“พิชาย” ชี้ “ทวี” ใหญ่คับ ศอ.บต. ทำให้เกิดการปีนเกลียวกับกองทัพซึ่งทำงานอยู่เดิม จนเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบแสดงแสนยานุภาพ ด้าน ส.ว.ปัตตานี ฝากถามนายกฯ ที่บอกจะเยียวยาอย่างดีที่สุด หมายถึงจ่ายให้เท่ากับผู้ชุมนุมทางการเมืองหรือเปล่า หวั่นยิ่งสร้างความแตกแยกในพื้นที่ เนื่องจากประชาชนเกิดความหวัง หากไม่ได้คงรู้สึกไม่เป็นธรรม
วันที่ 2 เมษายน เมื่อเวลา 20.30 น. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และ นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา จ.ปัตตานี และประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามและประเมินผลด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแสดงทัศนะในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ภายใต้หัวข้อ “วินาศกรรมคาร์บอมบ์”
นายพิชายกล่าวว่า ตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีการไปเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งมันก็ดีขึ้นในบางพื้นที่ ไม่ได้ทั้งหมด พอรัฐบาลใหม่มา ก็มีการส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ลงไปเป็นเลขาธิการ ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ) แล้วก็เริ่มลงไปเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ทางทหารบอกไม่ถูกกลุ่ม กลุ่มนี้ไม่ได้มีอิทธิพลแล้ว ทีนี้การดำเนินการของรัฐบาลกับสิ่งที่ทหารทำมา เดินไปคนละทาง เจรจากันคนละกลุ่ม ในขณะที่รัฐพยายามเพิ่มบทบาท ศอ.บต.ขึ้นมา ซึ่งโดยปกติ ศอ.บต.จะทำหน้าที่พัฒนาเป็นหลัก แต่ พ.ต.อ.ทวี มาโดยได้รับอาณัติบางอย่าง และมาทำงานด้านการข่าวเป็นหลัก เลยเกิดการปีนเกลียวระหว่างทหารกับ ศอ.บต. เพราะพอบอกว่า ศอบต.จะมาทำงานข่าว ทหารก็เลยชักไม่แน่ใจว่าจะยังยุ่งดีหรือไม่ จึงอาจเกิดการปล่อยวางไปในบางระดับ
อีกทั้งพอมีการข่าวเตือนมาก็เริ่มไม่แน่ใจลวงหรือเปล่า เชื่อถือได้แค่ไหน การป้องกันก็เลยอ่อน ซึ่งภาคใต้ก็เป็นแบบนี้ หลังเกิดเหตุจะเข้มงวดแต่พอเหตุการณ์สงบก็ปล่อยปละละเลย ไม่สม่ำเสมอในการปฏิบัติ ฝ่ายก่อการจึงจับทางออก
นายพิชายกล่าวอีกว่า หากสันนิษฐานว่ากลุ่มก่อการคือกลุ่มไหน ก็เป็นไปได้ว่าการไปเจรจาหยุดยิงนั้น กลุ่มก่อความไม่สงบ ไม่เห็นด้วยกับการเจรจา ซึ่งทางทหารก็สรุปชัดเจนแล้วว่าพวกนี้ต้องการเอกราช ไม่ได้ต้องการเขตปกครองพิเศษ และก็เป็นไปได้ว่ากลุ่มที่ออกมานี้ไม่พอใจ ที่รัฐบาลไปเจรจากับอีกกลุ่ม เลยแสดงแสนยานุภาพ
อีกเหตุที่คาดการณ์กัน เพราะรัฐมีการไปเชื่อมโยงกลุ่มก่อความไม่สงบกับพวกค้าของเถื่อน ค้ายาเสพติด ทำให้ไม่พอใจ ส่วนอีกมุมก็เป็นไปได้ว่า ถ้ารัฐบาลไปเจรจาแล้วประสบความสำเร็จ กลุ่มค้าของเถื่อนและยาเสพติด หมดทางทำมาหากิน เลยก่อสถานการณ์ขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่โฟกัสไปที่กลุ่มก่ออการร้าย ทีนี้พวกค้าของเถื่อน ยาเสพติดก็สบาย
นายพิชายกล่าวต่อว่า ตนคิดว่ามันให้น้ำหนักยากอยู่เหมือนกันว่าเป็นการกระทำของกลุ่มไหน แต่ดูจากความรุนแรงขนาดนี้ มันน่าจะเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองมากกว่าเรื่องค้ายาเสพติดและของเถื่อน แต่กลุ่มนี้จะได้ประโยชน์ร่วมไปด้วย เป็นการบอกว่ารัฐบาลมาเจรจาไม่ได้ผล พวกที่อยู่ในกระบวนการไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐไปเจรจา เลยสำแดงเดช ประกอบกับฝ่ายรัฐเกิดการปีนเกลียวขึ้นมา จึงเกิดการประจวบเหมาะให้ลงมือในครั้งนี้
นายอนุศาสตร์กล่าวว่า จากที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา (รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง) ระบุว่ากลุ่มก่อการไม่พอใจที่รัฐบาลไปเจรจากับอีกกลุ่ม ก็เป็นไปได้สูง แต่ต้องดูว่าการไปเจรจา ทำได้รอบคอบหรือเปล่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลา อย่าง พล.อ.เชษฐา เคยเจอมาแล้วคือเจรจาไม่ถูกกลุ่ม แล้วนี่ถ้าไปเจรจากับ BRN แล้ว BRN อยู่เบื้องหลังสองเหตุการณ์นี้ ถามว่ารัฐยังจะเจรจาอยู่หรือเปล่า แล้วประชาชนจะรับทราบเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
ส่วนเรื่องการปีนเกลียว ตนเห็นด้วย เพราะตอนนี้บทบาทกองทัพ กอ.รมน. ศอ.บต.เหมือนมีพระเอกอยู่สองคน ศอ.บต.เป็นหน่วยงานที่มี พ.ร.บ.ศอ.บต. สามารถมีงบประมาณของตัวเอง มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ท่านเลขาธิการ ศอ.บต.เหมือนเป็นรัฐมนตรีท่านหนึ่งเลย แล้วประชาชนก็คาดหวังเยอะ แต่พอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แล้วเรื่องการเตือน รัฐไม่ได้บอกประชาชนเลย ทั้งที่เกิดเหตุหลายครั้ง ว่าถ้าเกิดระเบิดต้องทำอย่างไร อย่างรถสี่คันที่ให้เฝ้าระวัง อันไหนจริงอันไหนไม่จริง ตนเป็นห่วงเรื่องการประสานงาน อย่างรถที่ถูกขโมยไป ก็ต้องติดตาม เห็นใจเจ้าหน้าที่ การทำสิ่งเหล่านี้ยากแต่ก็ต้องทำ ตอนนี้ทหารและ ศอ.บต.ที่มีอำนาจเท่าเทียมกัน จะร่วมมือกันอย่างไร เพื่อประเทศ อยากให้ลดการปีนเกลียวเหล่านั้น
นายพิชายกล่าวถึงการเยียวยาว่า หลังมีกรณีเยียวยาเสื้อแดง ทำให้สามจังหวัดภาคใต้รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ความรู้สึกดีๆที่เคยให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ก็หายไป แต่ถ้าให้เหมือนกันก็ต้องใช้เงินมหาศาล ฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยในแง่ของงบประมาณ พอทำไม่ได้ก็เกิดความรู้สึกไม่เท่าเทียม ปัญหายิ่งยุ่งขึ้นไปอีก
เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แก้ปัญหาไปได้ดี หลายๆปีดูทำท่าจะดีขึ้น แต่พอทางส่วนกลางรัฐบาลเข้าไปจัดการ ก็ยุ่งเหยิงไปใหญ่ ส่ง พ.ต.อ.ทวี เข้าไป ระบบที่สร้างขึ้นมาเสียหมดเลย เริ่มมีปัญหาเนื่องจาก พ.ต.อ.ทวี ใหญ่ ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งคนที่ทำงานอยู่แล้วก็ต้องฟัง แต่ พ.ต.อ.ทวีไม่รู้สถานการณ์ งานทหารที่ทำมาเขาก็อึดอัด เป็นการทำงานแบบฉาบฉวย กระตุ้นความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น มันก็เลยเกิดปัญหาอย่างที่เห็นตามมา คิดแก้ปัญหาด้วยการทุ่มเงินลงไป ซึ่งมันเป็นวิธีที่ผิด
นายอนุศาสตร์กล่าวเสริมว่า นายกฯบอกจะเยียวยาอย่างดีที่สุด ก็มีคนฝากตนมาถามว่าการเยียยวยาอย่างดีที่สุดจะเท่ากับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองหรือเปล่า อย่างเสียชีวิตได้ 7.75 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัสอยู่ที่ 1.125 ล้านบาท บาดเจ็บเล็กน้อย 2.25 แสนบาท วันนี้ยะลามอบให้สาหัส 5 หมื่นบาท ซึ่งหลักเกณฑ์เดิมตอนนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนธรรมดาเสียชีวิตได้ 1 แสนบาท บาดเจ็บสาหัสอยู่ที่ 3 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยได้ 1.5 หมื่นบาท
ฉะนั้นการเยียวยาอย่างดีที่สุดความหมายคืออะไร คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เขาคิดว่าเยียวยาอย่างดีที่สุดต้องใช้หลักเกณฑ์ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ใช้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ไปเยี่ยมในพื้นที่ ก็บอกว่ามีอะไรให้บอกได้เรื่องการเยียวยา ซึ่งการเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมืองนี้ จะสร้างความแตกแยกให้ในพื้นที่ สร้างความคาดหวังด้วย เพราะเขาหวังว่าต้องใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ซึ่งรัฐบาลไม่มีความชัดเจนตรงนี้ แต่กลับมีการใช้คำใหม่ว่าจะเยียวยาอย่างดีที่สุด