ASTVผู้จัดการรายวัน- อัดรัฐบาลแทรกแซงสื่อ สั่งเบรก"สมจิตต์"ไม่ให้ไปทำข่าวนายกฯร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กัมพูชา หลังจี้ถาม "ปู"เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนบ่อแก๊สอ่าวไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เพิ่งได้รับแจ้งจากบรรณาธิการข่าวว่า ไม่ต้องไปทำข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปฏิบัติภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 20 ที่ประเทศกัมพูชา โดยอ้างว่า กัมพูชาแจ้งว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชนและระบบรักษาความปลอดภัย และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงสถานี ให้ยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า
**เผยคำสั่งสกัด"สมจิตต์"ไปกัมพูชา
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา และ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน ได้เปิดเผยเอกสารของสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผ่านเว็บไซต์ ประสงค์ ด็อท คอม ในห้วข้อ “เปิดหลักฐานสำนักโฆษก “ยิ่งลักษณ์” สั่งยกเลิกทีมข่าวช่อง7 สกัด “สมจิตต์”ไปกัมพูชา” โดยเป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ สนฆ.0396/2555 ลงวันที่ 30 มี.ค.55 เรื่อง ขอยกเลิกคณะสื่อมวลชนทีมล่วงหน้า และเรียนถึง ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือ ทีวีพูล ระบุว่า
ตามที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้รับมอบหมายจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ( ทีวีพูล ) ติดตามนายกรัฐมนตรี และคณะ เพื่อรายงานข่าวการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย. 55 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้แจ้งรายชื่อสื่อมวลชนจำนวน 4 ราย แก่สำนักโฆษกเพื่อลงทะเบียน และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น
ในการนี้ สำนักโฆษกได้รับแจ้งจากประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมฯว่า ด้วยเหตุผลข้อจำกัดของจำนวนช่างภาพ และสื่อมวลชนในการประชุม และระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องลดจำนวนสื่อมวลชนทางการ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือในการยกเลิกช่างภาพ และผู้สื่อข่าวคณะล่วงหน้า ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 และขอให้เหลือเพียง สื่อที่เดินทางพร้อมคณะทางการเท่านั้น
ทั้งนี้ สำนักโฆษกได้ทำหนังสือแจ้ง ให้สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ดำเนินการดังกล่าวแล้ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ นางปรารถนา สุทิน ผู้อำนวยการสำนักโฆษก
**"ปู"ไม่พอใจถูกจี้ผลประโยชน์ทับซ้อน
ขณะเดียวกัน ในเว็บไซต์ ยังได้เสนอรายงาน “วิวาทะผ่านทวิตเตอร์ “ นักข่าวทำเนียบ-โฆษกประจำตัว “ยิ่งลักษณ์” เรื่องสั่งย้ายผู้สื่อข่าวช่อง 7” กล่าวถึงกรณี นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 20 วันที่ 3-4 เม.ย.นี้ ทีมข่าวช่อง 7 เป็นทีวีพูล ที่ต้องเดินทางไปทำข่าวภารกิจนายกฯ ช่อง 7 วางตัว น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร เป็นส่วนล่วงหน้าและทีม ของเจษฎา (นายเจษฎา อุปนิ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ) ไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรี แต่ก็เกิดเรื่องจนได้ หลังจาก สมจิตต์ ไปสัมภาษณ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยสัมภาษณ์ไปประมาณ 10 นาที น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ลุกหนี เมื่อถูกถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในทะเล ว่าเป็นหัวข้อในการเจรจาด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นก็มีเสียงจากตึกไทยคู่ฟ้า ไปยังผู้บริหารช่อง 7 สี เพื่อให้เปลี่ยนทีมข่าวจาก สมจิตต์ เป็นนักข่าวคนอื่น แต่กองบรรณาธิการยืนยันที่จะส่ง สมจิตต์ ไปทำข่าวเช่นเดิม เพราะเป็นคิวแรกของ สมจิตต์
" เหตุผลที่ไม่ยอมเปลี่ยน เพราะเห็นว่านี่เป็นการแทรกแซงการบริหารงานภายในของช่อง 7 สี แต่ผู้บริหารช่อง 7 ยังพยายามให้เปลี่ยน เพราะมีคำสั่งมาจากรัฐบาล เมื่อกองบก.ช่อง 7 ยังไม่ยอมเปลี่ยนจากน.ส.สมจิตต์ เป็นคนอื่น สำนักโฆษกนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึง ทีวีพูล เพื่อแจ้งให้ช่อง 7 ยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า เนื่องจากกัมพูชา แจ้งว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชน และระบบรักษาความปลอดภัย เรื่องนี้ดูอาจเป็นเรื่องเล็กๆ แต่พอมองเห็นการใช้อำนาจของรัฐบาล กับสื่อมวลชนได้เป็นอย่างดี รัฐบาลใช้อำนาจแทรกแซงทีวีพูล ให้เปลี่ยนนักข่าว อาจเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ได้ ฝากคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูแลเรื่องทำนองนี้ด้วย ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว ควรให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ" นายประดิษฐ์ ระบุ
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ตอบคำถาม นายประดิษฐ์ ผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุว่า “นรม. (นายกรัฐมนตรี) ไม่ได้ลุกหนีครับ ผู้ถามไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ อ้างว่าจะมีการประชุมที่ไม่มี และถึงช่วงจบการสัมภาษณ์แล้วด้วยครับ แต่ขณะเดียวกัน ขอให้ทางผู้บริหารสื่อ ช่วยให้ความเป็นธรรม และให้เกียรตินรม.ด้วย เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดี ไม่ขัดแย้ง ถ้าคนทำหน้าที่ไม่แสดงความลำเอียงจนออกนอกหน้า ก็อาจถือว่าเป็นการให้เกียรติได้ แต่ถ้าตั้งเป้าแอบแฝง จะทำหน้าที่ได้ดีหรือ? "
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายประสงค์ ถามในทวิตเตอร์ว่า ตกลงขอให้เปลี่ยนตัวนักข่าวจริงหรือไม่ ตอบตรงประเด็นหน่อย นายสุรนันทน์ กล่าวว่า " ใครจะไปกล้าสั่ง ใหญ่ๆกันทั้งนั้น"
** "ยิ่งลักษณ์" อ้างไม่รู้เรื่อง
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อันนี้ไม่ทราบรายละเอียดเลย สื่อมวลชนเองก็เห็นว่าตนไม่เคยแทรกแซงสื่อใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคำถามที่สื่อมวลชนถามมา ก็ตอบอยู่แล้ว เราให้อิสระทางด้านเสรีภาพสื่อมวลชน และเคารพกติกาซึ่งกันและกัน ไม่มีตรงนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะอะไรถึงตัดรายชื่อผู้สื่อข่าวบางคนออก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่ทราบรายละเอียด ไม่ทราบเลย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เพิ่งได้รับแจ้งจากบรรณาธิการข่าวว่า ไม่ต้องไปทำข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปฏิบัติภารกิจประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 20 ที่ประเทศกัมพูชา โดยอ้างว่า กัมพูชาแจ้งว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชนและระบบรักษาความปลอดภัย และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงสถานี ให้ยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า
**เผยคำสั่งสกัด"สมจิตต์"ไปกัมพูชา
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา และ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์มติชน ได้เปิดเผยเอกสารของสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผ่านเว็บไซต์ ประสงค์ ด็อท คอม ในห้วข้อ “เปิดหลักฐานสำนักโฆษก “ยิ่งลักษณ์” สั่งยกเลิกทีมข่าวช่อง7 สกัด “สมจิตต์”ไปกัมพูชา” โดยเป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ สนฆ.0396/2555 ลงวันที่ 30 มี.ค.55 เรื่อง ขอยกเลิกคณะสื่อมวลชนทีมล่วงหน้า และเรียนถึง ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือ ทีวีพูล ระบุว่า
ตามที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้รับมอบหมายจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ( ทีวีพูล ) ติดตามนายกรัฐมนตรี และคณะ เพื่อรายงานข่าวการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย. 55 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ได้แจ้งรายชื่อสื่อมวลชนจำนวน 4 ราย แก่สำนักโฆษกเพื่อลงทะเบียน และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น
ในการนี้ สำนักโฆษกได้รับแจ้งจากประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมฯว่า ด้วยเหตุผลข้อจำกัดของจำนวนช่างภาพ และสื่อมวลชนในการประชุม และระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องลดจำนวนสื่อมวลชนทางการ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือในการยกเลิกช่างภาพ และผู้สื่อข่าวคณะล่วงหน้า ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 และขอให้เหลือเพียง สื่อที่เดินทางพร้อมคณะทางการเท่านั้น
ทั้งนี้ สำนักโฆษกได้ทำหนังสือแจ้ง ให้สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ดำเนินการดังกล่าวแล้ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ นางปรารถนา สุทิน ผู้อำนวยการสำนักโฆษก
**"ปู"ไม่พอใจถูกจี้ผลประโยชน์ทับซ้อน
ขณะเดียวกัน ในเว็บไซต์ ยังได้เสนอรายงาน “วิวาทะผ่านทวิตเตอร์ “ นักข่าวทำเนียบ-โฆษกประจำตัว “ยิ่งลักษณ์” เรื่องสั่งย้ายผู้สื่อข่าวช่อง 7” กล่าวถึงกรณี นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 20 วันที่ 3-4 เม.ย.นี้ ทีมข่าวช่อง 7 เป็นทีวีพูล ที่ต้องเดินทางไปทำข่าวภารกิจนายกฯ ช่อง 7 วางตัว น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร เป็นส่วนล่วงหน้าและทีม ของเจษฎา (นายเจษฎา อุปนิ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 ) ไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรี แต่ก็เกิดเรื่องจนได้ หลังจาก สมจิตต์ ไปสัมภาษณ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยสัมภาษณ์ไปประมาณ 10 นาที น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ลุกหนี เมื่อถูกถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในทะเล ว่าเป็นหัวข้อในการเจรจาด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นก็มีเสียงจากตึกไทยคู่ฟ้า ไปยังผู้บริหารช่อง 7 สี เพื่อให้เปลี่ยนทีมข่าวจาก สมจิตต์ เป็นนักข่าวคนอื่น แต่กองบรรณาธิการยืนยันที่จะส่ง สมจิตต์ ไปทำข่าวเช่นเดิม เพราะเป็นคิวแรกของ สมจิตต์
" เหตุผลที่ไม่ยอมเปลี่ยน เพราะเห็นว่านี่เป็นการแทรกแซงการบริหารงานภายในของช่อง 7 สี แต่ผู้บริหารช่อง 7 ยังพยายามให้เปลี่ยน เพราะมีคำสั่งมาจากรัฐบาล เมื่อกองบก.ช่อง 7 ยังไม่ยอมเปลี่ยนจากน.ส.สมจิตต์ เป็นคนอื่น สำนักโฆษกนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึง ทีวีพูล เพื่อแจ้งให้ช่อง 7 ยกเลิกทีมข่าวล่วงหน้า เนื่องจากกัมพูชา แจ้งว่ามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนสื่อมวลชน และระบบรักษาความปลอดภัย เรื่องนี้ดูอาจเป็นเรื่องเล็กๆ แต่พอมองเห็นการใช้อำนาจของรัฐบาล กับสื่อมวลชนได้เป็นอย่างดี รัฐบาลใช้อำนาจแทรกแซงทีวีพูล ให้เปลี่ยนนักข่าว อาจเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ได้ ฝากคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูแลเรื่องทำนองนี้ด้วย ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว ควรให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ" นายประดิษฐ์ ระบุ
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ตอบคำถาม นายประดิษฐ์ ผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุว่า “นรม. (นายกรัฐมนตรี) ไม่ได้ลุกหนีครับ ผู้ถามไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอ อ้างว่าจะมีการประชุมที่ไม่มี และถึงช่วงจบการสัมภาษณ์แล้วด้วยครับ แต่ขณะเดียวกัน ขอให้ทางผู้บริหารสื่อ ช่วยให้ความเป็นธรรม และให้เกียรตินรม.ด้วย เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดี ไม่ขัดแย้ง ถ้าคนทำหน้าที่ไม่แสดงความลำเอียงจนออกนอกหน้า ก็อาจถือว่าเป็นการให้เกียรติได้ แต่ถ้าตั้งเป้าแอบแฝง จะทำหน้าที่ได้ดีหรือ? "
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายประสงค์ ถามในทวิตเตอร์ว่า ตกลงขอให้เปลี่ยนตัวนักข่าวจริงหรือไม่ ตอบตรงประเด็นหน่อย นายสุรนันทน์ กล่าวว่า " ใครจะไปกล้าสั่ง ใหญ่ๆกันทั้งนั้น"
** "ยิ่งลักษณ์" อ้างไม่รู้เรื่อง
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อันนี้ไม่ทราบรายละเอียดเลย สื่อมวลชนเองก็เห็นว่าตนไม่เคยแทรกแซงสื่อใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคำถามที่สื่อมวลชนถามมา ก็ตอบอยู่แล้ว เราให้อิสระทางด้านเสรีภาพสื่อมวลชน และเคารพกติกาซึ่งกันและกัน ไม่มีตรงนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะอะไรถึงตัดรายชื่อผู้สื่อข่าวบางคนออก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่ทราบรายละเอียด ไม่ทราบเลย.