ครม.ไฟเขียวเปลี่ยนการซื้อแท็บเล็ตจากจีนเป็นแบบ เอ็มโอยู ให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญา พร้อมผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ ด้าน“ส.ว.คำนูณ”ชี้เข้าข่าย ม.190 ต้องนำร่างสัญญาขออนุมัติจากรัฐสภา เชื่อไม่ทันเปิดเทอมใหม่แน่ ลั่นไม่ทำตาม รธน.โดนยื่นถอดถอนแน่
วันที่ 20 มี.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) ที่ จ.ภูเก็ตว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบโครงการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต แจกให้เด็กประถมศึกษาปีที่ 1 โดยให้ทำเป็นรูปแบบของเอ็มโอยู หรือบันทึกข้อตกลงกับรัฐบาลต่างประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำสนธิสัญญากับประเทศจีน จากเดิมเป็นการจัดซื้อในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ดังนั้น เห็นควรให้ดำนินการตามมติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ซึ่งมีความเห็นของกฤษฎีกาให้ดำเนินการกับโครงการนี้
ทั้งนี้ มีการอนุมัติยกเว้นการผ่อนผันการปฎิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ 2535 และแก้ไขเพิ่มเติมกับการจัดหาคอมพิวเตอร์พกพาให้แก่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะการจัดการเท่านั้น ไม่รวมการส่งมอบ การตรวจรับพัสดุ การควบคุม และการจำหน่ายพัสดุ ซึ่งยังคงให้ถือปฏิบัติตามระเบียบต่อไป
นอกจากนี้ ก็มีข้อห่วงใยว่า คอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต มีความบกพร่องในการระหว่างขนส่ง หรือการสูญหาย ดังนั้น ในเรื่องของความรับผิดชอบผู้ขายตามสัญญานั้นจะต้องมีการกำหนดการรับผิดชอบจนกว่าคอมพิวเตอร์พกพาจะถึงมือผู้ซื้อในประเทศไทย และยังมีข้อห่วงใยเรื่องการร่างสัญญาการซื้อขายระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีฯ กับบริษัทผู้ขายของฝ่ายจีนในเรื่องของการรับประกันการชำรุด หรือบกพร่อง รวมทั้งเรื่องการดูแลสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้แท็บเล็ตสามารถใช้งานได้ดี
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ปิดเทอมใหม่ที่จะถึงนี้ นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 จะได้ใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาแน่นอน โดยจะมีการดำเนินการตามกรอบใหญ่กับจีนเหมือนเดิม เพียงแต่มีการกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยให้เป็นเอ็มโอยู โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ ในการบริหารจัดการกับโครงการนี้แทน
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก คำนูณ สิทธิสมาน ต่อมติ ครม.ดังกล่าวว่า ถ้าจะซื้อแท็บเล็ตแจกเด็กโดยให้กระทรวงการต่างประเทศทำเอ็มโอยู.กับเซินเจิ้นฯ ก็แน่นอนว่าเป็น “หนังสือสัญญา” ประเภทหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสอง ครม.ต้องนำ “กรอบเจรจา” ขออนุมัติจากรัฐสภาก่อน ต่อด้วยการรับฟังความคิดเห็นประชาชน แล้วจึงนำ “ร่างหนังสือสัญญา” เข้าขอความเห็นขอบจากรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง และ ฯลฯ ยังไงก็ไม่น่าจะแจกทันก่อนเปิดเทอม หรือลงนามได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ ยกเว้นจะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรา 190 ซึ่งก็มีหวังโดนยื่นถอนถอนตามมาตรา 270 แน่
“MOU กรณีนี้อ่านยังไงก็เข้า "190 วรรคสอง" คือเป็นหนังสือสัญญาประเภทที่ "...มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ อย่างมีนัยสำคัญ..." แต่ผมไม่ใช่ผู้ชี้ขาด กรณีมีปัญหา "190 วรรคหก" ก็กำหนดให้พวกผมไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสองสภายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ใช้จำนวน 65 คนน่าจะยังพอหาได้นะ”นายคำนูณระบุ