ผู้นำฝ่ายค้านจี้ “พระปกเกล้า” ทบทวนผลวิจัย หวั่นมือดีจ้องบิดเบือนปรองดองดัน “นิรโทษกรรม” ในคดีทุจริต เตือน “วุฒิสาร” อย่าทำผิดซ้ำสองเพราะความกลัวมวลชนแดง จี้ “บิ๊กบัง” ตอบคำถาม “เสธ.หนั่น” ชี้หากความจริงไม่ปรากฏ กระบวนการปรองดองยากสำเร็จ
วันนี้ (22 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถึงการทำงานของคณะกรรมาธิการปรองดองฯ ว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ ขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 30 วันแล้ว จึงมีเวลานำรายงานการวิจัยไปดำเนินการตามคำแนะนำ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มในการพูดคุยในประเด็นสำคัญ โดยพยายามเปิดกว้างสร้างกระบวนการพูดคุยเพื่อให้เกิดบรรยากาศการปรองดอง ดังนั้น กรรมาธิการของพรรคประชาธิปัตย์จะใช้แนวทางนี้ ซึ่งถ้ารายงานของกรรมาธิการฯไม่ยึดตามที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ โดยเขียนว่ามีคนยึดเรื่องนั้นเรื่องนี้กี่คนเท่ากับว่าเป็นการไม่เอาแนวทางของคณะผู้วิจัยมาใช้ ส่วนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการฯ จะสรุปรายงานภายในกลางเดือน เม.ย.นั้น ตนคิดว่ากระบวนการเสวนาอาจไม่ต้องดำเนินการโดยกรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น กรรมาธิการชุดนี้ควรส่งรายงานให้สภาในทำนองว่าขอให้สภาดำเนินการในการจัดทำการรับฟังความเห็นต่างๆ ต่อเนื่องต่อไป เพราะไม่ได้หมายความว่ากรรมาธิการฯชุดนี้จะมาผูกขาดในการจัดให้มีการพูดคุยกัน แต่เป็นการรับแนวทางที่พูดคุยกันในเวทีวันที่ 21 มี.ค.มาเดินหน้าต่อไป
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ถ้ากรรมาธิการไม่ยึดตามแนวทางนี้ ตนก็จะเรียกร้องไปยังคณะผู้วิจัยและสถาบันพระปกเกล้าว่า จะยินยอมให้นำรายงานนี้ไปใช้โดยไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์หรือไม่ ทั้งนี้เรายังมีเวลาในการที่จะให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจมากขึ้นว่ารายงานดังกล่าวครบถ้วนเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อาจใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์ ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะการสอบถามความเห็นยังไม่รอบด้าน ขนาดภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ก็ยังไม่ได้สะท้อนมุมมองที่สูญเสีย และเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงที่สูญเสีย หากมาเห็นข้อเสนอนิรโทษกรรมทั้งหมดก็คงมีความรู้สึกเช่นกัน ดังนั้นคำตอบที่ได้ควรจะต้องทำให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองนี้ แล้วเราก็มาดูว่าใครถูกใครผิด และจะให้อภัยกันอย่างไร จากนั้นก็ปรองดอง อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าในการประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้าครั้งต่อไปคงมีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา ตนในฐานะกรรรมการสภาสถาบันฯก็จะมีการสอบถามเกี่ยวกับการทำงานวิจัยดังกล่าว เพราะกระทบกระเทือนต่อสถาบัน แต่ตนไม่อยากให้ไปตั้งเป้าที่สถาบัน เพราะผู้วิจัยก็บอกว่าเป็นความรับผิดชอบของคณะผู้วิจัย
เมื่อถามว่านายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ยอมรับว่ามีการตั้งโจทย์เพื่อปรองดองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ได้ข้อยุติ ตนไม่อยากให้ประเทศผิดซ้ำสอง ในวันนี้จะด้วยความเกรงใจหรือเกรงกลัวกลุ่มมวลชนที่ต้องการล้างความผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเราเพียงบอกว่าให้จบๆ กันไป จะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ซึ่งอาจจะใหญ่กว่าเก่าให้สังคมในอนาคต เพราะเรากำลังยอมรับให้มีการใช้ความรุนแรง กำลังส่งสัญญาณว่าการทุจริตไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ซึ่งทำให้สังคมจะมีความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้การที่คณะผู้วิจัยหยิบยกข้อเสนอของคนเพียงคนเดียวในเรื่องการล้มคดีคตส.ทำให้ตนไม่เห็นด้วย เพราะข้อเสนอของอีก 10 คน กลับไม่มีการหยิบยกมาเพียงเพราะไม่ตอบโจทย์คนที่กำลังโวยวายหรือข่มขู่ประเทศชาติ แต่คนที่มีส่วนได้เสีย ได้ประโยชน์ชัด ๆ คนเดียวและมีการแลกกับการไม่ก่อความวุ่นวายกลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องตอบสนอง ซึ่งจะทำให้คนที่เสียงดังจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ และบ้านเมืองจะไม่ปรองดองอย่างยิ่ง ตนยินดีที่จะตอบโจทย์ของคนเสื้อแดง แต่ไม่ได้หมายความว่าเพราะเสียงดัง เพราะฝ่ายหนึ่งชนะการเลือกตั้ง เพราะคนหนึ่งมีอิทธิฤทธิ์สามารถทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนได้ก็เลยต้องตอบโจทย์คนนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าในคดีแพ่งเกี่ยวกับคดีที่ดินรัชดาฯ ได้มีการตัดสินให้คืนเงินแล้ว จะส่งผลในส่วนของคดีอาญาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คดีแพ่งดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ศาลตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำผิด ไม่ทราบว่าใครสอนกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคดีแพ่งนี้สืบเนื่องมาจากคดีอาญา พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะไปฟังมาจาก ร.ต.อ.เฉลิมหรือไม่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประโยชน์จากคำพิพากษา ความจริงคนมองข้ามไป ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชนะคดีหลายคดี และไม่เคยบ่นว่าสองมาตรฐาน แต่พอแพ้ก็มาบ่นว่าเป็นสองมาตรฐานทุกครั้ง ถ้าทุกคนใช้มาตรฐานเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อไปคงไม่มีใครยอมแพ้คดี
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนผิดหวังที่ พล.อ.สนธิ คำถามที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งที่ พล.อ.สนธิ ต้องตอบให้เกิดความกระจ่างต่อสังคม ถ้าทุกคนจะไม่ยอมให้ความจริงกันแล้วเราจะเดินหน้าได้อย่างไร คณะกรรมาธิการปรองดองได้รับผลรายงานที่เน้นความสำคัญกับการที่ต้องได้ความจริง แต่ตัว พล.อ.สนธิ ยังไม่ให้ความจริงแล้วจะเดินตามที่กรรมาธิการสรุปได้อย่างไร ในเมื่อ พล.อ.สนธิ ยังไม่ทำเลย การตอบในลักษณะกำกวมอย่างนี้ไม่เป็นผลดีกับใคร ถ้าจะให้ปรองดองจะต้องตอบ และพล.อ.สนธิ จะต้องรู้ว่าการไม่ตอบสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา และใครให้ความกระจ่างได้ก็ควรทำ งานวิจัยที่ไปถามคน 47 คน ความจริง พล.อ.สนธิ เองก็ต้อบตอบในคำถามของคณะผู้วิจัยด้วย
“ผมเคยเขียนเฟซบุ๊กตอนช่วงเลือกตั้งว่าที่สุดจะนำสู่การนิรโทษกรรม คุณทักษิณอยากได้เงินคืน อยากบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยทำอะไรผิด เรื่อง 91 ศพและอื่นๆ จะลืมกันไปใช่หรือไม่ จากนั้นก็มาพูดเรื่องเยียวยากัน นี่คือสิ่งที่ผมเคยเตือนแล้วว่าจะเกิดขึ้น เพราะคุณทักษิณ สนใจในเรื่องการให้ตัวเองได้เงินคืนและอยากกลับมาโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.2 หมื่นล้านบาท ที่กำลังจะหมดอายุความในเดือนนี้ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือให้กรมสรรพากรเร่งดำเนินการแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กำลังรอดูอยู่เจ้าหน้าที่คนไหนไม่ทำตามหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย ขณะนี้อายุความคดีดังกล่าวจะหมดถ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าท่านเลือกที่จะปล่อยให้อายุความหมดทั้งที่มีการเตือนแล้ว ดังนั้นใครที่ไม่ทำตามหน้าที่ก็ต้องดำเนินการต่อไป ถ้าไม่มีความคืบหน้าทั้งกรมสรรพากร และกระทรวงการคลังต้องรับผิดชอบ และรัฐบาลเองก็ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ใครที่ทราบข้อเท็จจริงและไม่ทำตามหน้าที่ก็ถือว่าละเว้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่คดีนี้ไม่สามารถเดินหน้าได้ เพราะผู้เกี่ยวข้องเป็นญาติของนายกฯ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ลองเป็นคนอื่นสิครับ”