รายงานการเมือง
ครม.สัญจร ภูเก็ต ดินแดนไข่มุกอันดามัน จบลงไปด้วยความราบเรียบราบรื่น ไม่มีม็อบต่อต้านขนาดใหญ่ ไม่มีเหตุการณ์อะไรตื่นเต้นเป็นประเด็นการเมือง นอกจากการเดินทางไปพบตัวเงินตัวทองลอยขึ้นอืดของ "ยิ่งลักษณ์"
จะมีก็เพียงม็อบกลุ่มเล็ก กลุ่มน้อยเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลเรื่องที่ดินทำกิน โฉนดชุมชน ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ขานตอบเด้งรับทันที สั่งการให้ครม.ไปดูแลเรื่องการซื้อขายแลกเปลี่ยน นำที่ดินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ได้อกได้ใจไปตามๆ กัน
ครม.สัญจรภาคใต้หนนี้ โฟกัสไปที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ของประเทศไทย เสนอแผนของบมาบานเบอะ แปดหมื่นกว่าล้าน ไม่นับรวมจากภาคเอกชนอีกชุดใหญ่ รวมมูลค่าเป็นแสนล้าน
ของบทำถนนหนทาง พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สร้างท่าเทียบเรือ ขยายสนามบิน สร้างสนามบินใหม่ และอีกเยอะแยะมากมายสารพัดโครงการเมกะโปรเจกต์
ขอแหลกแจกกันอึกทึกคึกโครม แต่ทว่าโครงการเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ยังเป็นคำถาม ครม.สัญจรก่อนหน้านี้ที่เชียงใหม่ และ อุดรธานี ก็สไตล์เหมือนกันแบบนี้ ของบประมาณกันหลายแสนล้าน รัฐบาลก็หน้าใหญ่ใจป้ำรับไว้แทบทั้งหมด
แต่โครงการที่ได้ลงมือทำจริงๆ มีหรือเปล่า ที่อนุมัติๆ ไป ก็แค่รับทราบให้หน่วยงานไปศึกษาเท่านั้น ไม่มีการสัญญาว่าจะทำจริงจัง เสนอขอแล้วก็อนุมัติกันเรื่อยไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันแน่จะได้ทำได้ใช้ พุดโธ่!!
มันจึงเป็นเพียงการหว่านงบเอาใจ เชิงการตลาด หาเสียงสร้างภาพเอาคะแนนซะส่วนใหญ่ อนุมัติกันหลายแสนล้าน จะไปเอางบประมาณที่ไหนมาจัดทำ งบประมาณประเทศปีๆ หนึ่งก็มีอยู่แค่ 2 แสนล้าน เอาที่ไหนไปทำพอ..
ฉะนั้น อย่าไปตื่นตกใจกับตัวเลขอู้ฟู่ มันคือภาพลวงตาทั้งนั้น ที่จะเป็นมรรคเป็นผลจริงๆ ก็คือโครงการเล็กๆ อนุมัติทำทันที ใช้งบประมาณไม่มาก แบบนั้นมากกว่า
ก่อนหน้านี้เมื่อครั้ง "ยิ่งลักษณ์" นำคณะไปทัวร์นกแก้ว แถบจังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ก็เจื้อยแจ้วโปรยทานหว่านงบตลอดเส้นทาง ใครเสนอแผนของบประมาณอะไรมาก็รับไว้หมด สุดท้ายเอามารวบรวมดูก็เห็นความมั่วซั่ว เลอะเทอะไปหมด หลายสิ่งหลายอันซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา
นิสัยแจกแหลก ประชานิยมแบบไม่ลืมหูลืมตา หวังเพียงคะแนนนิยม ตามสไตล์นายใหญ่หน้าเหลี่ยม พ.ต.ท. ทักษิณ ขินวัตร อดีตนายกฯที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ทำประเทศชาติไร้ระเบียบวินัยการเงินการคลัง ซ้ำชาวบ้านยังต้องฝันค้างเลื่อนลอย
เลิกเสียทีเถอะรับปากไว้แบบเสียไม่ได้ แล้วก็ทิ้งขว้างไม่ใยดี รัฐบาลน่าจะบอกให้มันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าจะอนุมัติงบให้ไปทำอะไรที่ไหน อย่างไร แบบจริงใจไม่ปั่นตัวเลขเอาหน้า แล้วโครงการก็เงียบหายเข้ารกเข้าพง ตบตาชาวบ้านไปวันๆ เห็นแล้วมันเอือมระอา
คิดแล้วมันก็น่าเสียดาย รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่มีส.ส.ภาคใต้มานานนม สำรวจคะแนนนิยมเมื่อไหร่เมื่อนั้นก็แพ้พรรคประชาธิปัตย์รูดทะราด น่าจะใช้โอกาสประชุมครม.สัญจรนี้อนุมัติงบทำโครงการใหญ่ๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใต้อายุของรัฐบาลนี้ เผื่อวันหน้าฟ้าใหม่ เลือกตั้งอีกรอบจะได้มีอะไรเอ่ยอ้างหาเสียงในภาคใต้ได้บ้าง
เอาแต่แจกงบลวงตา หาเสียงฉาบฉวยแบบนี้ ไม่เกิดประโยชน์ พรรคประชาธิปัตย์นั่งกระดิกเท้าสบายใจ ไม่มีอะไรระคายผิว
ในขณะที่พรรคพวกตัวเองในถิ่นฐานแดนสะตอ กลับต้องส่ายหน้าด้วยความผิดหว้ง รัฐบาลไม่ทำอะไรเป็นชิ้นอัน ต่อไปว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ก็ต้องกระเสือกกระสนลำบากเหมือนเช่นเคย โอกาสสอบได้เป็นผู้แทนแทบมองไม่เห็นฝั่ง
ฤาพรรคเพื่อไทยจะตัดด้ามขวานทอง เลิกสนใจใยดี ไม่คิดมาหาเสียง มาขอโอกาสให้ผู้แทนกันอีกต่อไปแล้ว เพราะเมกะโปรเจกต์ใหญ่ๆของรัฐบาลในภาคใต้นั้น ไม่มี!! ต่างจากภาคเหนือ ภาคอีสานสิ้นเชิง ที่ประกาศเป็นมั่นเป็นเหมาะ เป็นนโยบายหาเสียงว่าจะทำโครงการรถไฟความเร็วสูง ทำโครงการ 25 ลุ่มน้ำ
ชั่วโมงนี้ใครเป็นคณะทำงานพื้นที่ภาคใต้ของพรรคเพื่อไทยส่ายหน้าปวดหัวตึ้บ มองไม่เห็นทางเจาะฐานเสียง คนหน่วยก้านใช้ได้ ที่ว่่าดี เด่น ดัง พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังไม่กล้าลงเขต หนีขึ้นปาร์ตี้ลิสต์กันหมด งวดหน้าก็คงเข้าอีหรอบเดิม ไม่มีใครอยากไปตายเอาดาบหน้า โดยรู้ดีว่ามีโอกาสตายมากกว่าอยู่!!
โอกาสเจาะพื้นที่ฐานเสียงกลุ่มจังหวัดอันดามัน ดูแล้วน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยงามที่สุด เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ พรรคไทยรักไทยขณะนั้นก็ทำแต้ม เรียกความสนใจจากประชาชนได้ไม่น้อย และครั้งหนึ่ง กฤษ สีฟ้า ก็เคยเป็นผู้แทนของพรรคไทยรักไทยในจังหวัดพังงา สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจะเจาะฐานเสียงใต้ได้
พื้นที่โซนอันดามันนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนไหวเปราะบางของพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด แต่พรรคเพื่อไทยกลับไม่มีการเดินแต้มการเมืองให้มีเปรียบภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
อย่างว่าเอาทหารเลวมาบริหารบ้านเมืองยุทธศาสตร์แฝงทางการเมืองก็เลยอ่อนหัด เป็นที่หัวเราะเยอะของฝ่ายตรงข้าม
ความหวังที่พรรคเพื่อไทยจะยึดพื้นที่ฐานเสียงภาคใต้ก็ยังคงต้องรอต่อไป หรืออาจไม่มีวันเกิดขึ้นอีก
พรรคเพื่อไทยยังคงไม่สามารถเอ่ยอ้างว่าเป็นพรรคที่คนทั้งประเทศเลือกให้มาทำงานได้อย่างเต็มปาก ได้แต่อ้างเสียงข้างมาก อ้าง 10 กว่าล้านเสียง อยู่อย่างนั้น หลายครั้งหลายทีก็โดนสวนกลับมาว่าเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทย เทียบไม่ได้กับคนที่ไม่เลือก
พูดไม่ออก บอกไม่ถูก สิ่งที่ติดค้างก็มีเพียงเรื่องเดียว คือคะแนนนิยม ตัวแทนส.ส.ในภาคใต้นี่แหละ
ถ้ามีส.ส.ในภาคใต้ขึ้นมาสักสี่ห้าคน คงสามารถพูดเอ่ยอ้างความไว้วางใจจากประชาชนได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
แต่ถ้ายังเป็นรัฐบาลบริหารงานกันแบบฉาบฉวย เอาหน้า เอาคะแนนไปวันๆ โดยไม่ใช้ความจริงใจเข้าแลก หวังเพียงประโยชน์กันในแง่มุมเชิงการเมือง ละทิ้งปัญหาความต้องการของชาวบ้านไว้ข้างหลัง
คงยากที่คนทั้งประเทศจะไว้วางใจ