้ไขรัฐธรรมนูญช่วยทักษิณไม่สำเร็จ
มาวันนี้รัฐบาลที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศ ดูเหมือนว่า หนทางที่จะช่วยทักษิณให้กลับประเทศค่อนข้างจะเป็นไปอย่างฉลุย
ไม่มีใครถือสานายกรัฐมนตรีที่มีความรู้รอบตัวแย่กว่าเด็กมัธยมบางคน เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นคนที่เพลงไม่ฟัง หนังไม่ดู หนังสือไม่อ่าน สนใจแต่เรื่องสวยๆ งามๆ ของตัวเองเท่านั้น ไม่สนใจที่จะไปประชุมสภา เพราะเกรงว่าจะต้องตอบกระทู้สดจะต้องลุกขึ้นอภิปราย หรือชี้แจงหากมีการพาดพิงถึง
ไม่มีใครสนใจเมื่อฝ่ายรัฐบาลเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความเป็นจริงคือ การฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทิ้งแล้วร่างขั้นใหม่ ก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลกำลังประสบความสำเร็จ อีกไม่นานก็จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ โดยที่ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในขณะนี้มีข้อบกพร่องตรงไหน มาตราใดบ้างที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมือง
ไม่มีใครสนใจว่า รัฐบาลเดินหน้าการปรองดอง หรือว่าที่จริงก็คือ การช่วยให้ทักษิณได้กลับประเทศอย่างผู้บริสุทธิ์ ไม่ต้องติดคุก 2 ปีดังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาไว้แล้ว ซ้ำอาจจะได้เงินคืนจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาไว้แล้ว โดยให้ยึดไว้ 4.6 หมื่นล้านบาท
มีคำถามว่า ขบวนการช่วยเหลือทักษิณ รวมทั้งการเยียวยา หรือว่าที่จริงก็คือ เอาเงินภาษีของประชาชนมาปูนบำเหน็จบรรดาผู้คนที่ขายชีวิตขายวิญญาณให้แก่ทักษิณ นับตั้งแต่ที่ทักษิณถูกยึดอำนาจมาเมื่อ 19 กันยายน 2549 ทำไมเดินหน้าไปด้วยความเร่งรีบ ลุกลี้ลุกลนและไม่มีอุปสรรค?
พวกเขาตอบคำถามนี้เองว่า ต้องตีเหล็กขณะกำลังร้อน
ทุกวันนี้ประชาชนทั้งหลายทั้งปวง หรือส่วนใหญ่ของประเทศกำลังอยู่ระหว่างชื่นชมนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก เป็นคนสวย น่ารัก แต่งตัวดี ไม่ว่าจะแต่งชุดประจำชาติไหนก็ดูดีไปหมด ส่วนสมองจะมีหรือไม่ ไม่มีใครถือสา แม้กระทั่งสื่อมวลชนก็ไม่มีใครสนใจ มีหนังสือพิมพ์น้อยฉบับจะพูดถึงเรื่องนี้ มีคอลัมนิสต์ไม่กี่คนจะให้ความสนใจเรื่องนี้
จึงเป็นโอกาสดีที่จะช่วยทักษิณ
ทำไมความรู้สึกของประชาชนปี 2551 ในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช จึงแตกต่างไปจากปี 2554-2555 ในยุคสมัยของนางสาวยิ่งลักษณ์?
ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนไม่ได้แตกต่างกันเลย ที่แตกต่างไปก็คือ ความคิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ดูถูกดูแคลนพลังของประชาชน มองว่าเป็นพวกนักสู้ข้างถนน เป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของระบบรัฐสภา เป็นพวกที่ต้องการความรุนแรง (โดยที่ประชาธิปัตย์เจอความรุนแรงจากฝ่ายทักษิณเองแท้ๆ ทั้งที่พัทยา ทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทย นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด) พวกเขาจึงรอดูว่า ประชาธิปัตย์ซึ่งเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาจะเอาอย่างไร โหวตทีไร ประชาธิปัตย์ก็แพ้ทีนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับเขา นอกจากอ้อนวอนออดอ้อนให้เสียงข้างมาก เห็นแก่เสียงข้างน้อย เห็นความสำคัญของเสียงข้างน้อย
ทั้งที่ประชาธิปัตย์ก่อตั้งมา ต่อสู้ในสภามาเกินครึ่งศตวรรษแล้ว น่าจะสรุปบทเรียนได้ว่า คนเลว คนชั่วนั้นมันไม่ฟังคำวิงวอนออดอ้อนใคร
ประชาธิปัตย์น่าจะสรุปบทเรียนได้ว่า การสู้กับคนหน้าด้านนั้น ใช้เหตุใช้ผลไม่ได้
คำอภิปรายในสภาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันก่อนนี้นอกจากถลกเนื้อหนังของทักษิณออกมาประจานอย่างล่อนจ้อนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มองเห็นแล้วว่า รัฐสภานั้นเป็นเวทีที่ทำให้ดูดี ดูสวยงาม ประนีประนอมบ้างเท่านั้นเอง
กับคนหน้าด้านใช้ไม่ได้