สภาฯ ปล่อยควาย เล่นมุกเดิมสั่ง ตร.หิ้วข่มฝ่ายค้าน

ที่ประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาแก้ร่าง รธน.ชุลมุน เหตุ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติทั้งฝ่ายค้าน-รบ.ตั้งใจปล่อยควายออกจากปาก ปธ.รัฐสภา เล่นมุกเดิมสั่ง ตร.เชิญตัวออกนอกห้องประชุม ปิดฉากขอนับองค์ประชุม ปชป.โวยเสนอญัตติปิดปาก ใช้เสียงข้างมากลากไป

วันนี้ (20 เม.ย.) บรรยากาศการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาพิจารณามาตรา 291/3 เกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามของบุคคลมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ร.ตามมาตรา 291/1(1) โดยกรรมาธิการเสียงข้างมากได้แก้ไขโดยเพิ่มถ้อยคำ (5) ตามมาตรา 102 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งห้ามผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันกระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ซึ่งการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวางจนถึงเวลา 17.20 น. ได้เกิดเหตุวุ่นวาย เมื่อนายณรงค์ ดูดิง ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้หวังว่าเสียงข้างน้อยจะชนะ เพราะตลอดการประชุม 4 วันที่ผ่านมากรรมาธิการฯ ไม่ได้รับฟังเสียงข้างน้อย ดังนั้นการอภิปรายที่ผ่านมาเท่ากับเป็นการสีซอให้ควายฟัง

ทำให้นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงว่า อยากให้ประธานควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ ที่ผู้อภิปรายระบุว่า สีซอให้ควายฟัง ถือเป็นคำเสียดสี เพราะตนก็ไม่อยากฟังควายพูดเช่นเดียวกัน ทำให้นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงขอให้นายพิเชษฐ ถอนคำพูดว่าควาย เพราะถือเป็นการดูถูกกัน แต่ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมจะพยายามควบคุมการประชุมให้อยู่ในกรอบการประชุมและเกิดการประนีประนอมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ไม่หยุดอภิปรายและประท้วงในประเด็นดังกล่าวต่อเนื่อง จนสุดท้ายประธานยอมว่าไมได้ฟังว่ามีการพูดกันอย่างไร จึงขอดูเทปบันทึกก่อนแล้วจะวินิจฉัยภายหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงช่วงการอภิปรายของนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายใน (5) โดยอภิปรายนอกประเด็นและพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนลุกขึ้นประท้วง จนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานทีป่ระชุม ขอให้นายวัชระอภิปรายอยู่ในประเด็น แต่นายวัชระยังคงพูดนอกประเด็นอยู่ นายสมศักดิ์จึงขอให้ยุติการอภิปราย แต่นายวัชระยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจคำวินิจฉัยของประธาน

จนในที่สุด นายสมศักดิ์ใช้อำนาจประธานด้วยการลุกจากที่นั่ง พร้อมสั่งให้นายวัชระนั่งลง แต่นายวัชระไม่ยอมนั่งนายสมศักดิ์ จึงสั่งให้ตำรวจสภานำตัวออกจากห้องประชุมอย่างสุภาพ แต่นายวัชระไม่ยินยอมออกไป พร้อมปัดมือเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาที่จะมาพาตัวออกไป ซึ่งนายสมศักดิ์ได้กำชับให้อีกรอบให้ตำรวจสภายกมือไหว้และเชิญตัวออกไปอย่างสุภาพ ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นยืนประท้วงที่จะไม่ให้คุมตัววัชระออกนอกห้องประชุม

จนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตะโกนว่า ประธานใช้ข้อบังคับสองมาตรฐาน นายสมศักดิ์ชี้แจงอีกว่า ที่ผ่านมาตนอนุโลมให้มาโดยตลอดแต่เหตุการณ์ที่ตนสั่งให้ออกจากห้องประชุมเพราะหาทางออกไม่ได้ ทั้งนี้ขอให้นายวัชระยอมนั่งลงเพื่อให้การประชุมเดินหน้าไปได้ด้วยดี ในที่สุดนายวัชระยอมนั่งลงโดยดี

แต่ นพ.วรงค์ เดชกิจกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาขอใช้สิทธินับองค์ประชุม ทำให้นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาขอเสนอญัตติปิดอภิปรายโดยอ้างว่าสมาชิกได้อภิปรายในประเด็นซ้ำๆ และกรรมาธิการเสียงข้างมากก็ได้เห็นด้วยในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการแล้ว

จากนั้นประธานสั่งนับองค์ประชุม ปรากฏว่ามีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมจำนวน 345 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม

ขณะที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ท้วงติงญัตติของนายสุนัยว่า ในเมื่อสมาชิกมีการสงวนคำแปรญัตติ จะต้องเปิดโอกาสให้ได้อภิปรายทุกคน มิเช่นนั้นจะกลายเป็นสภาปิดปากสมาชิก ซึ่งจะมีปัญหาขัดต่อข้อบังคับการประชุมแน่นอน ในที่สุดนายสุนัยได้ยอมถอนญัตติดังกล่าว