xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.รุมค้านให้อำนาจ “สมศักดิ์” วางกรอบการได้มา ส.ส.ร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ธีรเดช มีเพียร
กมธ.เสียงข้างน้อย รุมค้านมอบอำนาจให้ ปธ.สภาวางกรอบสรรหา 22 อรหันต์ ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.ร. หวั่นกินรวบหาช่องดึงพวกร่วมวงเขียน รธน.ใหม่ ด้าน ”พิชิต” อ้าง ปธ.สภาเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ เชื่อไว้ใจได้

วันนี้ (25 เม.ย.) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งเป็นการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 8 โดยเป็นการพิจารณาต่อในมาตรา 291/6 เรื่องให้รัฐสภาดำเนินการคัดเลือก ส.ส.ร. ตามมาตรา 291/1 (2) ให้แล้วเสร็จภายใน 75 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกา หรือตามมาตรา 291/5 มีผลใช้บังคับ รวมทั้งให้สภาของสถาบันอุดมศึกษา องค์กรภาคเศรษฐกิจ สังคม และองค์กรภาคเอกชน แต่ละแห่งคัดเลือกบุคคล ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะเป็น ส.ส.ร.ตามมาตรา 291/1 (2) ในประเภทต่างๆ ตามมาตรา 291/1 (2) (ก) (ข) และ (ค) ประเภทละไม่เกิน 2 คน โดยจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อของแต่ละประเภท พร้อมทั้งรายละเอียดตามที่ประธานรัฐสภากำหนด

ทั้งนี้ การอภิปรายของ กมธ.เสียงข้างน้อยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมากที่เขียนให้อำนาจประธานรัฐสภาดำเนินการในทุกกระบวนการ เพราะถือเป็นการรวบอำนาจทุกอย่างไว้ที่คนคนเดียว เช่น การจัดทำบัญชีรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ร.แต่ละประเภท ให้อำนาจประธานรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการ 15 คน เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเป็น ส.ส.ร. กรณีการเลือก ส.ส.ร.ที่มีคะแนนเท่ากันให้ประธานรัฐสภาทำการจับสลากว่าผู้ใดได้รับการคัดเลือก รวมทั้งกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการสมัครรับการคัดเลือกและการคัดเลือก ส.ส.ร. ให้ประธานรัฐสภากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว

โดย นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย สงวนคำแปรญัตติเสนอให้ตัดมาตรา 291/6 ออกทั้งมาตราว่า การกำหนดให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการในเกือบทุกกระบวนการ ถ้าเขียนกฎหมายออกไปอย่างนี้ทำให้ประธานรัฐสภากินรวบทุกอย่าง อำนาจเบ็ดเสร็ดทุกอย่างจะอยู่ที่ประธานรัฐสภาคนเดียว ซึ่งจะส่งผลให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้กลายเป็นฉบับกินรวบด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เราไม่สามารถเอาประเทศทั้งประเทศไปไว้กับคนคนเดียวได้ ซึ่งการให้อำนาจประธานสภากำหนดกรอบการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้เป็น ส.ส.ร. ซึ่งต้องคัดเลือกมาทั้งหมด 22 คน

นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า ตนอยากเสนอให้แค่สภาสถาบันอุดมศึกษาเป็นผู้คัดเลือกแต่เพียงผู้เดียว เพราะเราไม่สามารถแยกแยะได้ว่าองค์กรใดจะเป็นตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญด้านใด มันไม่มีความชัดเจนที่สุดจะส่งผลให้มีการฟ้องร้องกันมากมาย นอกจากนี้ การให้ประธานรัฐสภาจัดทำบัญชีรายชื่อของผู้ที่จะได้รับคัดเลือกเป็น
ส.ส.ร.แต่ละประเภท แล้วให้ที่ประชุมรัฐสภาเป็นผู้เลือก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเสียงข้างมากของพวกท่านเลือกอีกชั้นหนึ่ง สุดท้ายก็กลายเป็นการกินรวบอยู่ดี

“ปัจจุบันเขาไม่ยุทธกันด้วยอาวุธปืนแล้ว แต่ใช้คน 22 คนที่เสียงข้างมากของพวกท่านเลือกเข้ามา ไปเขียนกติกาของประเทศแล้วเอา 77 คนมายกมือสร้างความถูกต้อง นี่คือความหวาดระแวงของสังคมในการเขียนกติกาของประเทศ นี่คือหัวใจของการยึดอำนาจของประเทศนี้ เขียนรัฐธรรมนูญที่จะมีโครงสร้างประเทศอย่างไรก็ได้ โดยไม่ต้องใช้กระบอกปืนและรถถัง เอาคนของตัวเองมาเขียนอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ” นายนิพนธ์กล่าว

นายพิชิต ชื่นบาน ในฐานะคณะกรรมธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า การทำหน้าที่ของสภาสถาบันการศึกษาในการเป็นผู้คัดเลือกตัวบุคคลที่จะได้รับคัดเลือกเป็น ส.ส.ร.นั้น เปรียบเหมือนทำงานเป็นตัวกรอง ที่คัดกรองมาให้กับประธานรัฐสภา ที่จะทำหน้าที่เป็นคณะบุคคล ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าประธานรัฐสภาจะสามารถคัดเลือกคณะบุคคลให้เป็นที่ไว้วางใจได้ ทั้งนี้ การทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาเปรียบเหมือนบุรุษไปรษณีย์ที่จะส่งต่อให้ที่ประชุมรัฐสภาคัดเลือกอีกชั้นหนึ่ง ส่วนข้อกังวลว่าจะเป็นการบล็อกโหวตนั้น คงเป็นไปได้ยาก ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าบทบาทของประธานรัฐสภาที่ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่บุรุษไปรษณีย์ไม่ได้มีอะไรให้สมาชิกต้องกังวลใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการอภิปรายยังคงเป็นไปอย่างกว้างขวาง สมาชิกที่ขอสงวนคำแปรญัตติส่วนใหญ่ที่ลุกขึ้นอภิปรายเป็น ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ โดยยังคงท้วงติงประเด็นที่มอบอำนาจให้ประธานรัฐสภามีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก ส.ส.ร.สรรหาทั้ง 22 คน รวมทั้งการเสนอให้สถาบันการศึกษาเป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ที่จะคัดเลือกเป็น ส.ส.ร.เพียงอย่างเดียว โดยไม่จำเป็นต้องมีองค์กรเฉพาะด้านอย่าง ภาคเอกชน เศรษฐกิจ เสนอรายชื่อเข้ามา เพราะเกรงว่าจะมีคดีความการฟ้องร้องในภายหลัง เนื่องจากไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าองค์กรใดมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านใด อีกทั้งยังไม่สามารถให้ความไว้วางใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้ เพราะมีกระแสวิจารณ์หนักถึงความไม่เป็นกลางต่อการปฏิบัติหน้าที่ในสภา ดังนั้นอาจจะส่งผลต่อการได้มาของ ส.ส.ร. ทั้ง 22 คนได้

นพ.สุกิจ หัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรรมาธิการทำเหมือนเป็นผู้รับเหมาเขียนสเปกเสียเองให้ประธานสภามีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการให้สภาเลือก ส.ส.ร. 22 คน เรากังวลและกลัวมากที่สุดเพราะคนที่จะมอบหมายให้นั้นเป็นบุคคลที่ตลอดเวลาที่ผมร่วมประชุมด้วย เป็นความรู้สึกจากใจ พูดแบบลูกผู้ชายตรงไปตรงมา ทุกครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่หลายครั้งได้สร้างความเคลือบแคลงน่าสงสัยในความเป็นกลางอย่างมาก จึงไม่อาจไว้วางใจให้มาทำหน้าที่นี้ได้”

จนกระทั่งเวลา 16.52 น. นายธรนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) หารือกับที่ประชุมว่า หากปล่อยให้การอภิปรายเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆ สภาจะไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ หากประธานไม่ยอมให้มีการหารือกันของวิป 3 ฝ่าย และตัวแทน กมธ.เสียงข้างมาก เหมือนกับที่มีการไปตกลงหารือกันในมาตรา 291/5 ซึ่งทำให้การประชุมเป็นไปได้ด้วยดี ดังนั้น จึงอยากให้ประธานสั่งพักการประชุม เพื่อให้ทั้ง 4 ฝ่ายได้ไปหารือกันในมาตรา 291/6 จากนั้นพล.อ.ธีรเดชทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม จึงสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 30 นาที
กำลังโหลดความคิดเห็น