xs
xsm
sm
md
lg

คุณสมบัติของ ประธาน ก.ล.ต. คนใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชัยเกษม นิติสิริ
การแต่งตั้งนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงุสด ระหว่างปี 2550-2552 เป็นประธานคณะกรรมการหลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) คนใหม่ แทนนางสาวนวพร เรืองสกุลที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมานั้น คงจะทำให้คนในวงการตลาดทุนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่า เหตุใด นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะรัฐมนตรีคลัง ซึ่งมีหน้าที่เสนอชื่อคนที่จะมาเป็นประธาน ก.ล.ต. จึงได้เลือกเอาคนที่ไม่มีความรู้ และประสบการณ์ในเรื่องตลาดทุน มานั่งในตำแหน่งนี้

แม้นายชัยเกษม จะเคยเป็นกรรมการในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่รัฐถือหุ้นใหญ่ เช่น การบินไทย และ ปตท. แต่ก็เป็นไปในฐานะ ตัวแทนของรัฐ ที่เชี่ยวชาญในด้านกฎหมายเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติหรือผู้บริหารที่ต้องรอบรุ้ในธุรกิจหลักของบริษัทเหล่านั้น

ก.ล.ต. คือ ผู้กำกับดูแลตลาดทุน ให้มีการดำเนินการที่โปรง่ใส มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมกับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นรายย่อย คนที่เป็นหมายเลขหนึ่งขอ งก.ล.ต. จึงควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องตลาดทุน ซึ่งเป็นความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพอสมควร

แต่ถ้าย้อนกลับไปดูการโยกย้าย แต่งตั้ง ข้าราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลนี้ นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆจนถึงปัจจุบัน ก็จะไม่แปลกใจกับการแต่งตั้งคนที่ไม่รู้เรื่องตลาดทุน อย่างนายชัยเกษม เป็นประธาน ก.ล.ต. เพราะล้วนแต่เป็นการโยกย้ายแต่งตั้ง เพื่อปูนบำเหน็จ ตอบแทนการเป็นข้ารับใช้ ตระกูลชินวัตร และเป็นการโยกย้ายแต่งตั้ง เพื่อส่งคนที่ไว้ใจได้ ไปยึดครองตำแหน่งสำคัญๆ ที่จะส่งผลทางการเมือง และผลประโยชน์ โดยผู้ที่ไปดำรงตำแหน่งเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ ในงานที่ทำ เพราะมีคนคิด คนสั่งให้ทำเอง คนเหล่านี้ มีหน้าที่ฟัง และทำตามคำสั่งเท่านั้น

ตัวอย่างที่ชัดเจน ก็เกิดขึ้นที่ ก.ล.ต.นี่เอง คือ เลขาธิการ ก.ล.ต. นายวรพล โสตถิยานุรักษ์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อ จาก นายธีรชัย ภูวนารถนรานุบาล เมื่อครั้งยังเป็นรัฐมนตรีคลัง ให้เป็นเลขาธิการ ก.ล.ต. ทั้งๆที่ นายวรพล ได้คะแนนการแสดงวิสัยทัศน์ จากคณะกรรมการสรรหา เป็นที่ 2 รองจาก นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. และเป็นลูกหม้อ ก.ล.ต. มาตั้งแต่ ตั้ง ก.ล.ต. ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2535 ซึ่งได้คะแนนเป็นที่ 1 แต่นายธีรชัยก็ไม่ยอมเสนอชื่อลูกน้องตัวเอง กลับไปเสนอชื่อ นายวรพล ซึ่งไม่รู้เรื่องตลาดทุนในภาคปฏิบัติเลย แต่เพราะเป็นความต้องการของทีมงานเศรษฐกิจตัวจริง ที่ต้องการใช้คนที่เชื่อฟัง สั่งได้ ไม่ต้องเถียง

นับตั้งแต่ที่นายวรพลเข้ารับตำแหน่ง เลขาธิการ ก.ล.ต. มีใครเคยได้รับฟังว่าเขามีวิสัยทัศน์ของตลาดทุนไทยอย่างไรบ้าง ? นายวรพลไม่เคยแสดงความเห็น ในกรณีที่นายกิตติรัตน์ สั่งให้ ก.ล.ต. ทบทวนนโยบายการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ทั้งๆที่ เป็น นโยบายที่ ก.ล.ต. คิดและดำเนินการมานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่ นายกิตติรัตน์สั่งยกเลิกเพื่อปกป้องหม้ข้าวของโบรกเกอร์ 36 ราย ต่อไป มีแต่ลูกน้องในระดับรองลงมา ที่กล้าแสดงความคิดเห็น ปกป้องนโยบายของ ก.ล.ต. ในเรื่องนี้อย่างเปิดเผย

คุณสมบัติแบบนายวรพลคือ สั่งได้ เชื่อฟัง ไม่ต้องรู้มาก นี่แหละ คือ สิ่งที่ทีมเศรษฐกิจตัวจริง ที่เคยยึดครองอำนาจใน ก.ล.ต. ผ่านประธาน และเลขาธิการ ก.ล.ต. มานานต้องการ การที่ได้นายชัยเกษม มาเป็นประธาน ก.ล.ต. โดยมีนายวรพล เลขาธิการ ก.ล.ต. ถือว่า เป็นโมเดลที่สมบูรณ์แบบ เปิดช่องให้ล้วงลูกจากฝ่ายการเมืองได้อย่างสะดวก เพราะทั้ง ประธาน และ เลขาฯ ล้วนเป็นผู้ที่เชื่อฟัง สั่งได้ ไม่เถียง

ก.ล.ต. ในฐานะผู้กำกับดูแล ตลาดทุน ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้อง พฤติกรรมการซุกหุ้น ปิดบังโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แท้จริงของตระกูลขินวัตร -ดามาพงศ์ สมัยที่นายธีรชัย เป็นเลขาธิการ ได้พิสูจน์ตัวเองในหน้าทีนี้แล้ว ตระกูลชินวัตร -ดามาพงศ์ จำเป็นต้องหาคนที่ไว้ใจได้ มากำกับดูแล ก.ล.ต. อีกชั้นหนึ่ง

นายชัยเกษม ได้รับแต่งตั้ง เป็นอัยการสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ในช่วงปลายของรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ต่อจาก นายพชร ยุติธรรมดำรง เป็นช่วงที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. เริ่มสรุปสำนวนคดี การทุจริต ในรัฐบาลทักษิณ ส่งให้อัยการในฐานะทนายแผ่นดิน เพื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรม และศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ในช่วงที่นายพชร เป็นอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันจงใจหลีก เลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)มูลค่าภาษีหลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท ซึ่งศาลอาญาได้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสาม โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลอุทธรณ์ กลับคำพิพากษา ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา ส่วนนายบรรพจน์ลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี โดยหใรอลงอาญา และเพิ่มโทษปรับ 1 แสนบาท แต่อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน คือ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ไม่ยอมฎีกา คดีจึงยุติลง โดยคุญหญิงพจมาน ประหยัดภาษีไปได้ 546 ล้านบาท

อีกคดีหนึ่งที่ อัยการในยุคนายพชร สั่งฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ คดีที่ดินรัชดาภิเษก ซึ่งศาลสั่งจำคุก พ.ต.ท. ทักษิณ 2 ปี แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้หลบหนีไปต่างประเทศก่อนหน้าจะถึงวันพิพากษาแล้ว และจนป่านนี้ ใกล้เวลาที่โอลิมปิกเกมส์ จะเวียมาอีกครั้งหนึ่ง ก็ ยังไม่กล้ากลับประเทศไทยอีกเลย เพราะไม่ยอมรับผิด

ส่วนคดีอื่นๆ หลังจากที่นายชัยเกษมเป็นอัยการสูงสุด สำนวนคดีเกือบทั้งหมด ที่ คตส. ส่งมาให้ อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ต้องมาติดอยู่ที่ชั้นการสั่งคดีของอัยการ กว่าอัยการจะยอมฟ้องศาลให้ ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วม ประชุมแล้วประชุมอีกกันหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นคดีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต หรือคดีที่ขอศาลยึดทรัพย์อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ 7.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีสำคัญ อย่าง ทุจริตโครงการออกสลากพิเศษ 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) คดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น คตส.ต้องแต่งทนายฟ้องศาลเองทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีคดีแบงก์กรุงไทย อนุมัติเงินกู้ให้เครือกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยคดีนี้ คตส.ชี้มูลความผิด “ทักษิณ” กับพวก รวมทั้งชี้มูลความผิด “นายพานทองแท้ ชินวัตร” ในข้อหารับของโจร รวมทั้งคดีที่ คตส.ชี้มูลความผิด “นายวัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ กับพวก ฐานทุจริตต่อหน้าที่ กรณีเรียกรับเงินจากเอกชนโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่ยังติดอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ จนถึงบัดนี้

รวมทั้ง คดี ทุจริตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดของสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ซีทีเอ็กซ์ ที่ คตส. ส่งให้ ปปช.สอบสวนต่อ เพราะ คตส. หมดวาระการทำงาน คดีนี้ นายชัยเกษม ตกเป็นจำเลย ร่วมกับ พ.ต.ท. ทักษิณ และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจด้วย ในฐานะกรรมการ บมจ. การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งอัยการมีความเห็นแย้ง ปปช. จนปปปช. ต้องตัดสินใจว่า จะเป็นผู้ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาเอง

สองปีกว่า ในการทำหน้าที่อัยการสูงสุดของ นายชัยเกษม ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เขามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธาน ก.ล.ต. คนใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องตลาดทุนเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น