ชทพ.เชื่อปฏิวัติไม่เกิด หากไม่แตะหมวดสถาบัน อุ้ม รบ.ปู อยู่ยาวยิ่งดี

“ชุมพล” มั่นใจร่างแก้ไข รธน.จะพิจารณาแล้วเสร็จก่อนปิดสมัยประชุม 18 เม.ย. เชื่อ รบ.ปู อยู่ยาวยิ่งดี กลิ่นปฏิวัติยังไม่โชย หากไม่ไปแตะหมวดสถาบัน เสธ.หนั่น ประณามพวกป้ายสีรับเงินแม้ว ย้ำ ตั้งคำถามบิ๊กบัง เปิดโอกาสไขความกระจ่างเพื่อความมั่นใจสร้างปรองดอง

วันนี้ (23 มี.ค.) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 ตอนหนึ่ง ว่า สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่..) พ.ศ.... อยู่ระหว่างพิจารณา เชื่อว่า จะพิจารณาแล้วเสร็จก่อนปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติวันที่ 18 เม.ย.นี้ อย่างแน่นอน ส่วนจำนวน ของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เชื่อว่าจะยึดตามสัดส่วนของส.ส.ร. 1 เมื่อครั้งการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 อย่างแน่นอน คือ 99 คน

นายชุมพล ยังกล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ว่า ตนมองว่าโซฟาร์โซกู๊ด (ยิ่งอยู่ยาวยิ่งดี) และที่เป็นอยู่ตอนนี้ถือว่าไปได้ ส่วนจะอยู่ถึงสิ้นปี 2555 หรือไม่ ตนไม่ใช่หมอดูคงตอบไม่ได้ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติขึ้นอีกในช่วงนี้ หากไม่ไปแหย่เรื่องสถาบัน และความรู้สึกของคนไทย 65 ล้านคนไม่เอาด้วย แต่ปัจจุบันนี้ประชาชนถูกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่แข็งอยู่ข้างล่าง ส่วนข้างบนนั้นพลังน้อยแล้ว ดังนั้น ประมาทไม่ได้ อย่างไรก็ตามขอฝากไว้ว่าหากเกิดวิกฤตขึ้น สมาชิกพรรคอย่าไปยุ่ง

ทั้งนี้ นายชุมพล ให้สัมภาณ์ภายหลังการประชุม ต่อประเด็นท่าทีของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน กมธ.ปรองดอง ว่า พรรคชาติไทย ชูประเด็นปรองดองมาตั้งแต่แรก จน พล.ต.สนั่น ได้รับฉายานายกฯปรองดอง ในประเด็นคำถามของ พล.ต.สนั่น คิดว่าเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การปรองดองก็เท่านั้นไม่มีอะไรพิเศษ เป็นเพียงการชี้แนะต่อบรรยากาศปรองดอง

เมื่อถามว่า ประเด็นนี้พรรคทราบล่วงหน้าหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่าประเด็นนี้ ทราบว่าพล.ต.สนั่น หารือกับ นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค เพราะตนไม่อยู่ ติดประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดภูเก็ต

เมื่อถามต่อว่า หากไม่มีคำตอบจาก พล.อ.สนธิ จะทำอย่างไร นายชุมพล กล่าวว่า ก็ปล่อยให้ประชาชนรับฟังความคิดเห็น ถามต่อว่า พล.ต.สนั่น จะไปตั้งคำถามกับบุคคลที่ร่วมในการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 49 มองอย่างไร นายชุมพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของ พล.ต.สนั่่น ถามย้ำว่า เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวหรือใหม่ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ไม่มีความคิดเห็น แต่เห็น พล.ต.สนั่น ตระเวนเดินสายปรองดองกับบุคลลต่างๆ หากจะทำอีกก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆ นายชุมพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของสื่อมวลชนและสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายชุมพล เลี่ยงตอบคำถามในประเด็นดังกล่าว โดยบ่ายเบี่ยงไปพูดถึงเรื่องงานประชุมใหญ่สามัญของพรรคแทน แม้ว่าสื่อมวลชนจะพยายามซักถาม นายชุมพลก็ไม่ยอมตอบ พร้อมทั้งกล่าวตัดบทว่า ตนต้องรีบไปประชุม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากไม่ชี้แจงเช่นนี้ กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.สนั่น รับงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อถามคำถามเบื้องหลักปฏิวัติ นั้นเป็นเรื่องจริง นายชุมพลเลี่ยงไม่ตอบ โดยการลุกเดินออกไปจากห้องทันที

ด้าน พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า ขอประณาม บุคคลที่กล่าวหาว่า รับงานจาก พันตำรวจโท ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ตลอดเวลา 33 ปี ของการเป็นนักการเมือง ตนไม่เคยทรยศ หักหลังใคร และไม่เคยขายตัว หรือรับเงินจากใคร ทั้งนี้ หากกระแสข่าวดังกล่าวนั้น เป็นเพียงแค่ข่าวสารเกรงว่า จะสร้างปัญหาให้กับสังคมอีก ตนเอง และ พลเอก สนธิ ก็เป็นพี่น้องกัน ไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกัน ส่วนคำถาม 3 คำถามที่ พลเอก สนธิ เมื่อวันก่อนเป็นเพียงคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่จะตอบหรือไม่นั้น ก็ไม่สามารถบังคับใครได้

ทั้งนี้ พลตรี สนั่น ย้ำว่า ทุกคนจะต้องออกมาพูดความจริง ความปรองดองจึงจะปรากฏ และไม่จำเป็นต้องทบทวนอะไร ขอแค่ตอบทั้ง 3 คำถามก็พอ

ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวอีกว่า ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานให้แผ่นดินแต่ก็ทำงานให้พรรค หลังจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาแล้ว พรรคได้ชูธงเรื่องปรองดองเป็นพรรคแรก เพราะเห็นว่าหากคนไทยไม่รัก และสามัคคีกัน ชาติบ้านเมืองจะไปไม่ได้ พรรคจึงกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่นๆ และเพิ่มเติมนโยบายปรองดองในช่วงที่จะหาเสียง หลังการเลือกตั้งก็ชูธงเรื่องปรองดองต่อ ในฝากรัฐบาลได้ตั้ง กมธ.ปรองดองของสภาผู้แทนราษฎรขึ้นมา กมธ.ดังกล่าวก็ให้สถาบันพระปกเกล้า ไปทำวิจัยเรื่องนี้ และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็ให้สถาบันพระปกเกล้า มาชี้แจงต่อสาธารณชน ในทางตรงกันข้ามตน และเพื่อนสมาชิกพรรค เห็นว่า นโยบายปรองดองของพรรค และสถาบันพระปกเกล้าไม่ตรงกัน ในส่วนของพรรคมองไปที่ประชาชน ไม่ใช่มองที่สภาผุ้แทนราษฏร ตนขอถามย้อนกลับไปว่า พี่น้องประชาชนไปอยู่ไหน ทำไมงานวิจัยถึงได้ทำอยู่ในเฉพาะหมู่นักการเมืองและผู้วิจัย ดังนั้นเมื่อเจอ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งเป็นหัวหน้าปฏิวัติ มาเป็นประธานปรองดอง ซึ่งก็งง ว่า พลเอก สนธิ เห็นด้วยกับการยกเลิกคดี คตส.ทั้งหมดแล้วให้กลับไปพิจารณาในชั้นศาลใหม่

เพราะฉะนั้นจึงตั้งคำถาม 3 คำถามถามไปยังประธาน กมธ.ปรองดอง ว่า หนึ่ง การปฏิวัติ 2549 ท่านและคณะเป็นผู้ปฏิวัติเองหรือไม่ หรือมีผู้อยู่เบื้องหลังให้ทำ สอง ประกาศคณะปฏิวัติแล้วเข้าเฝ้าถวายรายงานต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลเอก เปรม ได้นำเข้าเฝ้าจริงหรือไม่ หรือว่าพลเอกเปรมไปทีหลัง และก่อการปฏิวัติ ท่านเคยรายงานให้พลเอกเปรมทราบก่อนหรือไม่ สาม พลเอกอดีดผบ.ทร.สูงสุด ขอร้องให้ท่านพูดความจริงว่าใครอยุ่เบื้องหลัง มีอำมาตย์หรือไม่ บุคคลผู้อยู่เหนืออำนาจรัฐธรรมนูญ จริงหรือไม่ และ การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ต้องค้นหาความจริง ความรุนแรงในการแตกแยกเกิดขึ้นหลังจากปฏิวัติ ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้เพราะความรุนแรงพุ่งขึ้นสู่อากาศ หากเอาแต่เสียงของผู้แทนราษฏรและเสียงข้างมากเชื่อว่าการปรองดองคงไม่จบ และถ้ามีโอกาสก็อยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเช่นกันว่ามีใจจะปรองดองอย่างไร สุดท้ายตนขอยืนยันว่าไม่ได้คิดร้ายต่อพลเอกสนธิ ไม่โจมตีใครและไม่ได้พูดถึงพรรคการเมืองใด เป็นเพียงตั้งคำถามเพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจน

ขณะที่ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้ำว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีนโยบายที่สนุบสนุนในภาคเกษตรกร ในทุกด้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ ในไร่นาและชุมชน การพัฒนาคุณภาพสินค้าทางการเกษตร รวมถึงแผนการป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืน เพื่อไม่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะเดินหน้าต่อไป คือการลดต้นทุนการผลิต ให้กับภาคเกษตรกร เน้นไปที่เรื่องการใช้ปุ๋ย ที่ยังเกินความจำเป็นของเกษตรกร โดยให้กรมพัฒนาที่ดินมาให้ความรู้ถึงความจำเป็น แก่เกษตรกรด้วย พร้อมกันนี้ยืนยันว่า จากปัญหาอุทกภัย ตนเองได้ทำเต็มที่สุดความสามารถ และส่วนตัวไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง และพรรคชาติไทยพัฒนาเอง ก็ไม่เคยละเลยเรื่องน้ำ พรรคจะทำหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ เพื่อเป็นการตอบแทนทุกคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือก ส.ส.ของพรรคทุกคนมา