พันธมิตรฯ เปิดผลแบบสอบถามมวลชน พบ 70.80 % ชี้ประเทศไทยจะดีขึ้นต้องปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ ขจัดระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนสามานต์ ขณะเดียวกันผลสำรวจพบว่าคนไทยส่วนใหญ่ทราบปัญหาแต่เพิกเฉยถือว่าธุรกิจไม่ใช่ แต่ยังไม่ควรชุมนุมจนกว่า ทหาร ตุลาการ และกลุ่มที่มีอำนาจต่างตกผลึกเข้าร่วมกับภาคประชาชน แกนนำพันธมิตรฯ สรุปให้ตั้ง ครปร. เดินสายจัดเสวนาเผยแพร่ข้อมูลและข้อเท็จจริงทั่วประเทศให้ประชาชนทราบ ย้ำ เงื่อนไขชุมนุม ถ้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบัน นิรโทษกรรมให้ "ทักษิณ" และพวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.10 น. วันนี้ (10 มี.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี แนวร่วมพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมหยุดเผด็จการรัฐสภา รวมพลังปฏิรูปประเทศไทย
นายปานเทพ กล่าวว่า ผลการประชุม "หยุดเผด็จการรัฐสภา รวมพลังปฏิรูปประเทศไทย"ในวันนี้ มีประชาชนให้ความสนใจมากกว่า ไม่เฉพาะแค่แกนนำ ผู้ประสานงานและตัวแทนพันธมิตรฯ ตามกลุ่มต่างๆ มีประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯ กระตือรือร้นมากกว่าที่เราคาดการณ์กันไว้ และให้ความสนใจเกี่ยวข้องกับการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างมาก
นายปานเทพ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้แจกแบบสอบถามไป ปรากฏว่าไม่เพียงพอ เราแจกไปทั้งสิ้น 6 พันชุด แล้วก็ได้รับผลสรุปตอบกลับมา แล้วปรากฏว่ามีประชาชนอีกจำนวนมากยังไม่ได้รับแบบสอบถาม แต่เฉพาะเวลานี้ที่เรารวบรวมมาและได้ประมวลผลจากแบบสอบถามทั้งหมด ต่อคำถามที่ว่า ท่านคิดว่าประเทศไทยจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ด้วยวิธีการใดมากที่สุด พบว่าลำดับที่ 1 ร้อยละ 70.80 ระบุว่าต้องการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ ขจัดระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนสามานย์ได้สำเร็จ ลำดับที่ 2 คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันดับที่ 3 เรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา และอันดับที่ 4 คือเรื่องหยุดยั้งกระบวนการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สำเร็จ ร้อยละ 7.26
หัวข้อต่อมา ท่านคิดว่าในเวลานี้ประชาชนทั่วไปในสังคมมีความทุกข์ร้อนกับปัญหาประเทศเพียงใด พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ทราบปัญหาแต่ส่วนใหญ่เพิกเฉยและถือว่าธุระไม่ใช่ ถึงร้อยละ 42.15 ประการที่ 2 ส่วนใหญ่ประชาชนยังไม่ทราบปัญหา และยังไม่ทราบข้อมูล ร้อยละ 33.33 และลำดับที่สาม ส่วนใหญ่ประชาชนมีความทุกข์ร้อน ร้อยละ 15.02 และอื่นๆ อีกร้อยละ 9.50
ส่วนหัวข้อที่ 3 ซึ่งมีความสำคัญ ท่านคิดว่าสถานการณ์ในวันนี้พันธมิตรฯ ควรก้าวเดินต่อไปอย่างไร ซึ่งตอบได้มากกว่า 1 ข้อ พบว่าอันดับที่ 1 ที่มีมากที่สุด คือ ยังไม่ควรชุมนุมใหญ่จนกว่า ทหาร ตุลาการ และกลุ่มที่มีอำนาจต่างตกผลึกเข้าร่วมขบวนการภาคประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ร้อยละ 29.17 ลำดับที่ 2 ยังไม่ควรชุมนุมใหญ่จนกว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้ตื่นรู้มากกว่านี้และควรหามาตรการเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ร้อยละ 22.37 ลำดับที่ 3 เห็นว่าควรประกาศชุมนุมใหญ่ทันที ร้อยละ 21.15 ลำดับที่ 4 แล้วแต่แกนนำ ร้อยละ 20.06 และอื่นๆ ร้อยละ 7.25
นายปานเทพ กล่าวว่า ผลการสำรวจในการประชุมครั้งนี้ จากแบบสำรวจ 6 พันชุดที่แจกจ่ายออกไปไม่เพียงพอ ก็ทำให้แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ได้มีการประชุมกัน และมีมติออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2555 เห็นสมควรกำหนดแนวทางก้าวเดินต่อไป โดยกำหนดให้มีการเดินสายจัดเสวนาพบปะพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพื่อเปิดเผยความจริงและขยายให้ข้อมูลความรู้กับประชาชนได้รับทราบและตื่นรู้ถึงความล้มเหลวถึงระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนสามานย์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย หรือ ครปร. ประกอบไปด้วยตัวแทนภาคประชาชนทุกหมู่เหล่าให้เข้ามามีส่วนร่วม
นอกจากนี้ ขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งใหญ่นั้น พันธมิตรฯ ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้การชุมนุมเพื่อเคลื่อนไหวต่อไป ภายใต้เงื่อนไขคือ มีการดำเนินการใดๆ ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์หรือลดพระราชอำนาจ หรือประการต่อมา มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร และพวก และ เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ความเหมาะสมที่ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งใหญ่ ซึ่งภายใต้เงื่อนไขสามประการดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้นเมื่อใด พันธมิตรฯ พร้อมจัดให้มีการชุมนุมใหญ่โดยทันที (โปรดอ่านแถลงการณ์ฉบับเต็ม)
นายปานเทพยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้ประสงค์ร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาทุบรถยนต์ของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ทีวีนั้น ถือเป็นการกระทำที่มีเจตนาชัดเจนว่าต้องการสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายพันธมิตรฯ ให้ได้รับความไม่น่าเชื่อถือ หรือหรือได้รับความเสียหายว่าเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่เน้นและการอาศัยความรุนแรง ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเราได้ดำเนินการจับกุมบุคคลดังกล่าวแล้ว และส่งให้สถานีตำรวจโดยทันที และขอให้ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนและลงโทษอย่างถึงที่สุด เพราะเราถือว่าเป็นเจตนาอย่างชัดเจนที่ต้องการป้ายสีให้พันธมิตรฯ มัวหมอง และต้องการเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญในการประชุมวันนี้อย่างชัดเจน และเราเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ใช่แนวทางของพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน และคนที่จับกุมครั้งนี้ก็คือพันธมิตรฯ ที่มีประชาชนเข้าจับกุมในครั้งนี้ให้ตำรวจต่อไป
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุม ไม่ใช่การชุมนุม เป็นการประชุมครั้งใหญ่ ซึ่งการประชุมนั้นแตกต่างจากการชุมนุม โดยการชุมนุมนั้นจะเน้นปริมาณจำนวนผู้คนที่จะเข้าร่วมในการชุมนุม ส่วนการประชุมนั้นขอให้มีตัวแทนมาครบก็ใช้ได้ แต่วันนี้มาเกินกว่าที่เราคาด ซึ่งเราก็ดีใจอย่างยิ่ง และเป็นการลบล้างคำสบประมาทของบางผู้บางคน บางกลุ่มว่าพันธมิตรนี่แย่แล้ว พันธมิตรแตกแล้ว พันธมิตรรวมตัวกันไม่ติด ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าถ้าบ้านเมืองมีปัญหาเมื่อไร พันธมิตรฯ ก็พร้อมเมื่อนั้น คราวนี้เราไม่ได้ออกมาป่าวประกาศเลย ไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ว่าขอให้มากันเยอะๆ มากันมืดฟ้ามัวดิน เราไม่เคยประกาศอย่างนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าขอให้มาประชุมกัน ถ้ามีตัวแทนจากจังหวัดต่างๆ มากันโดยมีผู้ร่วมเดินทางมาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กับกลุ่มสยามสามัคคีจะมีโอกาสรวมตัวกันเพื่อชุมนุมเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมโดยกลุ่มอื่น พันธมิตรฯ ไม่เคยออกไปขัดขวาง และเราสนับสนุนด้วยซ้ำถ้ามีแนวคิดตรงกับเราในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ แต่เราจะไม่ไปออกในนามของพันธมิตรฯ คราวนี้ก็เช่นกัน เราก็สนับสนุนแต่ยังไม่ออกมาในนามของพันธมิตรฯ ตามที่แถลงการณ์ออกมาอย่างแน่ชัด เพราะว่าพันธมิตรฯ เวลาทำอะไรแต่ละทีจะต้องมีการประชุมกัน ซึ่งก็ต้องเสนอมาเป็นวาระประชุมว่าจะรวมกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้หรือไม่ หรือจะทำอย่างไร ซึ่งจะออกมารวมตัวกันโดยไม่ได้ประชุมกันก็ทำไม่ได้ เพราะพันธมิตรฯ เป็นองค์กรใหญ่ ทำอะไรแล้วต้องมีกฎมีระเบียบต่างๆ แต่ยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับทุกคน ทุกหน่วย ทุกองค์กรที่ออกมาปกป้องสถาบันกษัตริย์และประเทศชาติ เราเห็นด้วยอย่างยิ่งและเราสนับสนุนจริงๆ เวลามีโทรศัพท์ถามว่าตนเป็นพันธมิตรฯ จะไปชุมนุมกับกลุ่มนั้นได้หรือไม่ ตนก็ตอบว่าไปเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินสายรณรงค์ปฏิรูปทั่วประเทศประเทศจะมีกรอบระยะเวลาเท่าใด นายปานเทพ กล่าวว่า จะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (ครปร.) เสร็จแล้ว และคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการวางแผนในการรณรงค์ทั่วประเทศ ซึ่งเข้าใจว่าจะมีการรวมตัวกันในหลากหลายมิติและจะมีการเชิญบุคคลที่มีความสามารถและมีความตั้งใจจะร่วมทำงานในการรณรงค์ครั้งนี้ให้มากที่สุด และเป็นการทั่วไปก็จะมีตัวแทนในระดับภูมิภาคด้วย
ต่อข้อถามว่า ครปร.ที่จะตั้งขึ้นมาใครจะเป็นเจ้าภาพ นายปานเทพกล่าวว่าพันธมิตรฯ จะเป็นเจ้าภาพ ส่วนใครจะเป็นแกนนำก็จะไปคุยกันและแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ด้าน พล.ต.จำลองกล่าวเสริมว่า ครปร. ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคลคนนั้นคนนี้ แต่เราช่วยกันทำงาน