“ประพันธ์” แฉ “ทักษิณ” ใช้ลาภยศ ล่อ “พล.อ.สนธิ” ช่วยเดินแผนปรองดองพาตัวเองกลับบ้าน ให้ความหวังผ่าน “วันนอร์” จะปรับ ครม.เดือนพฤษภาฯ ดัน “บิ๊กบัง” นั่งเก้าอี้นายกฯ แทน “ยิ่งลักษณ์” เผยแกนนำแดงห้อมล้อมเอาอกเอาใจแห่เยี่ยมอดีตประธาน คมช.ถึงบ้านพักในราบ 11 เชื่อเป็นผู้มีบารมีรายใหม่ในพรรคเพื่อไทย
วันที่ 5 เม.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล ประธานสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายประพันธ์กล่าวว่า การปรองดองคงเกิดได้ยาก เพราะผู้ที่เรียกร้องให้ปรองดองกลับเป็นคนทำแตกแยกเสียเอง รัฐสภาเป็นตัวปัญหา พูดเอาแต่ได้ และทำลายความเป็นมนุษย์ของคนไทย จึงทำอะไรไม่เคยเกรงใจประชาชน เหิมเกริมพยายามรุกคืบกินรวบประเทศไทย ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าไม่ได้ราบรื่นต้องเจอแรงต้านแน่นอน เวลานี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์รู้ว่ารัฐบาลเสถียรภาพไม่แน่นอน
นายประพันธ์กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตประธาน คมช. ยอมมาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และกระตือรือร้นทุ่มเททำงานปรองดองให้เสร็จนั้น ตนเพิ่งทราบความจริงเมื่อวันสองวันนี้ เมื่อนายนัจมุดดิน อูมา อดีต ส.ส.กลุ่มวาดะห์ ให้สัมภาษณ์นายสำราญ รอดเพชร ว่ากลุ่มวาดะห์กำลังหารือเพื่อรวมกลุ่มกันอีกครั้งแล้วเข้าไปอยู่ในพรรคเพื่อไทย โดยมี พล.อ.สนธิมารวมอยู่ในกลุ่มด้วย
นอกจากนี้ มีผู้ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า มีการติดต่อจากผู้ชายหนีคดีในต่างประเทศมายัง พล.อ.สนธิ โดยผ่านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และใช้วิธีเดียวกับนายพลหลายๆ คนที่ผ่านมา มีการให้ความหวังผ่านนายวันนอร์มาว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้จะปรับ ครม.ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ลงจากตำแหน่งนายกฯ แล้วให้ พล.อ.สนธิขึ้นเป็นนายกฯ แทน นี่เป็นที่มาของการรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการปรองดอง และทุ่มเททำงานเต็มที่ โดยมีนายวัฒนา เมืองสุข คอยประกบ
วันนี้คนที่แวดล้อม พล.อ.สนธิมีแต่แกนนำเสื้อแดงที่แวะเวียนไปหา พล.อ.สนธิที่บ้านพักในราบ 11 เหมือนว่ากำลังจะเป็นคนที่มีบารมีรายใหม่ในพรรคเพื่อไทย ส.ส.ก็เลยไปห้อมล้อมเอาอกเอาใจ แล้วยังมีแกนนำ นปช.อย่างนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ที่ไปเจอ พล.อ.สนธิ คุยแลกเปลี่ยนกันทางการเมือง เดี๋ยวนี้ พล.อ.สนธิจึงแวดล้อมด้วยนักเคลื่อนไหวในปีกของพรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อภิปรายในสภาก็มีแต่ชื่นชม ไม่เคยด่า พล.อ.สนธิเลย นี่คือที่มาที่ไปของการมาทำหน้าที่ประธาน กมธ.ปรองดองของ พล.อ.สนธิ
ฟังนายประพันธ์ คูณมี พูดในรายการ “คนเคาะข่าว”
คำต่อคำ"ประพันธ์ คูณมี"แฉเบื้องหลัง"พล.อ.สนธิ"
ประพันธ์- ไม่มีวันที่ประเทศไทยจะเกิดความปรองดองขึ้นได้ จะโยนความผิดให้ผลงานสถาบันวิจัย ก็คงมีส่วน สถาบันวิจัยมีปัญหาเรื่องการเสนอผลงาน โดยคิดว่าเขาจะไม่เอาไปใช้ทางการเมือง ก็มันแหงอยู่แล้ว คุณทำวิจัยให้เขา เขาก็ต้องเอาไปใช้ประโยชน์
จินดารัตน์- คิดแบบอินโนเซ็นต์เกินไป หรือตั้งใจ
ประพันธ์- หลายท่านเรารู้จัก ไม่ว่า อ.วุฒิสาร ตันไชย, คุณถวิล เพราะผม อ.ทวี ก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนหลักสูตรพระปกเกล้ารุ่นเดียวกัน ก็รู้ 2 ท่านเป็นอย่างไร แต่การที่วิจัยทางการเมือง แล้วรู้ไม่เท่าทันเล่เหลี่ยมนักการเมือง ฟังไม่ขึ้น ไม่รู้ว่างานวิจัยของตัวเองจะถูกนำไปใช้อย่างไร ในเนื้อหาสาระยังมีปัญหา มีจุดอ่อนอยู่เยอะ
เรื่องนี้ที่เลวร้ายที่สุด ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังที่มาสู่กรรมาธิการปรองดอง นำมาสู่การตั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธานกรรมาธิการ
จินดารัตน์- คนนี้ที่เป็นตัวปัญหา
ประพันธ์- ทำไมคนๆ นี้จึง ไม่ใช่ระริกระรี้ ถ้าระริกระรี้ต้องใช้กับนายกฯ บางคนบอก ระริกระรัว คือ เร่งรีบ เร่งรัด รีบร้อน และกระตือรือร้นอยากทำงานนี้ให้สำเร็จ ทุ่มเท ภาคภูมิใจมากที่ได้ทำงานนี้ โดยไม่คำนึงว่า สิ่งที่ตัวเองทำสวนทางกับความรู้สึกของคนในสังคม
ผมพยายามค้นหาและเพิ่งทราบความจริงเมื่อไม่กี่วัน ได้ฟัง คุณสำราญ รอดเพชร สัมภาษณ์ นายนัจมุดดีน บางคนแซวสำราญทำไมไปนัดกันมุดดิน เขาชื่อ นัจมุดดีน ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.พรรคการเมือง หลายพรรคจนจำไม่ได้ เป็น ส.ส.ภาคใต้ อยู่กลุ่มวาดะห์ ตอนนี้มาอยู่กลุ่มมาตุภูมิ สนธิ บุญยรัตกลิน
สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กำลังรวมกลุ่มกับ อ.วันนอร์ อดีต ส.ส.ปักษ์ใต้ซึ่งเป็นกลุ่มวาดะห์เดิม เพื่อจะเข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปักธงพรรคเพื่อไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้มีตัวแทนรัฐบาลในการแก้ปัญหาใต้ หมอแวอยู่ในพรรคมาตุภูมิอยู่แล้ว
ซึ่งมีท่านวันนอร์เป็นหัวเรือใหญ่ เพราะกำลังจะพ้นเพิกถอนสิทธิ์ 5 ปี เดือน พ.ค. และจะรวมกลุ่มกันทำงานการเมืองในนามของพรรคเพื่อไทยอีกรอบ ปักธงให้มี ส.ส.ใต้ ในนามพรรคเพื่อไทย ในการหารือนี้ได้รวม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ มารวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย นี่เป็นเรื่องใหญ่ ผมพยายามหาข้อมูลต่อไปอีกว่า มันเกี่ยวกับเรื่องปรองดอง ปรากฏว่ามีผู้ให้ข้อมูลน่าเชื่อถือได้ว่า มีการติดต่อผ่านนายวันนอร์มาถึง พล.อ.สนธิ จากผู้ชายหนีคดี หรือคนในต่างประเทศ ผู้ทรงอิทธิพลในพรรคเพื่อไทย ซึ่งกลยุทธ์นี้เคยใช้กับนักการเมืองอดีต พล.อ.ที่เกษียณราชการมาแล้วหลายคน เช่น พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เคยแสดงบทบาทจะปรองดอง จะเจรจา เป็นข่าวใหญ่ เพื่อสร้างผลงาน อันนี้คงได้รับการฉีดยาแล้วว่า ถ้าทำงานนี้สำเร็จได้เป็นนายกฯ เพราะยายจิ๋ว ต้องปรองดอง โซ่ข้อกลาง เดินทางไปเขมรช่วยทักษิณ ทำทุกวิถีทาง นี่ก็โดนฉีดยา เพราะเห็นสมัครเคยออกมาจากหลุมแล้วเป็นนายกฯ ได้ พวกนี้คงคิดว่าทักษิณจะให้เป็นนายกฯ พล.ต.สนั่น ลงทุนเดินทางไปทอดกฐิน ทำบุญถึงสวีเดน เห็น พล.อ.สนธิ ทำงานจะสำเร็จ เลยออกมาเตะลูกขวางทาง เพื่อบังเละในการปรองดอง
แต่บังสนธิน่าสนใจ คือว่า มีคนให้ข้อมูลว่า มีคนฉีดยาผ่านวันนอร์มาให้คำหวานกับบังเละว่า ถ้าทำงานนี้สำเร็จ เดือน พ.ค.ปรับ ครม.จะเอายิ่งลักษณ์ลงดึงสนธิขึ้นเป็นนายกฯ ฟังแล้วมันวาบไปเลย เขาเชื่อหรอ แต่ดูพฤติกรรมแล้ว เขาคนมุสลิมด้วยกันคุยกัน ถึงขนาดมาบอกกันคงเชื่อ ไม่อย่างนั้นเดินหน้าขนาดนี้ ไม่ทุ่มเทขนาดนี้ กระบวนการเดินทางมาเพื่อเป็นประธานกรรมาธิการ รับงานนี้ มันมีที่มาที่ไป
ที่ท่านบอก ผมเป็นลูกชาวนา ทำทุกอย่างเพื่อชาติ บ้านเมือง เพื่อแผ่นดิน ผมว่านายพลในกองทัพหลายคนอยากเอาปี๊บคลุมหัว เขาอายที่ท่านทำให้เสื่อมเสียกองทัพบก ไม่เคยมีผู้บัญชาการทหารบกคนไหนถูกหลอก ถูกต้มได้สนิทเท่าบังสนธิ ไปนอนเคลิ้ม วันนี้เลยต้องทุ่มเทกับงานปรองดองเต็มที่
จินดารัตน์- นับถอยหลังเป็นนายก
ประพันธ์- มีวัฒนา เมืองสุข คอยช่วย วุฒิสาร ตันไชย จึงเป็นที่มาของงานวิจัย เพื่อให้ดูมีกระบวนการ มีเหตุมีผล ท่านเรียนด็อกเตอร์ที่รามคำแหง เรียนปริญญาโท เรียนหลักสูตรนั้นนี้ ท่านพยายามใช้ความรู้รัฐศาสตร์ทำงานนี้เต็มที่ นี่คือที่มาอันหนึ่ง
ที่เลวร้ายที่สุดอันหนึ่ง คือว่า ปรากฏว่าเวลานี้ แวดล้อม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มีแต่บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงที่แวะเวียนไปหาที่บ้านพักราบ 11 และมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย วันหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 คนแวะเวียนไปเยี่ยม ไปหา คือ ฉีดยาให้กำลังใจให้ท่านมีความหวังว่า เหมือนกับทุกคนที่มาหา บรรดาส.ส.ที่แวะเวียนมาหา เหมือนกับว่าท่านจะเป็นผู้มีบารมีคนใหม่ในพรรคเพื่อไทย จริงไม่จริง พล.อ.สนธิ มาชี้แจงนะ ว่าจริงหรือเปล่าที่มี ส.ส.เพื่อไทย แวะเวียนไปหาท่านที่บ้านราบ 11 แล้วยังมีบรรดาแกนนำ จรัล ดิษฐาอภิชัย วันก่อนผมไปอภิปรายที่ ม.ศรีปทุม ทักทายกัน จรัล ดิษฐาอภิชัย บอกผมเพิ่งเจอนายทหารใหญ่ คุณรู้จักดี ผมก็ถาม แล้วคุณไปเจอใคร ผมเจอ พล.อ.สนธิ พูดคุยแลกเปลี่ยนทางการเมือง ผมฟังแล้วกลุ้ม บังสนธิเดี๋ยวนี้แวดล้อมไปด้วยพรรคเพื่อไทย เสื้อแดง ทั้งนั้น ธิดา หมอเหวง จตุพร ณัฐวุฒิ ทุกคนรักสนธิ
จินดารัตน์- ที่เคยด่าๆ กัน
ประพันธ์- อภิปรายก็เห็น จตุพรยังพูดถึงท่านสนธิ คนเราจะอย่างนั้นอย่างนี้ ชื่นชม ไม่ด่าบังสนธิเลยตอนนี้ นี่คือเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ผมถึงแปลกใจว่า มันปลงนะ เมื่อวานผมฟังป๋าเปรมพูดที่เวทีเสวนา ถ้าผมเดาไม่ผิด คนบางคนที่เคยทำความดีแล้วรักษาความดีไม่ได้ ผมว่ามีคนอยู่แถวๆ นี้บ้าง ที่สาปแช่งกัน มันต้องมีคนประเภทอย่างนี้ ผมว่าใช่ คนประเภทแบบนี้ อาจไม่เฉพาะคนนี้ อาจจะมีโซ่ข้อกลางด้วย ที่เคยทำความดี ทำงานรับใช้บ้านเมืองช่วงเป็นนายทหารก็ดี แต่เวลามาเป็นการเมือง รักษาความดีตัวเองไม่ได้ แล้วก็เป็นแบบนี้
จินดารัตน์- โดนฉีดยาเข้าไป
ประพันธ์- ผมคิดว่า ความสามารถอย่างหนึ่งของทักษิณซึ่งต้องยกให้ สามารถหลอกต้มนายพลแก่ๆ ได้พร้อมกันจำนวนไม่น้อย เป็นสิบ เป็นร้อย ที่ตบเท้าเข้าไปรับเงินในพรรคเพื่อไทย ต้องยอมรับว่า สุดยอดวิชามาร เป็นมารสุดยอดจริงๆ
เพราะฉะนั้นเหตุของการตั้งกรรมาธิการ ปรองดอง จึงรวบรัด เร่งรีบ อยากทำให้เกิดผลงาน โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงว่า เจ้าของประเทศอย่างพวกผม คุณถามพวกผมบ้างไหม ใครมีปัญหาปรองดองกับใคร อย่างที่คุณสุเทพถาม เราถามมาตลอดว่า คุณจะปรองดองกับใคร ทักษิณมีปัญหากับใคร ใครขัดแย้งกับคุณ ต้นเหตุที่บ้านเมืองเป็นอย่างนี้มีสาเหตุมาจากประชาชนไม่ยอมรับที่คุณโกงบ้านโกงเมือง ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ขายหุ้นไม่เสียภาษี คุณเผาบ้านเผาเมือง คุณมีอำนาจแล้วกดหัวเหยียบประชาชน ประชาชนไม่มีสิทธิเสรีภาพ คุณจะให้พวกผมไปก้มกราบพวกคุณเพื่อปรองดอง เมินเสียเถอะ ไม่มีทางเกิดขึ้น เมื่อข้อเท็จจริง เรื่องจริง ความผิดคุณยังไม่เคยยอมรับ แต่อยากให้เรายกโทษ ให้อภัย มันจึงเป็นไปไม่ได้ ที่อภิปรายกันเรื่องปรองดอง มีแต่จะทะเลาะแล้วแตกแยกหนักกว่าเดิมอย่างที่ปรากฏในขณะนี้ ก็ด้วยเหตุนี้
จินดารัตน์- คุณประพันธ์พูดไม่ต้องฟังแล้ว รู้จุดจบข้างหน้าบทสรุปคืออะไร แต่ฟังเบื้องลึกเบื้องหลัง นายทหารชั้นผู้น้อยโทรศัพท์มาบอกให้ส่งยาฆ่าหญ้าเข้าไปในราบ 11 หน่อย ให้เขาช่วยพิจารณาตัวเอง
เราพักกันก่อนช่วงหน้ากลับมาคุยกันว่า ตกลง พล.อ.สนธิ วันนี้พูดแล้วว่า หมดหน้าที่ผมแล้วนะกรรมาธิการปรองดอง เป็นหน้าที่ของสภาแล้ว แสดงว่ารอเดือน พ.ค.อย่างที่บางคนสัญญาไว้หรือเปล่า ช่วงหน้าเรามาวิเคราะห์กันว่าบทสรุปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
จินดารัตน์- กลับมาอีกช่วงรายการคนเคาะข่าว หลังจากคุณประพันธ์เล่าเบื้องลึกเบื้องหลังให้ฟังแล้ว ช่วงนี้ราบ 11 เต็มไปด้วยแกนนำเสื้อแดง และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ใครอยู่แถวนั้นไปแอบดูก็ได้นะคะคงไม่ผิดหวัง
กลับมาเรามาคุยกันต่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะกรรมาธิการปรองดอง วันนี้ท่านไม่เคยตอบคำถามของฝ่ายค้านว่า ตกลงจะเสนองานวิจัยชิ้นนี้ให้สภารับทราบเฉยๆ หรือให้สภาส่งรายงานให้รัฐบาลต่อ อาจารย์คิดว่าคำตอบมีอยู่แล้วหรือเปล่า
ผศ.ทวี- เป็นกระบวนการของสภา อันนี้แกพูดถูก เพราะว่า ผมกับคุณประพันธ์เคยเป็น สนช. รู้ว่ากรรมาธิการเป็นแค่คิด ศึกษา แล้วส่งต่อ ผมเคยทำจับทุจริตร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ ซึ่งมีการโกงส่วนต่างค่าจัดพิมพ์ เรารู้ว่าทุจริต รู้ว่ามีใครบ้าง ฝ่ายสภา ฝ่ายข้าราชการ ทำเป็นแพ็กเก็จหนา 400-500 หน้า รายงานสภา มีคนอภิปรายเยอะ แต่ไม่ดุเดือดเหมือนที่เราเห็นกรรมาธิการปรองดอง เสร็จแล้วท่านประธานมีชัย ฤชุพันธุ์ โดยบทบาทส่งไปที่รัฐบาล อยู่ที่รัฐบาลจะทำอย่างไร กระบวนการรัฐสภาเป็นอย่างนี้ ที่แกพูดไม่ใช่ว่าแกมีลูกเล่นอะไร แต่มันเป็นกระบวนการที่ต้องไปตามระบบ
ทีนี้ไม่สำคัญตรงนั้น สำคัญว่าทำไมถึงชงเข้ามา ทำไมถึงนำงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าเข้ามาเป็นหอก
จินดารัตน์- หน่วยกล้าตาย เบิกทางไปก่อน
ผศ.ทวี- นักวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า เหมือนกับนางโมราห์ งานวิจัยเหมือนดาบ เป็นดาบสองคม จงใจยื่นให้โจรป่า คือบรรดาคนที่มีความคิดชั่วร้ายในสภา เอาไปฆ่าฟัน พวกเราซึ่งเป็นจันทโครพได้แต่ร้องแฮะๆ อย่างที่คุณประพันธ์บอกว่า ไม่ถามประชาชนไม่สนใจประชาชน ตรงนี้มีพิรุธมาก ผมจำได้ว่าเมื่อครั้งที่ตั้งกรรมาธิการปรองดองหลังจากมีสภาใหม่ๆ ช่วงนั้นชุลมุนน้ำท่วมด้วย ช่วงนั้นคุณสนธิให้สัมภาษณ์ว่า กำลังติดต่อสถาบันพระปกเกล้าในการให้ทำงานวิจัยเรื่องแนวทางการปรองดอง ผมจำได้ว่า ผู้บริหาร ท่านเลขาฯ คือ อ.บวรศักดิ์ ท่านออกมาปฏิเสธว่า ไม่รับ เป็นเผือกร้อน เป็นของที่เกรงว่าจะมีปัญหา แต่ไปๆมาๆ ต้นเดือน มี.ค. ผมจำได้ วันที่ 6 มี.ค. พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเกี่ยวข้องตรงไหนเรายังไม่รู้ ออกบอกว่า มีสรุปสำหรับผู้บริหารออกมาแล้ว ตรงสรุปผู้บริหาร อย่างที่เราเห็น ทางเลือกที่เป็นปัญหา ผมตกใจ ไปทำกันเมื่อไหร่ มาทราบเบื้องหลังคือ อ.วุฒิสาร ตันไชย ที่เคารพรักของคุณประพันธ์ ออกมารับหน้าเสื่อว่าเป็นคนทำ รับหน้าเสื่อประมาณ 2 สัปดาห์ ทนไม่ไหว กลัวไปกันหนัก อ.บวรศักดิ์ ออกมาช่วยรับอีกว่า ทำจริง แล้วยังพูดเคลือบแครงว่า ใช้เงินของสถาบันด้วย ต้องคอยดูว่า เวลารายงานผลงานสถาบันต่อสภา ดูว่าใช้งบประมาณตรงนี้จริงหรือเปล่า ใครมีพรรคพวกอยู่ในสภาช่วยตรวจสอบด้วย
ผมว่างานวิจัยชิ้นนี้มันลึกลับ เป็นอาวุธลับให้กับคนที่อยู่ลับๆ เขาอาจจะได้เป็นสุลต่านคนต่อไป ในฐานะนักวิชาการ รู้สึกว่าเสียหายมาก ช่วงแรกที่ผมพูดถึง อ.อมร ท่านออกมาชำแหละ วิจารณ์งานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ว่ามีข้อบกพร่องมากมาย โดยเฉพาะการเปรียบเทียบ หรือการใช้เทคนิควิจัย มีผู้ให้ข้อมูลบางท่านฟังอภิปรายเมื่อวานนี้ พูดเลยว่า ทางสถาบันไม่ได้ให้มีการตรวจสอบในข้อความในรายงานวิจัย เทคนิคเดลฟี คือการถามผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือมีความสำคัญในเหตุการณ์ ระบบต้องถามซ้ำเพื่อยืนยันข้อมูลว่าพูดครั้งที่ 2 จะเหมือนเดิมไหม แล้วต้องเทียบเคียงคนอื่น ปกติต้องมีอย่างน้อยตามทฤษฎี 5 คน ในกรณีนั้น แต่นี่ใช้ 47 คน มันไม่ได้เป็นไปตามหลักการวิจัยที่แท้จริง
จินดารัตน์- เขาบอกว่า ไม่เปิดเผยคำตอบและรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ แม้แต่หลักเกณฑ์การคัดเลือก
ผศ.ทวี- หลักเกณฑ์นี่สำคัญที่สุด เดลฟรี เป็นเทคนิคที่ต้องเอาคนที่มีความรู้ หรือที่เรียกว่า เทคนิคการใช้ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเปิดเผยชื่อจริง ผมเชื่อว่าหลายคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญสันติวิธี แต่เขาเอาคู่กรณี เอาคนที่มีความขัดแย้งมาให้การ ซัดกันไป มันเป็นเรื่องการปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง ตรงนี้มันผิด ที่จริงมีการวิจัยอีกอย่าง เป็นการใช้คีย์เพอฟอร์มาน คือ ผู้ที่แค่มีบทบาทเกี่ยวข้อง ผมว่าในลักษณะนั้นมากกว่า
ที่สำคัญคือ การรู้หรือไม่ว่างานชิ้นนี้จะส่งผลอย่างไร โดยลักษณะการนำเสนอชิ้นงาน เราต้องคาดการณ์ทางเลือก ต้องบอกด้านบวกด้านลบ คุณเสนอให้ยกเลิกคดีความ คตส. คุณรู้ไหมว่ามันทำลายอะไร ทำลายระบบนิติรัฐ คุณชี้แจงหรือไม่ คุณมีคำอธิบายตรงนี้หรือเปล่า เป็นวิสัยของนักวิชาการที่ต้องมอบรอบด้าน ที่เรารู้สึกเสียใจในแง่นักวิชาการ คือ เขาพยายามบอกว่า ผู้อ่านโง่ ทำไมคุณไม่ไปอ่านฉบับเต็ม พอเราสืบค้นมีอยู่ 3 ฉบับ มีฉบับย่อสำหรับผู้บริหาร ฉบับกลางซึ่งเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ และมีฉบับสมบูรณ์ 300 กว่าหน้า ฉบับในเว็บไซต์ 150 กว่าหน้า ซึ่งอาจารย์ท่านหนึ่งเอาหลักฐานมาให้ดูว่าโหลดมาจากเว็บไซต์สถาบันพระปกเกล้าได้แค่นี้ เป็นสิ่งที่เราเห็นพิรุธของงานวิจัยว่ามีความบกพร่องมาก
จินดารัตน์- พอมีคนวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ออกมาแถลงล่าสุดว่า ไม่เห็นด้วยถ้าสภาจะใช้เสียงข้างมากเพื่อส่งต่อให้ ครม. ให้ขยายเวลาการทำงานของกรรมาธิการออกไปอีก และให้ระดมความเห็นทุกภาคส่วน
ผศ.ทวี- ผมไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นงานวิจัยที่ล้มเหลว บกพร่อง ถ้าเราเอาไปให้ประชาชนเป็นกระดาษชำระเช็ดล้าง ประชาชนจะไปร่วมเป็นสิ่งปฏิกูล ควรยกเลิกไปเลย ถ้าผมเป็นผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้า ผมจะบอกว่า เนื่องจากมีข้อบกพร่องมาก ขอยกเลิกงานวิจัยชิ้นนี้ไม่ให้เอาไปใช้ประโยชน์
จินดารัตน์- คุณเฉลิมบอกว่า จะยกเลิกก็ไม่มีผลเพราะเป็นนามธรรม ไม่มีผลบังคับใช้
ผศ.ทวี- ตัวแกเป็นนามธรรม ผมรู้ว่าสถาบันเขาต้องมีเกียรติต้องรักษาไว้ การถอนจะเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี มีทางเดียวคือ ใช้อยู่ มีประโยชน์อยู่ ถ้าถอนออกโดยความรับผิดชอบว่าเสียหาย คงลำบาก คงเป็นลักษณะหมดหวัง จะว่าอ้อยเข้าปากช้างมากกว่า
จินดารัตน์- พี่ประพันธ์ล่ะคะ คือไปไกลเกินกว่าสถาบันพระปกเกล้าจะมาพูดอะไร
ประพันธ์- ทำได้แต่บังเอิญมีเหตุปัจจัยอย่างนี้ คือ รายงานของกรรมาธิการชุดนี้ ถ้าพูดตามภาวะการทำงานที่ปกติมันใช่ แต่ถ้าบริบทของเรื่องนี้มันไม่ใช่ คืออย่างไร เช่น สภาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดหนึ่งเป็นกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ คณะกรรมาธิการไปรวบรวมข้อเท็จจริง ฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญ ดูพื้นที่ รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ศึกษาจนละเอียด ได้ข้อเท็จจริง เข้าใจปัญหา ประเด็น สาเหตุมาจากไหนอย่างไร ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เราศึกษาวิจัยรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว คณะกรรมาธิการทำรายงานเพื่อนำข้อเท็จจริงเสนอต่อสภา เพื่อให้สภาพิจารณาว่า รายงานชิ้นนี้สภาจะให้ความเห็นชอบเพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ รัฐบาลนำไปเป็นแนวทางแก้ไขหรือไม่ เมื่อกรรมาธิการเสนอเข้าสู่สภาแล้วถือว่าสิ้นภาระหน้าที่ ถ้าพูดในกระบวนการทำงาน ในมิติอย่างนี้ใช่ พล.อ.สนธิ หมดภาระหน้าที่ ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของสภาว่าจะเห็นชอบกับรายงานของกรรมาธิการเพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่
คือกระบวนการทำงานปกติของคณะกรรมาธิการ แต่ประเด็นนี้ กรรมาธิการชุดนี้ชื่อ กรรมาธิการเพื่อการปรองดองแห่งชาติ มีปัญหาว่า รายงานที่ท่านทำและศึกษามา ยังมีปัญหาถกเถียง ข้อโต้แย้งที่ยังไม่มีข้อยุติ ทั้งกรรมาธิการ ทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อสังคม ทั้งต่อคณะผู้วิจัยเอง ล้วนแต่มีปัญหาทั้งสิ้น จึงเป็นการทำงานสุกเอาเผากิน ยังไม่ยุติ เฉพาะเนื้อหาของรายงานวิจัย ผมไม่ใช่นักวิชาการอย่าง อ.ทวี แต่พอดูก็รู้ว่าเป็นรายงานที่ไม่ชอบ มีข้อบกพร่องมาก ผมมีโอกาสเห็นรายชื่อ 47 คนที่นักวิจัยไปถาม บังเอิญผมไปออกรายการที่สปริงนิวส์ กับ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ท่านถือร่างมา ผมเลยขอดูรายชื่อคณะผู้วิจัย ผมเห็นชื่อ อ.วุฒิสาร ตันไชย เป็นหัวหน้าคณะ อ.ถวิล รองหัวหน้า ผมตกใจ 2 ท่านนี้รับงานวิจัยเรื่องนี้ได้อย่างไร ผมไม่คิดว่า 2 ท่านนี้จะตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือสภา เราไม่แปลกใจเพราะสถาบันพระปกเกล้าตั้งโดยสภา และประธานรัฐสภา เป็นคณะกรรมการบอร์ดของสถาบัน โดยตำแหน่ง ไม่กี่วันประชุม คุณสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นประธาน มีผู้นำฝ่ายค้าน มีนักวิชาการ เป็นกรรมการ แต่สถาบันพระปกเกล้าขึ้นกับสภา แน่นอน เมื่อสภาขอความร่วมมือให้ทำวิจัย ท่านปฏิเสธไม่ได้ แต่ปัญหาคือ ท่านทำแบบรวบรัด เร่งรีบ ผิดกระบวนวิธี ไม่ควรจะทำ ควรต้องทำระเบียบ วิธีวิจัยที่น่าเชื่อถือและรับฟังได้ รายชื่อ 47 คนที่ผมเห็น เป็นพวกเสื้อแดง และพวกทักษิณมากกว่าครึ่ง ทั้งทักษิณ ธิดา จตุพร เหวง วัฒนา เมืองสุข พวกเสื้อแดงมากกว่า 30 คน คนกลางๆ ตัวแทนพันธมิตร มีชื่อ อ.ปานเทพ พิภพ ธงไชย มีไม่กี่คน ผมเชื่อว่าคนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย ถามอย่างนี้ เรื่อง คตส. นิรโทษกรรม ไม่เอาความผิดทักษิณ ไม่ต้องวิจัยใครก็ตอบได้ว่าจะออกมาในรูปไหน เป็นไปตามที่ อ.ทวี พูดว่ากระบวนการ ขั้นตอนที่คุณคัดเลือกคนมาเป็นตัวแทนที่คุณสัมภาษณ์ ก็ล้มเหลว ผิดพลาดแล้ว ยิ่งหัวหน้าคณะเดินทางไปสัมภาษณ์ตัวปัญหา ถึงดูไบ ไปแบบหาคำอธิบายไม่ได้ ไปอย่างไร เงินใช้จ่ายของตัวเองหรือมีสปอนเซอร์ อธิบายไม่ได้มันจบแล้ว
เพราะฉะนั้นปัญหาที่ พล.อ.สนธิ พูดว่าจบหน้าที่ตัวเอง มันจบไม่จริง มันจบแบบมีปัญหา มันจบแบบไม่เรียบร้อย แล้วพยายามเร่งรีบจะเอา คณะวิจัยยังไม่ส่งต้นฉบับ ท่านขอร่างไปเข้าที่ประชุม ส่วนคณะผู้วิจัยบอกฉันไม่ยอมให้ใช้ทางการเมืองแต่ส่งร่างไปก่อน อ.วุฒิสาร อ.ถวิล ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์อะไรท่านด้วยความเคารพนับถือ ท่านกำลังตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือทางการเมือง งานนี้ พล.อ.สนธิ เร่งรีบทำเพื่อให้เสร็จเพราะมีพันธะอย่างที่ผมพูด พ.ค.เขาจะเอายิ่งลักษณ์ลงให้สนธิขึ้น วันนอร์ไปกล่อมจนอยู่ เอาคนไปล็อบบี้ ท่านรู้สึกว่า เป็นหัวหน้า คมช.มีอำนาจแต่งตั้งคนเป็นนายกฯ ไม่ยอมเป็นเอง ไปแต่งตั้งคนอื่น พออำนาจหลุดมือตัวเองขอเป็นรองนายกฯ ก็เอา ลาออกจากประธาน คมช.เป็นรองนายกฯ นี่คือปัญหา
พล.อ.สนธิ ทำงานนี้แบบมีวาระซ่อนเร้น มีความเคลือบแครงสงสัยในพฤติกรรมอย่างยิ่งว่าคุณทำเพื่ออะไรถึงยอมทำลายเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีอดีต ผบ.ทบ. อดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ ยึดอำนาจล้มเขาแล้ว กลับกลืนน้ำลายตัวเอง เป็นเบ๊ให้ทักษิณหลอกใช้ มันไม่มีศักดิ์ศรี รีบเอาเรื่องนี้เข้าสภาขณะที่บรรยากาศงานวิจัยไม่เรียบร้อย ยังไม่ยุติ ยังมีเห็นแตกต่าง และข้อเสนอนั้นใช้ไม่ได้ ไม่อาจทำให้เกิดผลปรองดองอย่างแท้จริง คณะกรรมาธิการเพื่อความปรองดอง ควรใช้เวลาศึกษาให้ยาวนานกว่านี้ ในรายงานส่วนหนึ่ง หรือของ คอป.บอกว่าคุณต้องหาข้อเท็จจริง สรุปปัญหายังไม่ลงตัว แนวทางเสนอยิ่งไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้นคณะกรรมาธิการปรองดองควรทำงานนานกว่านี้ หาข้อเท็จจริง รับฟังทุกฝ่าย หลอมรวมความคิดให้ใกล้เคียงกันมากที่สุด ที่สำคัญคือบรรยากาศที่จะทำให้เกิดความสามัคคีและความปรองดองยังไม่เกิดขึ้น เพราะคนเสื้อแดงยังกร่าง ได้อำนาจแล้วไม่ฟังใคร จะแต่งตั้งใครเป็นประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ คนโกง คนชั่ว คนเลว อดีตตุลาการบัดซบไปเป็นกรรมการตรวจสอบทุจริต คือคุณไม่ฟังใครแต่คุณอยากให้คนอื่นสามัคคีคุณมันก็ไม่ได้
จินดารัตน์- วันนี้บทสรุปที่ทั้ง 2 ท่านมองเห็นคือ สุดท้ายใช้เสียงข้างมากในสภา อหังกาทำได้
ประพันธ์- รายงานเข้าสภา เที่ยงคืนลงมติเห็นชอบไม่เห็นชอบ ก็ต้องเสียงข้างมาก แต่ถามว่า เสียงข้างมากตัดสินเรื่องที่ไม่มีความเห็นพ้องต้องกัน ไม่มีวันยุติ และไม่มีวันทำให้เกิดการยอมรับหรือสามัคคี เพราะเรื่องนี้อาศัยกฎหมายบังคับไม่ได้ อาศัยเสียงข้างมากบังคับให้คนรักกันก็ไม่ได้ ให้คนเกลียดกัน โกรธกันจะฆ่ากันอยู่แล้ว ออกกฎหมายให้หยุดฆ่ากันไม่ได้ ต้องทำให้คนสุกงอมทางความคิดที่จะยุติปัญหา ส่วนเรื่องคดีทางอาญา ใช้กฎหมายยกเลิกความผิดโดยผู้กระทำความผิดยังไม่ได้รับโทษ ไม่ยอมรับผิด ยิ่งไปกันใหญ่
กระบวนการทำงานทั้งหมดของ พล.อ.สนธิ ครั้งนี้ ไม่ทำเพื่อมุ่งสู่การปรองดองอย่างที่ผมว่า แกทำเพื่อให้ถูกใจเจ้าของพรรค เพื่อให้ตัวเองได้รับรางวัลทางการเมือง มากกว่ามุ่งความสัมฤทธิ์ทำให้เกิดความสามัคคีปรองดอง ถึงเป็นเรื่องเร่งรีบ
จินดารัตน์- สุดท้ายไม่สนว่าคนจะรักกัน ปรองดองกันหรือเปล่า แต่เขาสนว่า คดี คตส.ตามแนวทางของงานวิจัยฉบับนี้จะเกิดขึ้นได้หรือเปล่า อ.ทวี ทำไมถึงมองว่าไปไม่ได้ถึงจุดนั้น
ผศ.ทวี- แม้จะผ่านสภาด้วยเสียงข้างมาก รัฐบาลต้องคิดมากในการผลักดันไปเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ของคุณเฉลิม ผมยังยืนยันว่า เอาไปใช่ในรัฐธรรมนูญง่ายกว่า อีกอย่างเป็นชนวนเรียกแขกออกมาชนกัน ผมว่าจะลำบาก ย้อนไปท่าน อ.คึกฤทธิ์ เคยเขียนการเมืองสมัยทรราช บอกว่า น้าหนอมเลี้ยงสัตว์อีแร้ง อีกตัวเป็นตะกวด ตะกวดกับอีแร้งเหมือนนักการเมืองซึ่งน้าหนอมต้องดูแล ให้รัฐธรรมนูญมีเลือกตั้ง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเป็นความเลวร้ายทั้งคู่ ปรากฏว่าสัตว์ 2 ตัวรวมหัวกัน ผสมพันธุ์กันแล้วออกลูก น้าหนอมตั้งชื่อว่า สหสัปมงคล
ประพันธ์- จริงๆแกตั้ง สหประชาไท หม่อมคึกฤทธิ์คงตั้งให้ สหอัปมงคล
ผศ.ทวี- ผมเลยนึกถึงสภา อะไรมันผสมพันธุ์กัน สร้างความเลวร้ายเกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยไม่สนใจอะไร ในเรื่องคือ น้าหนอมเอาสัตว์ไปโยนทิ้ง มีทางเดียวในสิ่งที่เกิดขึ้นคนไทยต้องรู้ว่าอะไรชั่วอะไรเลว เราต้องอย่าให้เข้ามามากกว่านี้
จินดารัตน์- ทำให้สูญพันธุ์แต่คงยากหน่อย
ผศ.ทวี- ผมไม่อยากจะบอกว่า เราต้องเอาคนเหล่านี้ไปฆ่า มีวิธีการเป็นสันติวิธี อย่าสนใจ อย่าให้ความสำคัญ ฟังแล้วจะอัปมงคลไม่เป็นสิริมงคล ยิ่งเอาใจใส่ยิ่งกลุ้มใจ เราจะอยู่ในวังวนของคนพวกนี้ บางครั้งพูดจาเหมือนจะมีเหตุมีผล แต่มีเหตุมีผลซึ่งแย่ๆ ทั้งนั้น จะเปลืองสติปัญญาของเรา คนพวกนั้นเรียก มารแวร์ หรือไวรัส ต้องระมัดระวัง
จินดารัตน์- ช่วงนี้ต้องดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง
ผศ.ทวี- ต้องมีแอนตี้ไวรัส
จินดารัตน์- พักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมา เราเห็นแล้วว่าตอนนี้บ้านเมืองยุ่งเหยิง วุ่นวาย และมีแนวโน้มเกิดเหตุการณ์อะไรที่เราคาดไม่ถึง เพราะอยู่ๆมีพระมาธุดงค์กลางกรุง มันมีอะไรนัย เพราะคนข้างๆ บอกมีนัย เดี๋ยวกลับมาสักครู่ค่ะ
ในช่วงสุดท้าย นายประพันธ์ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมธุดงค์ของพระสงฆ์ ที่จัดโดยวัดธรรมกายว่า จริงๆ แล้วก็คือส่วนหนึ่งของงานการเมืองของมวลชนในจัดตั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องยอมรับในการชุมนุมเสื้อแดง คนส่วนหนึ่งก็มาจากวัดพระธรรมกาย วัดพระธรรมกายได้แปรเปลี่ยนไปเป็นฐานทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ วัดนี้ผิดหลักพระพุทธศาสนา และผิดอาญาหลายเรื่อง เคยจะถูกจับสึกแต่ก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้ ก็ด้วยการช่วยเหลือของ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทย ที่ทำให้เหตุการณ์แปรเปลี่ยน
วันนี้สำนักธรรมกายก็เลยเป็นเครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลเพื่อไทยไปโดยปริยาย และเป็นที่ซ่องสุมคนหลายประเภทในนั้น การเดินธุดงค์ครั้งนี้ก็ไม่ใช่พิธีถูกต้องตามศาสนา เป็นการสร้างกิจกรรมทางการตลาด และสร้างกิจกรรมให้คนพวกนี้ ซึ่งในนี้อาจมีชายชุดดำอยู่ไม่น้อย หรือหลายคนอาจมาจากเขมรก็ได้
จำได้หรือไม่ นางสุดารัตน์ และ พล.อ.ประวิตร เคยจะจัดกิจกรรมแบบนี้ที่ลานพระรูปทรงม้า สมัยที่พันธมิตรฯชุมนุมอยู่ ก็เพื่อต้องการสร้างมวลชนพวกนี้ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ครั้งนี้ถึงขนาดลงทุนนำเข้ากุหลาบจากจีน เป็นเรื่องที่น่าสมเพชมาก
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า คนชั่วคนโกงทั้งนั้นที่อยู่เบื้องหลังขบวนการของวัดพระธรรมกาย แล้วก็มีนักการเมืองหญิงคนหนึ่งซึ่งไม่มีอำนาจแล้ว ที่กำลังถูก ป.ป.ช.สอบทุจริต และถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองมาแล้ว มาเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมอันนี้ด้วยเป็นการเตรียมมวลชนเผื่อถ้าหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกขับไล่ ก็จะเอามวลชนพวกที่แต่งตัวเป็นพระเหล่านี้มาแสดงบทบาททางการเมือง เป็นการซ้อมเตรียมมวลชนไว้ โดยมีนักการเมืองที่ซี้ผู้ร้ายหนีคดีคอยจัดการ ซึ่งเธอถนัดงานแบบนี้ รวมถึงเป็นแผนเตรียมตัวต่อต้านการปฏิวัติหากเกิดขึ้นด้วย ด้าน ผศ.ทวีกล่าวว่า คนที่อยู่เมืองนอกเขาต้องการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองมากๆ ตอนนี้ถึงขั้นเอาพระจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ ออกมาเพื่อที่จะยั่วยุสังคม และอาจเกิดความแตกแยกกันกับพระที่ยังอยู่ในศีลในธรรม พอมีเรื่องวุ่นวายหลายๆ เรื่องเกิดขึ้น ในที่สุดก็เข้าล็อกว่าต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน และเห็นด้วยที่เขากลัวการปฏิวัติ เลยซ้อมเอาไว้ก่อน