พบหนังสือสำนักโฆษกทำหนังสือถึง “ทีวีพูล” สั่งยกเลิกนักข่าวคณะล่วงหน้า อาวุโสทำเนียบโวยหลัง “สมจิตต์” ถาม “ยิ่งลักษณ์” ผลประโยชน์ทับซ้อนแล้วลุกหนีจึงถูกเบรก แฉต่อสายตรงผู้บริหารช่อง 7 เปลี่ยนทีมข่าวแต่ไม่ยอม สุดท้ายยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า ชี้เข้าข่ายละเมิด รธน.มาตรา 46 ส่วนกระโถนนายกฯ โต้ทันควัน บอกไม่ได้ลุกหนี ด่าสมจิตต์ไม่ได้ทำการบ้าน ลำเอียงจนออกนอกหน้า เหน็บใหญ่ๆ กันทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าสั่งนักข่าวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าเพิ่งได้รับแจ้งจากบรรณาธิการข่าวว่าไม่ต้องไปทำข่าวภารกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปฏิบัติภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 20 ที่ประเทศกัมพูชา โดยอ้างว่ากัมพูชาแจ้งว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชนและระบบรักษาความปลอดภัย และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงสถานีให้ยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
วานนี้ (31 มี.ค.) นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา และอดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน ได้เปิดเผยเอกสารของสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผ่านเว็บไซต์ ประสงค์ ด็อท คอม ในห้วข้อ “เปิดหลักฐานสำนักโฆษก “ยิ่งลักษณ์” สั่งยกเลิกทีมข่าวช่อง7 สกัด “สมจิตต์”ไปกัมพูชา” โดยเป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ สนฆ.0396/2555 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2555 เรื่อง ขอยกเลิกคณะสื่อมวลชนทีมล่วงหน้า และเรียนถึง ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือทีวีพูล ระบุว่า ตามที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้รับมอบหมายจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ติดตามนายกรัฐมนตรีและคณะ เพื่อรายงานข่าวการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2555 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้แจ้งรายชื่อสื่อมวลชนจำนวน 4 ราย แก่สำนักโฆษกเพื่อลงทะเบียนและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น
ในการนี้ สำนักโฆษกได้รับแจ้งจากประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ว่า ด้วยเหตุผลข้อจำกัดของจำนวนช่างภาพและสื่อมวลชนในการประชุมและระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องลดจำนวนสื่อมวลชนทางการ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือในการยกเลิกช่างภาพและผู้สื่อข่าวคณะล่วงหน้าของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 และขอให้เหลือเพียงสื่อที่เดินทางพร้อมคณะทางการเท่านั้น ทั้งนี้ สำนักโฆษกได้ทำหนังสือแจ้ง ให้สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ดำเนินการดังกล่าวแล้ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ นางปรารถนา สุทิน ผู้อำนวยการสำนักโฆษก
ขณะเดียวกัน ในเว็บไซต์ยังได้เสนอรายงาน “วิวาทะผ่านทวิตเตอร์ “นักข่าวทำเนียบ-โฆษกประจำตัว “ยิ่งลักษณ์” เรื่องสั่งย้ายผู้สื่อข่าวช่อง7” กล่าวถึงกรณีที่นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 20 วันที่ 3-4 เมษายนนี้ ทีมข่าวช่อง 7 เป็นทีวีพูลที่ต้องเดินทางไปทำข่าวภารกิจนายกฯ ช่อง 7 วาง น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร เป็นส่วนล่วงหน้าและทีมของเจษฎา (นายเจษฎา อุปนิ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7) ไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรี แต่ก็เกิดเรื่องจนได้หลังจากสมจิตต์ไปสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาสัมภาษณ์ไปประมาณ 10 นาที น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ลุกหนีเมื่อถูกถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในทะเลว่าเป็นหัวข้อในการเจรจาด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นก็มีเสียงจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังผู้บริหารช่อง 7 สีเพื่อให้เปลี่ยนทีมข่าวจากสมจิตต์เป็นนักข่าวคนอื่นแต่กองบรรณาธิการยืนยันที่จะส่งสมจิตต์ไปทำข่าวเช่นเดิมเพราะเป็นคิวแรกของสมจิตต์
“เหตุผลที่ไม่ยอมเปลี่ยนเพราะเห็นว่านี้เป็นการแทรกแซงบริหารงานภายในของช่อง 7 สี แต่ผู้บริหารช่อง 7 ยังพยายามให้เปลี่ยนเพราะมีคำสั่งมาจากรัฐบาล เมื่อกอง บก.ช่อง 7 ยังไม่ยอมเปลี่ยน น.ส.สมจิตต์เป็นคนอื่น สำนักโฆษกนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือถึงทีวีพูลเพื่อแจ้งให้ช่อง 7 ยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า เนื่องจากกัมพูชาแจ้งว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชนและระบบรักษาความปลอดภัย เรื่องนี้ดูอาจเป็นเรื่องเล็กๆ แต่พอมองเห็นการใช้อำนาจของรัฐบาลกับสื่อมวลชนได้เป็นอย่างดี รัฐบาลใช้อำนาจแทรกแซงทีวีพูลให้เปลี่ยนนักข่าวอาจเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 46 ได้ ฝากคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดูแลเรื่องทำนองนี้ด้วย ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว ควรให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ” นายประดิษฐ์กล่าว
ด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามนายประดิษฐ์ผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุว่า “นรม. (นายกรัฐมนตรี) ไม่ได้ลุกหนีครับ ผู้ถามไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ อ้างว่าจะมีการประชุมที่ไม่มี และถึงช่วงจบการสัมภาษณ์แล้วด้วยครับ แต่ขณะเดียวกันขอให้ทางผู้บริหารสื่อช่วยให้ความเป็นธรรมและให้เกียรติ นรม.ด้วย เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดี ไม่ขัดแย้ง ถ้าคนทำหน้าที่ไม่แสดงความลำเอียงจนออกนอกหน้าก็อาจถือว่าเป็นการให้เกียรติได้ แต่ถ้าตั้งเป้าแอบแฝงจะทำหน้าที่ได้ดีหรือ?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายประสงค์ถามในทวิตเตอร์ว่า ตกลงขอให้เปลี่ยนตัวนักข่าวจริงหรือไม่ ตอบตรงประเด็นหน่อย นายสุรนันทน์กล่าวว่า “ไม่ชอบ แต่ใครจะไปกล้าสั่ง ใหญ่ๆ กันทั้งนั้น”