“สมจิตต์” ท้า “สุรนันทน์” เปิดเทป “ปู” ลุกหนีคำถามพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล พร้อมจับโกหกโฆษกประจำตัวนายกฯ กล่าวหาไม่ทำการบ้าน ระบุจากเอกสารแนวคำถาม-ตอบของสำนักโฆษกรัฐบาลที่แจกสื่อ ระบุชัดเจ้ากระทรวงบัวแก้วมีวาระเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับเขมร พร้อมงัดบทข่าวพิสูจน์ไม่มีอคตินายกฯในการนำเสนอตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมย้อนถามใครกันแน่อคติ แต่ก็ขอบคุณที่แสดงพฤติกรรมทำให้สังคมเห็นชัดว่ามีการแทรกแซงไม่ให้ทำข่าวนายกฯ ที่เขมรจริง จากความอคติของ “สุรนันทน์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ตอบคำถาม นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยพาดพิงว่า น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งถูกยกเลิกการเดินทางไปทำข่าวภารกิจนายกรัฐมนตรีที่กัมพูชาอย่างกะทันหันว่า มีเป้าหมายแอบแฝงในการตั้งคำถามที่ไม่ให้เกียรตินายกรัฐมนตรี และมีความลำเอียงจนออกนอกหน้า รวมถึงไม่ทำการบ้านมาดีพอนั้น
ล่าสุด น.ส.สมจิตต์ได้โพสต์เอกสารแนวคำถามคำตอบที่จัดทำโดยกลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษกทำเนียบรัฐบาล เป็นหลักฐานยืนยัน พร้อมกับลงข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองมีเนื้อหา ดังนี้ “ชี้แจงคำกล่าวหาที่ไร้ข้อเท็จจริงของคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี ขอนำหลักฐานที่เป็นเอกสารของกลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก ซึ่งแจกให้นักข่าวที่ติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรีที่กัมพูชามายืนยันให้เห็นว่า ดิฉันไม่ได้มีความลำเอียงอย่างออกนอกหน้าในการตั้งคำถาม หรือไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ ตามที่ คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุ โดยจะชี้แจงเป็นรายประเด็นดังนี้
1 นรม. (นายกรัฐมนตรี) ไม่ได้ลุกหนีครับ ผู้ถามไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ อ้างว่าจะมีการประชุมที่ไม่มี และถึงช่วงจบการสัมภาษณ์แล้วด้วยครับ
- เปิดเทปมาสเตอร์พิสูจน์ในกรณีนี้ได้ค่ะว่า นายกรัฐมนตรี เดินหนีหรือไม่ หลังจากมีคำถามเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ถ้าถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์น่าจะได้คำตอบว่า นายกฯ ไม่ได้ลุกหนีทันทีแต่แสดงท่าทีชัดเจนว่าอึดอัด ไม่ต้องการตอบ พร้อมกับอธิบายว่าเรื่องนี้ไม่มีในการประชุม คุณสุรนันทน์อยู่ในเหตุการณ์ย่อมทราบดีว่า เมื่อนายกฯ ยืนยันเช่นนั้น ดิฉันก็ได้เรียนถามท่านว่า ถ้าไม่มีวาระแล้วทำไมจึงปรากฏในเอกสารที่เจ้าหน้าที่ให้กับนักข่าวเพื่อเตรียมข้อมูลในการตั้งคำถามโดยอ่านข้อความในเอกสารด้วยว่า "เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลจะมีคณะกรรมการที่ รมว.ต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศเป็นผู้เจรจา" แต่เมื่อท่านยืนยันดิฉันก็ไม่ได้คาดคั้นถามเรื่องนี้อีก
ในเอกสารของกลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก จำนวน 5 หน้า ที่แจกให้กับผู้สื่อข่าวที่จะติดตามนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจประชุมอาเซียนครั้งที่ 20 ที่ประเทศกัมพูชา หัวข้อ แนวคำถาม-คำตอบสำหรับนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ ทีวีพูล ช่อง 7 ในโอกาสเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2555 กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชานั้น ในข้อ 3 หัวข้อ ภายหลังรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา ได้มีการปรับตัวและคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีจะได้ใช้โอกาสนี้ ส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอย่างไร
โดยในหัวข้อย่อยระบุว่า รัฐบาลจะไม่นำประเด็นปัญหาเขตแดนที่อยู่ในการพิจารณาของศาลโลก มากระทบความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีในด้านอื่นๆ ทั้งไทยและกัมพูชาต่างต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในการหารือ สำหรับปัญหาอาชญากรรมตามแนวชายแดนนั้น เบื้องต้นก็จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาแก้ปัญหาร่วมกัน เขตทับซ้อนทางทะเล จะให้คณะกรรมการที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานมีการเจรจาร่วมกันอย่างเปิดเผย
คำถามของดิฉันต่อนายกรัฐมนตรีนั้น ก็จะเรียงลำดับรายประเด็นจากที่มีการระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว ตั้งแต่ เรื่องยาเสพติด การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน จนกระทั่งถึงความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาในประเด็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งเขียนไว้ในเอกสาร ไม่มีส่วนใดที่มีเป้าหมายแอบแฝงหรือลำเอียงจนออกนอกหน้า ดังนั้นการกล่าวหาว่าดิฉันไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอจึงเป็นการกล่าวเท็จ
2. ครับ แต่ขณะเดียวกันขอให้ทางผู้บริหารสื่อช่วยให้ความเป็นธรรมและให้เกียรติ นรม. ด้วย เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดี ไม่ขัดแย้ง คุณสุรนันทน์ ควรจะขยายความด้วยว่า ผู้บริหารไม่ได้ให้ความเป็นธรรมและไม่ให้เกียรตินายกรัฐมนตรีอย่างไร เพราะในสถานการณ์นั้นมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้บริหาร เว้นแต่ว่ามีการติดต่อเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้บริหารทำตามความต้องการบางอย่างแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่ประเด็นการให้เกียรติแต่เป็นการยืนหยัดไม่ให้การเมืองแทรกแซงช่อง 7 หรือว่าในความคิดของคุณสุรนันทน์ สื่อที่แทรกแซงได้เท่านั้นที่จะเรียกว่าให้ความเป็นธรรมและให้เกียรตินายกฯ ซึ่งดิฉันไม่คิดว่าจะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องตามวิถีประชาธิปไตย
3. ถ้าคนทำหน้าที่ไม่แสดงความลำเอียงจนออกนอกหน้าก็อาจถือว่าเป็นการให้เกียรติได้ แต่ถ้าตั้งเป้าแอบแฝงจะทำหน้าที่ได้ดีหรือ? การจะกล่าวหาว่าคนทำหน้าที่ซึ่งในที่นี้ย่อมหมายถึง ดิฉัน แสดงความลำเอียงจนออกนอกหน้าแบบลอย ๆ โดยไม่มีการพูดถึงรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น ถือว่าเป็นการกล่าวหาด้วยอคติอย่างชัดแจ้ง เพราะในระหว่างการสัมภาษณ์ เมื่อนายกฯเดินมา นักข่าวทุกคนก็ลุกขึ้นรอให้นายกฯนั่งก่อนแล้วจึงนั่งตาม นี่คือพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติหรือ ในการตั้งคำถามมีประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติด การเตรียมความพร้อมของไทยสู่ประชาคมอาเซียน และกรณีพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งยืนยันว่าปรากฏอยู่ในเอกสาร มีเรื่องไหนที่คุณสุรนันทน์เห็นว่าเป็นการตั้งเป้าแอบแฝง ?
อย่างไรก็ตาม ดิฉันขอบคุณที่คุณสุรนันทน์ กรุณาชี้แจงที่ทำให้สังคมเกิดความกระจ่างว่า "รัฐบาลได้แทรกแซงไม่ให้ดิฉันเดินทางไปกัมพูชาเพื่อปฏิบัติภารกิจนายกรัฐมนตรีจริง ด้วยเหตุผลจากความรู้สึกอคติของคุณสุรนันทน์ที่มีต่อตัวดิฉัน ดังที่ได้ชี้แจงในข้างต้น ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 การกล่าวอ้างว่าทางกัมพูชามีหนังสือแจ้งลดจำนวนสื่อมวลชนและปัญหาเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องเท็จ
ดิฉันไม่แน่ใจว่าคุณสุรนันทน์ จะวางกรอบจริยธรรมในการประกอบอาชีพการเมืองอย่างไร แต่สำหรับดิฉันซึ่งทำงานสื่อมาเกือบ 20 ปี ยึดมั่นในจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ว่าต้องสืบค้นความจริงเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่ตั้งคำถามเพื่อให้ผู้มีอำนาจสบายใจ และไม่เคยนำความรู้สึกสอดแทรกในเนื้อหาข่าว ซึ่งคุณสุรนันทน์สามารถตรวจสอบข่าวโปรโมทภารกิจนายกฯที่ดิฉันเขียนไว้ล่วงหน้าและปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว เพื่อพิจารณาว่าในเนื้อข่าวดังกล่าวมีส่วนใดที่แสดงถึงความลำเอียงหรือว่าเป็นการนำเสนอตามข้อเท็จจริงผ่านบทสัมภาษณ์ที่ได้เท่านั้น”
นอกจากนี้ น.ส.สมจิตต์ยังโพสต์ข้อความเพิ่มด้วยว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าดิฉันมิได้มีอคติในการนำเสนอข่าวนายกรัฐมนตรีจึงขอนำบทข่าวโปรโมทที่เขียนไว้ล่วงหน้าในวันที่ 30 มีนาคม โดยได้ส่งบทดังกล่าวไปให้ทีมข่าวอีกทีมหนึ่งเพื่อหาภาพใส่ประกอบ ก่อนที่จะมีการโทรศัพท์มาแจ้งว่าถูกยกเลิกไม่ให้เดินทางไปกัมพูชาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง!
นายกรัฐมนตรีเตรียมเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน 3-4 เมษายนที่กัมพูชา พร้อมลงนาม ปฏิญญาอาเซียนปลอดยาเสพติด ค.ศ. 2015
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการไปปฏิบัติภารกิจที่กัมพูชาระหว่างวันที่ 3-4 เมษายนนี้ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 20 โดยสาระสำคัญที่จะมีการพิจารณาร่วมกัน คือ ร่างเอกสารปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนปลอดยาเสพติด ค.ศ. 2015 ร่างเอกสารแนวความ คิดเรื่องกลุ่มผู้มีแนวคิดแบบทางสายกลาง และ ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่าด้วยการให้ที่ตั้งและเอกสิทธิ์ความคุ้มกันแก่สำนักเลขาธิการอาเซียน นอกจากนี้จะได้มีการหารือเกี่ยวกับร่างปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยอาเซียน : หนึ่งประชาคมหนึ่งจุดหมาย ที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้ด้วย ซึ่งประเทศไทยก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไว้แล้ว
เสียงนายกรัฐมนตรี (เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน และการลดภาษีนิติบุคคลธรรมดา)
ประเด็นที่รัฐบาลไทยเตรียมที่จะผลักดันเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนคือ การประกาศปฏิญญาอาเซียนปลอดยาเสพติด ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกรัฐมนตรีตั้งความหวังไว้ว่าการประชุมคราวนี้จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการร่วมอาเซียนเพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
เสียงนายกรัฐมนตรี (เรื่องยาเสพติด)
สำหรับวาระสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะมีการหารือในที่ประชุมครั้งนี้ คือ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจที่จะมีความร่วมมือระหว่างประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย