บริษัท “จตุพร-พวก” ทิ้งปริศนา ตั้ง หจก.5 แห่งโดยใช้ทุนจดทะเบียนรวม 25 ล้าน เผยผลประกอบการทำกำไรมากสุดหลักพัน ดันใจป้ำปล่อยกู้เกือบเท่าทุนจดทะเบียน แต่ติดค้างค่าสอบบัญชี เงินสมทบประกันสังคม ภาษีเงินได้นิติบุคคล เพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา ได้ตามติดปริศนาปมธุรกิจของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กับพวก คือ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และนายฐาปนา จินดากาญจน์ อดีตผู้มัครสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) 5 แห่งรวด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 โดยทั้ง 5 แห่งมีที่ตั้งเลขที่เดียวกัน และเลิกกิจการพร้อมกันในวันที่ 24 ธันวาคม 2547
ทั้งนี้ จาการตรวจสอบงบดุลและงบการเงินของ หจก.ทั้ง 5 แห่งของนายจตุพรกับพวก พบว่า ในรอบปี 2545 (ก่อนเลิกกิจการ) มีรายการ “เงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการเกี่ยวข้อง” ถึง 23,700,000 บาท ในรายการการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี คือ นายปัญญา อุดมระติ หมายเลขผู้สอบบัญชี 2653 ระบุว่า การตรวจสอบงบดุลของ หจก.แต่ละแห่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 เหมือนกันว่า “ข้าพเจ้าไม่สามารถหาหลักฐานจนเป็นที่พอใจที่แสดงยอดลูกหนี้ให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งมีผลต่อฐานะการเงินของบริษัท”
หจก.ทั้ง 5 แห่ง ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี และจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี คือ นายปัญญา อุดมระติ หมายเลขผู้สอบบัญชี 2653 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546 ปรากฏรายละเอียดดังนี้
1. หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ถมดิน ขุดดิน ปรับหน้าดิน ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบด้วยทุนของนายสถาพร มณีรัตน์ 1,800,000 บาท นายฐาปนา จินดากาญจน์ 1,600,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,600,000 บาท
ทั้งนี้ ก่อนเลิกกิจการได้ส่งงบการเงินให้ผู้สอบบัญชี ระบุมีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 71,691 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 197,916.67 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,019,607.67 บาท ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,882 บาท รวมหนี้สิน 19,882 บาท เมื่อเอารายได้มาหักค่าใช้จ่ายพบว่าขาดทุน 274.33 บาท
2. หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ผลิตสื่อโฆษณา ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบด้วยทุนของนายจตุพร พรหมพันธุ์ 4,000,000 บาท นายสถาพร มณีรัตน์ 1,000,000 บาท
ก่อนเลิกกิจการได้ส่งงบการเงินให้ผู้สอบบัญชี ระบุมีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 124,860 บาท ดอกเบี้ยค้างรับ 195,833.33 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท รวมทรัพย์สิน 5,020,693.33 บาท ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,720 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 194.67 บาท รวมหนี้สิน 19,914.67 บาท เมื่อเอารายได้มาหักค่าใช้จ่ายพบว่ามีกำไร 778.66 บาท
3.หจก.ศรีหมวดเก้า ประกอบธุรกิจ ขุดถ่านหิน ขุด ขนแร่ต่างๆ ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบด้วยทุนของนายสถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท
ก่อนเลิกกิจการได้ส่งงบการเงินให้ผู้สอบบัญชี ระบุมีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 122,914 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 195,833.33 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,018,747.33 บาท ส่วนหนี้สิน มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,828 บาท รวมหนี้สิน 19,828 บาท เมื่อเอารายได้มาหักค่าใช้จ่ายพบว่าขาดทุน 1,080.67 บาท
4. หจก.บุตรตะวัน ประกอบกิจการ ถมดิน ขุดปรับหน้าดิน ขายซื้อที่ดินทั้งหมด และ ขนถ่ายขุดถ่านหิน แร่ต่างๆทำเหมืองแร่ทั้งหมด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบด้วยทุนของนายฐาปนา จินดากาญน์ 4,000,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท
ก่อนเลิกกิจการได้ส่งงบการเงินให้ผู้สอบบัญชี ระบุมีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 20,968 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 200,000 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,800,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,020,968 บาท ส่วนหนี้สินพบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,936 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 206.40 บาท รวมหนี้สิน 20,142.40 บาท เมื่อเอารายได้มาหักค่าใช้จ่ายพบว่ามีกำไร 825.60 บาท
5.หจก.ศรีสมุย ลองสเตย์ ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแก่ชาวไทยและต่างชาติเพื่อเป็นสมาชิกประกอบธุรกิจท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ประกอบกิจการอำนวยความสะดวกในการจองที่พัก โรงแรม ในโครงการที่พักระยะยาว และประกอบกิจการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการพัฒนาโครงการหมู่บ้าน โดยใช้ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบด้วยทุนของนายสถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท
ก่อนเลิกกิจการได้ส่งงบการเงินให้ผู้สอบบัญชี ระบุมีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 92,860 บาทดอกเบี้ยค้างรับ 178,125 มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,020,985 บาท ส่วนหนี้สิน พบว่ามีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,720 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 253 บาท รวมหนี้สิน 19,973 บาท เมื่อเอารายได้มาหักค่าใช้จ่ายพบว่ามีกำไร 1,012 บาท
