ข่าวปนคน คนปนข่าว
การประกาศตามหาคนหายในโลกออนไลน์ที่นำรูปภาพ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มาตีตราประทับคำว่า WANTED พร้อมกับการทวงถามจุดยืนถอนรายงานวิจัยตามแถลงการณ์ของสถาบันพระปกเกล้า หลังจากที่สภาหักดิบส่งรายงานกรรมาธิการปรองดองฯ “ฉบับบังเละ”พา “พระปกเกล้า”เสื่อมให้ ครม.ไปดำเนินการ
ตามด้วยความกระดี๊กระด๊าของลิ่วล้อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่พาเหรดกันออกมาแสดงความเห็นดตรียมออกกฎหมายล้างผิดคดีปล้นชาติโกงแผ่นดินให้กับ ทักษิณ ผู้ครวญเพลง "ช่างแม่งมัน" แบบไร้สติข้ามประเทศ
อย่างไรก็ดี ถึงวันนี้“บวรศักดิ์” ก็ทำตัวหายเข้ากลีบเมฆ นักข่าวโทรศัพท์เพื่อสอบถามความเห็นก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก จนทำให้ผู้คนก่นด่าประณามว่า "อุตส่าห์บวชเรียนมา ก็ยังสลัดคราบเนติบริกรรับใช้ทักษิณไม่ได้"
สถาบันพระปกเกล้าอาจพลอยเสื่อมเสียไปด้วยเพราะมีผู้บริหารรับใช้การเมือง ทำลายความเป็นอิสระทางวิชาการจนกระทบต่อความศรัทธาของสังคม ซึ่งหาก “บวรศักดิ์” ยังหลงเหลือมโนสำนึกที่ดีอยู่บ้างก็ควรจะออกมาแสดงจุดยืนรักษาเกียรติภูมิของสถาบันเอาไว้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรเสนอหน้านั่งในตำแหน่งเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าอีกต่อไป
เช่นเดียวกับ วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบ้นพระปกเกล้าและคณะวิจัยทั้ง 19 คน ก็ควรรับผิดชอบต่องานวิจัยขยะสุดอัปยศ บิดเบือนแม้กระทั่งคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบทบาทของ คตส.ยุคคมช.ว่าเหมือนกับ คตส.ยุค รสช. ทั้งที่บทบาทหน้าที่และการใช้กฎหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่ในยุคที่อำนาจเงินเป็นใหญ่อย่างในขณะนี้ สังคมไทยคงหวังยากที่จะเห็นสปิริตจากคนหลายคน
กรณีสถาบันพระปกเกล้าน่าจะเป็นบทเรียนให้กับ คอป. ที่ คณิต ณ นคร เป็นประธานว่าต้องพึงระวังให้มาก มิเช่นนั้นก็จะตกเป็นเครื่องมือฟอกผิดให้คนผิดจะด้วยสมยอมหรือไม่ก็ตาม เพราะที่ผ่านมาพฤติกรรมของรัฐบาลในการใช้
ปคอป. บิดเบือนเจตนารมย์ของ คอป. กำหนดเงินเยียวยาคนเผาเมืองตามอำเภอใจด้วยตัวเลข 7.75 ล้านบาท เหยียบหัวใจประชาชนเอาเงินภาษีจากหยาดเหงื่อคนไทย 2 พันล้านบาทมาปูนบำเน็จให้ก่อการร้ายแดง
แม้ว่า คอป. จะออกมาขมุบขมิบปากโต้แย้งพอเป็นพิธีว่าตัวเลขงาม ๆ ล่อใจให้พลีชีพเพื่อแม้วนั้น มิได้เป็นข้อเสนอของ คอป. แต่รัฐบาลก็ตีกินหารับประทานให้พรรคพวกเรียบร้อยไปแล้ว
ดังนั้นคำพูดของสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศที่พูดไว้ในวันที่ 17 เมษายน 2555 ระบุชัดเจนว่า คณิต ณ นคร ประธาน คอป.จะเสนอ พรบ.ปรองดองเข้าสู่ที่ประชุมครม.เร็ว ๆ นี้ และเชื่อว่าการออกพ รบ.ปรองดองจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เมื่อทุกอย่างยุติ ทักษิณ ก็จะได้กลับไทย
ถัดจากนั้นเพียงวันเดียว ในวันที่18 เมษายน 2555 ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะ ประธาน ปคอป. ก็ออกมาท้าทายสังคมให้ทำประชามติในกรออก พรบ.ปรองดอง พร้อมกับระบุเสร็จสรรพว่า คอป.เห็นด้วยกับแนวทางนี้
แม้ว่า คณิต จะออกตัวหลังจากนั้นว่า ไม่เคยมีแนวคิดที่จะเสนอให้มีการนิรโทษกรรมคดีทุจริต แต่ก็คงทำให้สังคมคลายความกังวลไม่ได้ เพราะเคยมีตัวอย่างจากการที่รัฐบาลอ้าง คอป. เอาภาษีประชาชนไปจ่ายให้กองกำลังของตัวเองมาแล้ว โดยที่ คอป.ก็มิได้ทัดทานอย่างเข้มแข็งเท่าที่ควร
จึงไม่แปลกที่ผู้คนเขาจะมีคำถามว่า คอป. จะซูเอี๋ยกับรัฐบาลช่วยนักโทษ เหมือนที่สถาบันพระปกเกล้าทำหรือไม่
ปากบอกไม่เห็นด้วยประณามรัฐบาลใช้งานวิจัยผิดเจตนารมณ์สร้างสงครามปรองดอง สถาปนาความยุติธรรมของผู้ชนะ แต่มุดลงรูหนีหน้าสังคมไม่ยอมถอนงานวิจัยของตัวเองกลับมาเพื่อตบหน้ารัฐบาลไม่ให้นำงานวิจัยไปใช้ประโยขน์ตบตาประชาชน
สังคมจะมั่นใจได้อย่างไรว่า สายสัมพันธ์ดั้งเดิมที่ “คณิต” เคยมีใจให้กับ “ทักษิณ” ถึงขนาดไปร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาด้วยกัน จะไม่ทำให้เอนเอียงไปช่วยเหลือนักโทษ เพราะการที่รัฐบาลชุดนี้ให้การยอมรับ คอป.ที่แต่งตั้งโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ย่อมหมายความว่ามีประโยชน์สำหรับนายใหญ่และพวก
นอกจากนี้ เมื่อสาวถึงความสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการ คอป.บางคนกับล็อบบี้ยิสต์ปรองดองอย่าง วัฒนา เมืองสุข กับ กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน คอป. ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาแต่ลึกซึ้งถึงขั้นเป็นเพื่อนซี้กอดคอติวหนังสือกินนอนอยู่บ้านตั้งแต่ครั้งที่เป็นนิสิตในรั้วจามจุรี ซึ่งวัฒนาเคยเล่าเรื่องนี้ในยุคที่เรืองอำนาจใต้ร่มเงาของระบอบทักษิณเอาไว้ในนิตยสารฉบับหนึ่งว่า
ชีวิตอิสระการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย มีบ้านกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อยู่ในหมู่บ้านเสรี ซอย 1 บ้านเลขที่ 16 เป็นสถานที่ให้เพื่อนทุกคนหวนรำลึกเสมอ เพราะคุณพ่อคุณแม่ของกิตติพงษ์ ใจดีมาก ให้อิสระกับบุตรชายในการดำเนินชีวิตที่กรุงเทพฯ บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นบ้านที่เพื่อนฝูงผูกพันไปด้วย
"ผมไม่มีพิษมีภัยกับเพื่อน ผมไม่แทงเพื่อน เพื่อนที่เราคบกันยั่งยืนเพราะการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมเคารพกันสำคัญมากสำหรับเพื่อน การเป็นเพื่อน เมื่อเรามีโอกาสมากกว่า เราก็ต้องให้เกียรติเขาด้วย สมัยผมเป็นเลขานายกฯ ผมผลักดันดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ นายกรัฐมนตรีก็รู้กิตติศัพท์ว่ากิตติพงษ์เป็นคนเก่ง เราก็เปิดโอกาสเขา ผมใจกว้าง เพื่อนผมเก่งกว่าผมทั้งนั้น กิตติพงษ์จบฮาร์วาร์ด ปานปรีย์ก็จบเคลมองต์ และแคลิฟอร์เนีย ผมต้องเอาคนที่เก่งกว่ามาทำงานกับผมสิครับ เพื่อเขาจะได้แสดงฝีมือเต็มที่ ผมในฐานะนักบริหาร ผมบ้าและกล้ากว่าเพื่อน คนเก่งจะรอบคอบระวัง คนเป็นหัวหน้าบางทีไม่ใช่คนเก่งเรียนในชั้น อย่างฮิตเลอร์ก็เป็นนายสิบ แต่เพราะบ้าและกล้ากว่าจึงเป็นฮิตเลอร์ แม่ทัพมีคนเดียวแต่มีขุนศึกที่เก่งกล้าร่วมรบด้วย"
การระบุอย่างชัดถ้อยชัดคำของ “วัฒนา”ว่า เป็นผู้ผลักดันให้ กิตติพงษ์ เติบโตในราชการโดยอาศัยอำนาจของ ทักษิณ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นบุญคุณที่ต้องทดแทนด้วยการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมของบ้านเมือง เพื่ดให้คนบางคนอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่
"ปลัดกิตติพงษ์" ควรต้องตอบคำถามนี้ และต้องยืนยีนการทำหน้าที่ของตัวเองให้หนักแน่น มั่นคง หากมีความบริสุทธิ์ใจต่อประเทศ ไม่ใช่ประเภทแอ๊บเป็นกลาง แต่ใส่กางเกงในแดงแจ๋ซ่อนไว้ข้างใน
ต้องมีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่า วุฒิสาร ตันไชย ที่ทำหน้าซื่ออ้างความเป็นอิสระทางวิชาการมาบังหน้า ทำงานวิจัยโดยมีวาระซ้อนเร้น จนถูกมองว่าเป็นพวกนักวิชาการรับใช้ทุนแถมยังสนิทสนมเป็นเพื่อนร่วมรุ่น OSK 90 กับ วัฒนาเจ้าเก่า
คงเป็นเพราะมีสายสัมพันธ์เชิงซ้อนเช่นนี้เอง “ทักษิณ”จึงไว้วางใจให้ “วัฒนา” เป็นหัวหอกสร้างฉากปาหี่ปรองดองหลอกสังคม
ความท้าทายจากนี้ไปจึงอยู่ที่ คณิต ว่าจะมีความหนักแน่ในการทำงานเพื่อบ้านเมืองมากน้อยเพียงไร เพราะ คณิต เองก็รู้อยู่แก่ใจว่า หากปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมถูกหักดิบเพื่อช่วยคนผิดแล้วจะเกิดอันตรายต่อบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไม่ต่างจากฮิตเลอร์ทำร้ายเยอรมัน
“ผมเปรียบเทียบ เหมือนคดีฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์เป็นคนออสเตรีย แล้วเขาก็เข้ามาอยู่ในบาวาเรีย ในเยอรมัน แล้วมาเป็นทหารรับจ้างของกองทัพบาวาเรีย ได้ไปรบจนได้เหรียญตรา จากนั้นฮิตเลอร์ก็ก่อกบฏ ก่อกบฏแล้วก็ถูกจับขึ้นศาล ซึ่งกฎหมายเยอรมัน ณ ตอนนั้น คนที่เป็นคนต่างด้าวที่ถูกลงโทษจะต้องถูกเนรเทศด้วย แต่ศาลเยอรมันขณะนั้นบอกว่าฮิตเลอร์ซึ่งมีความรู้สึกเป็นเยอรมันอย่างมาก ทั้งได้ประกอบคุณงามความดีจนได้เหรียญตรา จึงไม่ใช่คนต่างด้าว เห็นไหมครับ บิดเบือนกฎหมายชัดเจน ผมเองก็เคยเขียนบทความว่า ถ้าศาลใช้อำนาจอย่างตรงไปตรงมา ฮิตเลอร์ก็จะไม่ขึ้นสู่อำนาจ สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จะไม่เกิด มันก็เหมือนคดีเรานี่แหละ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจถูกต้องตามกฎหมาย คุณทักษิณก็จะถูกอัปเปหิออกไปจากอำนาจ ไม่ขึ้นสู่อำนาจ ไม่สร้างความเสียหาย มันอันเดียวกันเลยนะครับ ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย”
หวังว่า “คณิต” จะยังจำคำพูดของตัวเองได้ เพราะถ้ามีใครยอมหลับตาข้างหนึ่งเพื่อบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมช่วยคนผิด ก็เท่ากับกำลังนำชาติเข้าสู่หายนะรอบใหม่