เวทีสัมมนาพันธมิตรฯ ย้ำ วิกฤติบ้านเมืองมาจากเผด็จการนักเลือกตั้ง อ้างเสียงประชาชนฝ่าฝืนกฎหมาย โกงกินประเทศเอาประโยชน์เข้าตัว จนสภาพบ้านเมืองเหมือนเป็นเรือที่ผุไปทุกส่วน ชี้ทางแก้ต้องปฏิรูปใหญ่ทั้งระบบ ล้างเผด็จการพรรคการเมือง เผยแนวทางพันธมิตรฯ หยุดเคลื่อนไหวรายประเด็นเป็นม็อบรายวัน ต้องขุดรากถอนโคนเปลี่ยนแปลงทั้งระบบเท่านั้น
วันนี้(10 มี.ค.) ในการเสวนา“หยุดเผด็จการรัฐสภา รวมพลังปฏิรูปประเทศไทย” จัดโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เวทีลีลาศ สวนลุมพินี นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า วิกฤติของประเทศไทยขณะนี้เป็นวิกฤติทางกฎหมาย มีความพยายามจะทำในสิ่งที่ไม่มีหลักกฎหมายรองรับ เช่น การจ่ายเงินให้คนเสื้อแดงหัวละ 7.75 ล้าน โดยใช้มติ ครม. ซึ่งผิด พ.ร.บ.กำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินงบประมาณ และรัฐธรรมนูญได้วางหลักเกณฑ์ว่าการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้เสียหายในคดีอาญานั้น ต้องไม่จ่ายให้ผู้มีส่วนร่วมกระทำผิด มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ซึ่งเป็นการเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เป็นการรัฐประหารโดยใช้สภา ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้ทำไม่ได้
นายคมสันกล่าวต่อว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากเผด็จการพรรคการเมืองทุนนิยมผูกขาด กำลังพยายามทำลายล้างกติกาสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้ามามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ประชาชนจากที่เป็นไพร่จะเป็นทาสอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในอนาคต เพราะนักการเมืองทำแต่เรื่องฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว หาเรื่องยุบองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญที่พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
สำหรับทางออกของการปฏิรูปประเทศไทยนั้น นายคมสันกล่าวว่า ต้องมาคุยกันว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง ได้แก่ การปฏิรูประบบการเมือง สร้างความคิดประชาธิปไตยที่แท้จริง ล้มล้างเผด็จการพรรคการเมืองนายทุนสามานย์ให้ได้ ทำระบบตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจให้เข้มเข็ง สร้างกระบวนการยุติธรรมให้เข้มแข็ง ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบให้ตอบสนองต่อกระบวนการประชาธิปไตยตามหลักการที่แท้จริง การปฏิรูประบบบริหาร ปฏิรูปการศึกษา เพิ่มคุณภาพของนักเรียนนักศึกษาให้มีความรู้เท่าทันนานาประเทศ ทำลายการผูกขาด นำไปสู่เสรีนิยมอย่างแท้จริง
“สรุปแล้ว เราจะนั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ ต้องร่วมมือใจกันนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทยให้ได้”นายคมสันกล่าว
ด้านนายณรงค์ โชควัฒนา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาของประเทศไทยเกิดจากเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วอ้างว่ามาจากเสียงของประชาชน ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่สากลยอมรับ ซึ่งเป็นการเมืองการปกครองที่ประชาชนปกครองตนเอง ไม่มีผู้ปกครอง แต่ประชาชนคือเจ้าของบ้านเจ้าของเมือง รัฐบาลเป็นลูกจ้างประชาชน ไม่มีสิทธิมาอ้างว่ากฎหมายผิด แล้วจะขอแก้กฎหมาย ให้ความผิดเก่าๆ ของตนเองเป็นสิ่งที่ถูก
นายณรงค์กล่าวต่อว่า ประเทศไทยขณะนี้เหมือนเรือผุๆ ทั้งลำ เกินกว่าจะซ่อมแซม เหมือนสุนัขที่ตายแล้วร่างกายกำลังเน่าเฟะ เราจึงไม่ควรคิดแก้ปัญหาเป็นประเด็นๆ ไป เพราะมันมากเกินกว่าจะแก้ได้ สิ่งที่จะปฏิรูปประเทศไทยคือปฏิรูปคนไทย เปลี่ยนแปลงความคิดความเชื่อของคนไทย วันนี้คนไทยคิดและเชื่อว่าเผด็จการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย จนบางคนเกลียดประชาธิปไตย เพราะถ้าโกงกินอย่างนี้มีเผด็จการดีกว่า เราคิดว่าประชาชนมีสิทธิแค่ลงคะแนนในบัตรเลือกตั้งเท่านั้น เมื่อคิดผิดก็เข้าใจผิด จะเลือกคนที่ให้ประโยชน์ส่วนตัวสูงสุด ถ้าคนไทยคิดแค่นี้ก็จะเลือกโจรไปบริหารประเทศ เพราะโจรสามารถเอาเงินไปให้ได้มากกว่า
“เราต้องปฏิรูปความคิดคนไทยให้กลับมาเป็นเจ้าของบ้านเจ้าของเมืองที่แท้จริง สมดังพระราชปณิธานของสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสละพระราชอำนาจให้คนไทยทุกๆ คน เมื่อทุกคนมีความคิดถูกต้อง กฎหมายเป็นแค่เครื่องมือในการปกครองเท่านั้น”
นายณรงค์ย้ำว่า เผด็จการที่เลวร้ายที่สุด คือเผด็จการจากการเลือกตั้ง เพราะอ้างว่ามาจากประชาชน หลายคนหันมายึดอำนาจรัฐด้วยการเลือกตั้ง เข้ามาควบคุมระบบราชการ สามารถแต่งตั้งโยกย้ายได้ตามใจชอบโดยอ้างฉันทมติประชาชน จึงเป็นเผด็จการที่เราต้องเปิดโปง ไม่อย่างนั้นพันธมิตรฯ ไม่มีทางชนะ และจะเหนื่อยเปล่า ตายฟรี เพราะคนส่วนใหญ่ยังหลงเชื่อว่าคนเหล่านั้นเป็นประชาธิปไตย ถ้าเรามุ่งจะชนะให้เบ็ดเสร็จ ต้องล้มเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง
“ถ่าเรากวาดล้างคนชั่วออกไปแล้ว แต่ประชาชนยังนิยมเลือกคนชั่ว คนชั่วกลุ่มใหม่ก็เข้ามา เพราะคนชั่วมันมีมาก นักการเมืองที่ดีก็พอมี แต่ประชาชนไม่เลือก เพราะเขาเห็นว่ากระจอก ไม่มีโปสเตอร์หาเสียงอันใหญ่ๆ ไม่มีเงินไปแจก”นายณรงค์กล่าว
ด้านนายประพันธ์ คูณมี นักเคลื่อนไหวภาคประชาชนและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติกล่าวว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวปัญหา นักการเมืองชั่วและคนมาใช้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นปัญหา เราขึ้นป้ายการสัมมนาวันนี้ ว่า หยุดเผด็จการรัฐสภา รวมพลังปฏิรูปประเทศไทย เพราะว่า การแก้ปัญหาทีละประเด็นมันจะแก้ไม่ได้ มันต้องขุดรากถอนโคน ไม่ให้อัปรีย์ไปจัญไรมา นักการเมืองพวกเนี้เราจะแค่ลูบๆคลำๆ ไม่ได้ เราต้องผ่าตัด
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า นักการเมืองมี 2 พวก พวกหนึ่งก็บอกว่าเราเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา พวกหนึ่งก็ไปสร้างวาทกรรมหลอกประชาชนว่า บ้านเมืองมีปัญหาเพราะอำมาตย์ ทั้งที่อำมาตย์ไม่มีแล้วตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหาเพราะนักการเมืองชั่วแบบ พ.ต.ท.ทักษิณต่างหาก ทำผิดกฎหมายแล้วหนี ไม่ยอมเข้าคุก แต่สั่งให้ลูกน้องแก้ไขกฎหมายให้
นายประพันธ์กล่าวว่า การเมืองที่เป็นเผด็จการจากการเลือกตั้ง หรือเผด็จการรัฐสภา ฝ่าบบริหารกับสภาเป็นพวกเดียวกัน ตรวจสอบกันไม่ได้ เพราะมาจากพรรคเดียวกัน บ้านเมืองจึงตกอยู่ภายใต้ระบอบนี้ การแก้ปัญหาเราต้องล้มเผด็จการนายทุนไม่ใช่ล้มอำมาตย์ เราต้องทำให้คนในแผ่นดินนี้เห็นด้วยว่า เราจะกอดศพหมาเน่าระบบเผด็จการรัฐสภาต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่กอด ก็ต้องมาร่วมมือกับเรา ทุกคนในแผ่นดินต้อง
มาร่วมกัน ให้มีพลังมากพอจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
“วันนี้พันธมิตรฯ มาจุดประกายให้เห็นว่าเราไม่ใช่ม็อบรายวันที่จะมาทำทีละประเด็น เราเป็นพลังมวลชนที่มีปัญญา มีการต่อสู้ มีบทเรียน มีศักยภาพ มีความชัดเจนที่จะไปสู่เป้าหมายสูงสุด ไม่ใช่ม็อบรายวัน แต่ต้องเอาอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง และนักการเมืองที่ต้องการร่วมกับเราต้องมายืนอยู่กับประชาชน ไม่ใช่ท่องแค่ว่าเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา”
นายประพันธ์ย้ำว่า เป็นสิทธิของคนไทยทั้งชาติที่จะล้มระบอบปกครองชั่วของเผด็จการทุนสามานย์นี้ และถ้าไม่ล้างให้สิ้นทราก ก็ไม่ชนะ และพันธมิตรฯ ต้องเปลี่ยนยุทธิวิธีการต่อสู้ ต้องให้พี่น้องเข้าใจปัญหานี้ร่วมกัน และเป็นเจ้าของการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน โดยมีระดับแกนนำเป็นหัวหอกร่วมกันเป็นคณะเปลี่ยนแปลงประเทศ ในปี 2475 นายปรีดี พนมยงค์ ตั้งเป็นคณะราษฎร เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถึงวันนี้ถ้าจำเป็นต้องมีคณะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยก็ต้องตั้ง
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ผ่านการต่อสู้มา 6 ปี ได้ต่อสู้มาหมดทุกประเด็นแล้ว จนรู้ว่า นักการเมืองภายใต้ระบบที่เป็นอยู่คือปัญหาของชาติ เป็นเผด็จการ เพราะมีการสืบทอดอำนาจทางสายเลือด ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ต้องรับผิด ลูกโกงข้อสองในมหาวิทยาลัยก็ยังจบปริญญาตรีได้ นักการเมืองพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็จบปริญญาเอกได้ คนหนีไม่ภาษีไม่ต้องมีความผิด สื่อไหนเสียงดังต้องหาทางปิด เป็นต้น คุณสมบัติเหล่านี้แสดงว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ
ทั้งนี้ เผด็จการที่มาจากนายทุนทำให้ดัชนีความโปร่งใสของประเทศตกต่ำลง การจ่ายใต้โต๊ะเพิ่มขึ้น ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการโกงไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาท นักการเมืองที่อยู่ในอำนาจ 4 ปี สามารถโกงได้ 4-7 แสนล้านบาท
นายปานเทพกล่าวต่อว่า จากการสำรวจของมูลนิธิเอเชีย พบว่าคนไทยที่เป็นเสื้อเหลืองและค่อนมาทางเหลืองมีร้อยละ 10 คนที่เป็นเสื้อแดงและค่อนข้างแดงมีร้อยละ 14 ที่เหลือยังกลางๆ ซึ่งเราสามารถทำให้เขามาเห็นด้วยกับเราได้ และจากการสำรวจของนิด้า พบว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีร้อยละ 58 ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมนักการเมืองถึงร้อยละ 62 ไม่เห็นด้วยกับการคืนสถานภาพให้นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ ร้อยละ 55 ซึ่งแสดงว่าคนไทยจำนวนมากยังรักแผ่นดิน เพราะฉะนั้นเราต้องมีความหวังในการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่มเรียกร้องให้พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมเพื่อให้เกิดความวุ่นวายแล้วให้มีการรัฐประหารโดยอ้างว่าคนสองกลุ่มทะเลาะกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ เราไม่เอา เราจะสู้ครั้งนี้ ต้องสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่คัดค้านรายประเด็น เพราะเราเคยมาแล้ว การคัดค้านรายประเด็น เหมือนกับต้องคอยเด็ดผลไม้จากต้นไม้มีพิษ ที่ต้องเด็ดออกทุกวัน เราจะต้องขุดรากถอนโคน ให้เกิดต้นไม้ที่ไม่มีเป็นพิษ แต่เป็นคุณต่อร่างกายของเรา
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ภารกิจพันธมิตรฯ จะต้องให้ปัญญาประชาชนให้กว้างขวางและกว้างไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจากผลสำรวจแสดงว่า ประชาชนประเทศนี้ยังรักชาติรักแผ่นดิน ขอให้เขาได้รู้ความจริง และถ้าให้ประชาชนได้รู้ความจริงในวงกว้างกว่านี้ เราจะชุมนุมใหญ่ และไม่ใช่รายประเด็น แต่ต้องเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และต้องกวาดล้างเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่หยุดยั้งปัญหารายประเด็น แล้วการแก้ปัญหาก็หยุดที่เดิมไม่ก้าวหน้า เราต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้น