รมต.สำนักนายกฯ เผยนายกฯ เรียก รมต.ถก 16 นโยบายเร่งด่วน ยันไม่ได้คุยแก้ รธน. ชี้เมกะโปรเจกต์ไม่ใช่โครงการเร่งด่วน ระบุจัดปาร์ตี้น้ำท่วมไม่หรู ใช้ไม่ถึง 10 ล้าน โอ่คุ้มค่าสร้างความเชื่อมั่น เมินเชิญ “มาร์ค” ร่วม พร้อมเร่งรัดเยียวยาผู้ประสบภัยแล้ว เล็งทำ พ.ร.บ.กู้แทนหากศาล รธน.วินิจฉัย พ.ร.ก.ผิด
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ (8 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีหารือเพื่อทบทวนนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ส.ค.54 โดยมีนโยบายเร่งด่วนรวมทั้งหมด 16 ข้อด้วยกัน ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้ว 6-7 โครงการ เช่น บ้านหลังแรก รถคันแรก รวมไปถึงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของนโยบายการลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ในปี 55 และเหลือร้อยละ 20 ในปี 56 ส่วนโครงการอื่นอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนตั้งตัว กองทุนเอสเอ็มแอล โครงการรับจำนำข้าว ส่วนบางโครงการมีการชะลอไปบ้างเนื่องจากมีปัญหาเรื่องของน้ำท่วม ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ได้มอบหมายให้ทีมงานดำเนินการอยู่
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวด้วยว่า ทุกโครงการที่กำลังดำเนินการมีการกำหนดเป้าหมาย ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไร ส่วนเรื่องของระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน หรือเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะอยู่ในแผนการดำเนินการปลายปี 55 และปี 56 โดยส่วนใหญ่ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน แต่เป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาศึกษา และดำเนินการยาวนาน
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวยังได้กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณจัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ว่า เป็นความเข้าใจผิด เรื่องการจัดงานหรูหรา ความจริงแล้วเป็นเพียงวงออร์เคสตราที่ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ แต่ทั้งหมดเป็นวงของคนไทย และเป้าหมายเพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย และคนต่างชาติ รับรู้ว่าประเทศไทยพร้อมเดินหน้าในเรื่องต่างๆ ส่วนที่การระบุว่าประชาชนยังได้รับเงินเยียวยาไม่ครบ แต่รัฐบาลกลับนำเงินมาจัดงานนั้น เห็นว่าการทำงานหลายอย่างต้องเดินไปพร้อมๆ กัน การให้เงินช่วยเหลือเยียวยารัฐบาลก็ได้เร่งรัด แต่บางครั้งอาจจะติดขัดในเรื่องของขั้นตอนบ้าง อีกทั้งการจะดำเนินการเรื่องใดไม่ได้หมายความว่าต้องรอให้การช่วยเหลือ หรือฟื้นฟูเสร็จสิ้นก่อน
“ยืนยันว่าเงินที่นำมาจัดงานไม่ถึง 10 ล้านบาท และคุ้มค่ากับการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ทั้งนี้การจัดงานครั้งนี้ไม่ได้เชิญผู้นำฝ่ายค้านเข้าร่วม เนื่องจากคณะจัดงานได้เชิญกลุ่มใหญ่ เช่น ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เหล่าทัพ ข้าราชการ ทูตานุทูต และภาคเอกชน” นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว
สำหรับกรณีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 2 ฉบับของรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็อาจจะมีการเสนอการจัดทำในลักษณะพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แทน ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน และทำให้การบริหารจัดการน้ำในบางเรื่องต้องชะลอออกไปก่อน เพราะโครงการใหญ่ในระยะยาวต้องใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.ส่วนนี้ แต่หากศาลพิจารณาว่าไม่ขัดก็สามารถดำเนินการตามโครงการที่ได้จัดเตรียมไว้ ส่วนกรณีที่มอบหมายให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ขุดลอกคลองนั้น เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการให้เสร็จทันก่อนช่วงฤดูฝน แม้จะมีต้องผ่านขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะมีการแก้ไขระเบียบให้สามารถจัดซื้อโดยวิธีพิเศษได้
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวอีกว่า ในการบริหารจัดการน้ำซึ่งมีหน่วยงานรับผิดชอบถึง 16 หน่วยงาน ทำให้เกิดความยุ่งยากในการดำเนินงาน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล เพื่อให้มีความเป็นเอกภาพ และทำงานได้รวดเร็ว โดยขณะนี้กำลังสรรหาผู้ที่จะเข้ามาคณะกรรมการ และเลขาธิการคณะทำงานชุดดังกล่าว ซึ่งหากเป็นข้าราชการ ต้องอยู่ในระดับซี 11 เป็นต้นไป แต่หากเป็นภาคเอกชนก็ไม่ขัดข้อง ส่วนการจัดหาพื้นที่แก้มลิง และพื้นที่ฟลัดเวย์ รัฐบาลอาจจะใช้วิธีการเช่าหรือเวนคืนที่ดินก็ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการหาจุดทำแก้มลิง ซึ่งต้องมีการลงพื้นที่เจรจาและทำความเข้าใจกับประชาชน
