สะเก็ดไฟ
เป็นข้อครหา นินทา ไม่ว่ารัฐบาลไหนรัฐบาลนั้น ในเรื่องของการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ
วันนี้ฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ออกมาร้องแรกแหกกระเชอ ฟ้องสังคมว่าถูกช่อง 9 ที่มี จักรพันธุ์ ยมจินดา นั่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท อยู่ แบนเทปรายการ “จับมือรวมพลังออกแบบประเทศไทย” อ้างดื้อๆ ง่ายๆ ว่าไม่ผ่านเซ็นเซอร์
คนในรัฐบาลระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดเงื่อนไข ส่งเทปช้า อีกทั้งมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล ปัดโธ่..เป็นฝ่ายค้านแล้วไม่ทักท้วง ติติงรัฐบาล แล้วจะให้ทำพระแสงอะไร มานั่งชมรัฐบาลอย่างนั้นหรือ ก็เปิดใจกว้างให้ด่าบ้างก็สิ้นเรื่อง ดีเสียอีกจะได้เอ่ยอ้างว่ารัฐบาลไม่ปิดกั้นทุกฝ่าย ไม่ปิดหูปิดตาฝ่ายค้าน
ตอนเป็นฝ่ายค้านก็ด่าเขาเป็นวรรคเป็นเวร มาวันนี้ก็เข้าทำนองว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง...
ความจริงถ้ารัฐบาลเปิดเวทีให้ฝ่ายตรงข้ามบ้าง ฝ่ายค้านบ้าง มาออกรายการของรัฐบาลสักอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง เปิดให้มีรูระบายบ้าง อาจทำให้ความขัดแย้งทุเลาเบาบางลงก็ได้
ยิ่งไปปิดยิ่งกั้นมันก็ยิ่งเก็บกด ตัวเองก็มีประสบการณ์มาก่อน ทำไมไม่เปิดใจกว้างแล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูก่อนเสียบ้าง..
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเสียงข้างมากเกินครึ่งสภา ยิ่งอยู่บนอำนาจนับวันยิ่งแสดงออกให้เห็นถึงความกร่างกร้าว เดินเกมคุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ที่ระยะหลังทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภามากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี นั่งเป็นนายกฯ นอกจากนั้นก็ยังมีความพยายามรุกคืบไปยังฝ่ายตุลาการ ผ่านการแก้ไขกฎหมายต่างๆ
วันนี้สื่อสารมวลชนย่อมหนีไม่พ้นการถูกแทรกแซง ครอบงำ กรณีการบล็อกนักข่าวช่อง 7 สมจิตต์ นวเครือสุนทร ไม้เบื่อไม้เมาคนเสื้อแดง ในฐานะตัวแทนนักข่าวประเทศไทย ทีวีพูล ไม่ให้เดินทางไปทำข่าวภารกิจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ประเทศกัมพูา ทั้งๆ ที่เจ้าตัว ซื้อตั๋วเครื่องบินและเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ทีมงานโฆษกรัฐบาลก็ประสานงานส่งชื่อไปเรียบร้อย
โดนหักลำกลางอากาศ อ้างว่าสถานทูตไทยในกัมพูชาแจ้งมาว่าต้องยกเลิก เพราะลงทะเบียนออนไลน์ไม่ผ่าน เหตุผลหยุมหยิมน่าเกลียด ไม่น่าจะใช่ข้อเท็จจริง
อย่างที่รู้กันดี “สมจิตต์” เป็นผู้สื่อข่าวที่มักยิงคำถามแทงใจดำนายกฯ และรมต.ทั้งหลายในรัฐบาลชุดนี้ จนหลายครั้งต้องตอบไปสะอึกไป จะเอาไปเป็นหอกข้างแคร่ทำไม..
เรื่องนี้หลายคนไม่คิด แต่ใครบางคนที่อยู่รอบกายนายกฯคิด แม้จะเป็นตัวแทนทีวีพูล ตัวแทนผู้สื่อข่าวไทย ก็จะขอยกเลิก...ใครจะทำไม..
นั่นเป็นที่มาของเสียงโหวกเหวกโวยวาย ก่นด่าของคนข่าวเอง ตลอดจนพรรคฝ่ายค้าน เผด็จการรัฐสภา ไล่มาถึงเผด็จการสื่อมวลชน
นินทากันว่า “คนตัวอ้วน” ที่เข้ามาอยู่ข้างกายนายกฯในช่วงหลัง เป็นคนบริหารจัดการเรื่องของสื่อมวลชนแทบทั้งหมด
เร่งเดินเกมปั่นผลงานให้เข้าตานายกฯ เพื่อหวังตำแหน่งแห่งที่ในอนาคต ทำตัวเป็นพหูสูตสู่รู้ทุกเรื่อง ระวังสอพลอไม่สนกระแส ไม่แคร์สังคม จะพากันพังไปทั้งแถบ
ก็เป็นที่น่าสังเวชใจว่าสมัยเป็นรัฐบาลที่มี “ทักษิณ” เป็นผู้นำ ก็ได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดไปหลายอย่าง วันนี้มีโอกาสอีกครั้งแทนที่จะทำทุกอย่างให้มันดี ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตให้ดีขึ้น
แต่เปล่าเลย..ยังทู่ซี้เดินหน้าทำสิ่งที่เคยถูกสังคมตราหน้าอย่างไร้สำนึก
