xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” สางแค้น ปชป.สกัด พ.ร.ก.กู้เงิน สั่งหาช่องล้มงบไทยเข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ)
เพื่อไทยเอาคืนแก้เผ็ดประชาธิปัตย์ เหตุยื่นศาล รธน.ตีความออก พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้าน-โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ “ยิ่งลักษณ์” สั่งเองให้ทุกกระทรวงรื้อใหญ่หาเหตุ ไม่เร่งด่วน ทุจริต หวังล้มงบไทยเข้มแข็งสมัย “มาร์ค” ที่กู้ 4 แสนล้านบาท นำร่องโยกเงินกระทรวงหมอ 3,456 ล้านบาท พร้อมจัดทัพสู้ส่ง “เหลิม” แถในสภาฯ โยน “โต้ง-ปึ้ง” แจงศาล


วันที่ 7 ก.พ. แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรณีกระทรวงการคลัง ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นการนำเสนอโครงการของบประมาณของกระทรวงต่างๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ที่เป็นการใช้งบแบบผูกพันและการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่ตั้งอยู่ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2555 ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ปรากฏว่าในการเสนอโครงการของกระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา บูรณศิริ รมว.สาธารณสุข ได้เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Development policy Loan (DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 3,426 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคนเห็นตรงกันว่า งบดังกล่าวที่อยู่ในงบไทยเข้มแข็ง ที่จะนำไปทำโครงการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับสถานพยาบาลระดับอำเภอและตำบล วงเงิน 3,456 ล้านบาท ตามกรอบการกู้เงิน DPL ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรให้โยกงบดังกล่าวไปเป็นงบช่วยเหลือฟื้นฟู สถานพยาบาลจังหวัด ที่ได้รับผลกระทบและความเสียหาย จากน้ำท่วมในจังหวัดที่น้ำท่วมก่อน ส่วนสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลในระดับอำเภอหรือทุติยภูมิ ค่อยรองบประมาณงวดต่อไป

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า อย่างไรก็ตาม นายวิทยาได้ถามความเห็นในที่ประชุม ครม.ว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการลักษณะดังกล่าวจะเกิดปัญหาในข้อกฏหมายหรือไม่ เพราะกระบวนการของการจัดซื้อจัดจ้างโครงการทำมาเสร็จเกือบหมดแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่าไม่ใช่รัฐบาลจะไม่ให้งบนี้ตามที่ตั้งโครงการไว้ แต่ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน เพราะมีความจำเป็นมากกว่าเพื่อฟื้นฟูสถานพยาบาล จากนั้นนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตราบใดที่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการก็สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า หลังจากเห็นชอบในหลักการดังกล่าวแล้ว มีรายงานว่ารัฐมนตรีหลายคนได้หารือกันถึงเรื่องงบโครงการไทยเข้มแข็งที่ใช้งบดังกล่าวตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 มาเปรียบเทียบกับกรณีรัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดการเงิน 4 ฉบับของรัฐบาลที่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องให้วินิจฉัยการออก พ.ร.ก.2 ฉบับ เช่น พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทเพื่อเตรียมการป้องกันน้ำท่วม มาเปรียบเทียบกัน

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีรัฐมนตรีบางคนกล่าวว่า การออก พ.ร.ก.สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เพื่อกู้เงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็บอกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลก จึงต้องเตรียมการกู้เงินไว้เพื่อรองรับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจจะกระทบมาถึงไทย ทั้งๆ ที่ไทยจะได้รับผลกระทบหรือไม่ยังไม่มีใครรู้ แล้วก็เอาเงินมาทำโครงการไทยเข้มแข็ง และจนถึงขณะนี้หลายโครงการก็ยังไม่ได้ทำ งบหลายโครงการก็ยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย เป็นการวิตกไปล่วงหน้าก่อน แล้วพอออก พ.ร.ก.มากู้เงิน 4 แสนล้านบาท แต่ถึงตอนนี้ยังมีเงินเหลือค้างอยู่ 8,800 ล้านบาท ยังใช้ไม่หมดแล้วบอกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างไร ผิดกับรัฐบาลที่ออกพระราชกำหนดเพื่อกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการป้องกันน้ำท่วมปีนี้และปีต่อๆ ไปซึ่งเร่งด่วนกว่า เพราะน้ำท่วมเกิดขึ้นจริงจึงต้องเตรียมการไว้ไม่ให้น้ำท่วมอีกจะได้ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จึงมีเหตุผลมากกว่า

“หลายโครงการในไทยเข้มแข็งสมัยรัฐบาลที่แล้วก็มีปัญหามาก ไม่ได้มีความเร่งด่วนอะไร รัฐบาลจึงควรไปตรวจสอบดูโครงการต่างๆ ในรัฐบาลชุดที่แล้วที่ใช้เงินไทยเข้มแข็งว่าเหลืออยู่เท่าใด ใช้ทำอะไรไปบ้าง โครงการไหนควรยกเลิก โครงการไหนควรทำต่อ บางโครงการทำเสียใหญ่โตแต่ก็มีปัญหา แถมมีเรื่องปัญหาความไม่โปร่งใสจนต้องยกเลิกโครงการไปแล้วเช่นโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมจังหวัดภูเก็ต ที่ไม่โปร่งใส่ในการจัดซื้อจัดจ้าง เมื่อฝ่ายค้านกับ ส.ว.ยื่นคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญเราก็ต้องสู้กันในการชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนให้สังคมทราบ โดยชี้ให้เห็นว่าสมัยประชาธิปัตย์ออกพระราชกำหนดแล้วบอกเร่งด่วนแต่เงินก็ยังใช้ไม่หมดเลย” แหล่งข่าวระบุคำพูดของรัฐมนตรีที่หารือกันเรื่องการออกพระราชกำหนดของรัฐบาลกับการเตรียมทบทวนโครงการไทยเข้มแข็ง

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำด้วยว่า ขอให้หลายกระทรวงเช่นกระทรวงสาธารณสุขไปทบทวนดู โครงการไทยเข้มแข็งย้อนหลังดูด้วยว่าโครงการไหนมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน โครงการไหนแผนงานไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส ส่อทุจริต ก็ให้ทุกกระทรวงนำเสนอข้อมูลในการประชุม ครม.ครั้งต่อไปเพื่อดูว่าจะพิจารณาทบทวนได้อย่างไร นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้ย้ำต่อที่ประชุมด้วยว่าการชี้แจงการออกพระราชกำหนด 2 ฉบับ รัฐบาลขอมอบหมายให้ ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการออกพระราชกำหนด หากมีการซักถามในสภาฯ ขณะที่การชี้แจงภาพรวมให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่เคยยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการออก พ.ร.ก.สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์แต่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนนายวิทยา บุรณศิริ เป็นผู้รับผิดชอบชี้แจงทำความเข้าใจต่อสังคม ถึงการออกพระราชกำหนดดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น