ASTVผู้จัดการ - สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ร่วมชี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์แทรกแซงสื่อ กรณีสำนักเลขาธิการนายกฯ บีบช่อง 7 ให้เปลี่ยนตัวนักข่าวที่ไปทำข่าวประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชาจาก “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” เป็นคนอื่น ชี้ต้องยอมรับการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
จากกรณีที่มีข่าวครึกโครมกรณีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือไปยังประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555 เพื่อขอลดจำนวนช่างภาพ และผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในการรายงานข่าวการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2555 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในนามทีวีพูล โดยอ้างถึงข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนสื่อมวลชนและระบบการรักษาความปลอดภัย แต่จากการตรวจสอบของสื่อมวลชนกลับพบว่า รัฐบาลมีจุดประสงค์หลักเพื่อกีดกัด น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวของช่อง 7 ซึ่งถูกมองว่าเป็นสื่อที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่ให้ไปทำข่าว จนเกิดวิวาทะระหว่าง นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ น.ส.สมจิตต์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
วานนี้ (3 เม.ย.) สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่อง “เรียกร้องรัฐบาล ยุติการแทรกแซงสื่อ” โดยมีใจความสำคัญระบุว่า
“สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบประเด็นดังกล่าว พบว่ามีความพยายามจะขอเปลี่ยนตัวผู้สื่อข่าวไปเป็นทีมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กองบรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ยังคงยืนยันส่งชื่อ นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ไปทำข่าวในนามทีวีพูลเช่นเดิม เพราะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสถานีที่วางลำดับการทำงานไว้แล้ว จดหมายขอลดจำนวนสื่อมวลชนจากสำนักโฆษกฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของกองบรรณาธิการข่าว เป็นการกระทำที่ไม่อยู่ในวิสัยปกติที่พึงทำ” แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระและต้องเคารพการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ ไม่เช่นนั้นสื่อมวลชนก็ไม่สามารถจะทำหน้าที่ผู้รายงานข้อมูลข่าวสารที่มีความรับต่อสังคมได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่รัฐบาลยืนยันความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกิจที่สัญญาในฐานะตัวแทนประชาชน รัฐบาลก็ควรต้องพร้อมรับการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับแถลงการณ์ร่วมของสมาคมสื่อฯ ทั้ง 2 แห่งมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาล ยุติการแทรกแซงสื่อ
จากกรณีที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือไปยังประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555 เพื่อขอลดจำนวนช่างภาพ และผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ที่ถูกวางตัวไว้เป็นทีมล่วงหน้า เพื่อรายงานข่าวการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2555 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในนามทีวีพูล โดยอ้างว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชนและระบบรักษาความปลอดภัย ให้คงเหลือเฉพาะทีมที่ติดตามนายกรัฐมนตรีและคณะอย่างเป็นทางการเท่านั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิเสธการตอบคำถามของนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สี เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2555 ที่สอบถามว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลเป็นหนึ่งในประเด็นการเจรจาด้วยหรือไม่
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบประเด็นดังกล่าว พบว่ามีความพยายามจะขอเปลี่ยนตัวผู้สื่อข่าวไปเป็นทีมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กองบรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ยังคงยืนยันส่งชื่อ นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ไปทำข่าวในนามทีวีพูลเช่นเดิม เพราะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสถานีที่วางลำดับการทำงานไว้แล้ว
จดหมายขอลดจำนวนสื่อมวลชนจากสำนักโฆษกฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของกองบรรณาธิการข่าว เป็นการกระทำที่ไม่อยู่ในวิสัยปกติที่พึงทำ เนื่องจากแต่ละสถานีมีดุลยพินิจในการคัดเลือกบุคลากรที่เหมาะสมทำหน้าที่รายงานข่าว รัฐบาลจะต้องคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระและต้องเคารพการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ ไม่เช่นนั้นสื่อมวลชนก็ไม่สามารถจะทำหน้าที่ผู้รายงานข้อมูลข่าวสารที่มีความรับต่อสังคมได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่รัฐบาลยืนยันความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกิจที่สัญญาในฐานะตัวแทนประชาชน รัฐบาลก็ควรต้องพร้อมรับการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอแสดงความชื่นชมต่อการตัดสินใจของกองบรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ที่ยึดมั่นหลักการทำงานซึ่งโปร่งใส ตรวจสอบได้ และขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนง ได้ยึดมั่นในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพอย่างกล้าหาญ ปราศจากอคติ แม้จะต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
3 เมษายน 2555
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
3 เมษายน 2555