“ส.ว.คำนูณ” ชำแหละงบฯ ซัด “รัฐบาลปู” เอาทุกท่า ตกแต่งบัญชีซุกหนี้ หวังทำตัวเป็นผู้วิเศษ เสกหนี้หาย 2 ล้านล้าน แถมมีเงินละเลงทำประชานิยมต่อ เผยปมใหม่ พ.ร.ก.4 ฉบับส่อขัด รธน.หลัง “ธีรชัย” แฉ “กิตติรัตน์” มั่วข้อมูลหนี้ จี้ “พันศักดิ์-นิพัทธ์-โกร่ง” คนชักใยหลังม่านมาแจงสภาฯ เอง
วันนี้ (23 ม.ค.) เวลาประมาณ 18.15 น. ในการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่สภากำลังพิจารณาอยู่นี้เป็นเป้าลวง ไม่ใช่เป้าจริง เพราะสารัตถะการพิจารณางบประมาณน่าจะทำให้สมาชิกได้รับรู้ภาวะเศรษฐกิจประเทศและรับรู้ภาวะการใช้จ่ายภาครัฐตามงบประมาณ แต่สารัตถะของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปีนี้ ไปอยู่ที่ พ.ร.ก.การเงิน 4 ฉบับ ที่ผ่านความเห็นขอบของ ครม.เมื่อวันที่ 4 ม.ค.และพิจารณาแก้ไขอีกครั้งวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา คือ พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังประสบอุทกภัย ซึ่งใช้เงินทั้งหมด 4 แสนล้านบาท พ.ร.ก.การตั้งกองทุนผู้ประสบภัย 5 หมื่นล้าน รวบเงินค้ำประกันอีก 1 แสนล้าน พ.ร.ก.ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 3 แสนล้านบาท และ 4. พ.ร.ก.โอนหนี้ 1.14 ล้านของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการ นี่คือของจริง ที่จะมีการตรวจสอบในศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมาตนได้เชิญชวนสมาชิกไปลงชื่อแล้ว หากมีการประกาศเมื่อไหร่ก็ไปเจอกันที่ศาล
นายคำนูณกล่าวต่อว่า นอกจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ครม.ยังอนุมัติกรอบงบประมาณโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน 2.33 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลนี้เมื่อเข้ามาก็พูดถึงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ จะสร้างนวตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ด้วยการตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งโดยเอาเงินบางส่วนจากกองทุนสำรองเงินตรามาใช้ เมื่อถูกคัดค้านก็ถอยไป จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม รัฐบาลก็มาใหม่ อาศัยเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นหัวรถจักร เอาโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน 2 ล้านล้านมาเป็นโบกี้พ่วง แล้วเอาการโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านมาพ่วงด้วย
นายคำนูณกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในใจอยู่แล้วที่จะลดหนี้สาธารณะ 1.14 ล้านล้านบาท หรือลดภาระการตั้งงบประมาณจ่ายดอกเบี้ยปีละ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็สรุปได้ว่ารัฐบาลนี้ เข้ามาเพื่อที่จะซุกหนี้ซ่อนหนี้ ล่าสุดยังมีความคิดประหลาดๆ จากกุนซือเศรษฐกิจตัวจริง คือนายวีรพงษ์ รามางกูร หรือ ดร.โกร่ง ประธาน กยอ.ที่จะให้กองทุนวายุภักษ์ไปซื้อหุ้นจากการบินไทย และ ปตท.2% เพื่อให้รัฐบาลถือหุ้นเหลือ 49% และพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งก็จะทำให้รัฐบาลลดหนี้สาธารณะลงไปได้ 9 แสนล้านบาท หรือรวมๆ ประมาณ 1 ล้านล้าน รวม 2 ยอดก็เป็น 2 ล้านล้านบาท เท่าๆ กับกรอบวงเงินก่อสร้างสาธารณูปโภคที่อนุมัติไป 2 ล้านล้านบาทพอดี
นายคำนูณกล่าวต่อว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เพิ่งถูกปรับออกจากตำแหน่ง ยังได้ให้สัมภาณ์และแสดงความคิดเห็นคัดค้านผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยบอกว่าเป็นวิธีการของนักตบแต่งบัญชี ซึ่งนายธีระชัยนั้นจบทางด้านบัญชีมา บอกว่าวิธีการนี้ไม่ถูกต้อง เพราะโดยหลักการแล้ว มีหนี้สาธารณะเท่าไหร่ต้องโชว์ไว้ให้ชัดเจน หากไปหลบไว้ที่อื่นเวลาต่างชาติค้นพบเราจะตามรอยประเทศกรีซ นายธีระชัยเขียนเรื่องนี้เมื่อวันที่ 20 ม.ค. วันต่อมา ดร.โกร่งก็มาบอกว่าเป็นความคิดคร่ำครึคับแคบของอดีตศิษย์เก่าแบงก์ชาติ นายธีรชัยจึงเขียนตอบโต้อีกว่า เราสามารถมีหนี้สาธารณะได้อีก ทำไมไม่ใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมา แต่ไปซุกไปซ่อนไว้
“ท่านเลยวิสัชนามาว่าเพราะอะไร ท่านก็บอกว่า เพราะรัฐบาลนี้ไม่ต้องการจะลดรายจ่ายในโครงการประชานิยมต่างๆ ที่หาเสียงไว้ ไม่ต้องการเสียคะแนน ไม่ต้องการเก็บภาษีเพิ่ม เพราะถ้าโชว์ตัวเลขไว้ที่เดียวต้องเก็บภาษีเพิ่ม สรุปว่ารัฐบาลต้องการทำตัวเป็นซูเปอร์แมน เป็นผู้วิเศษ เข้ามาเสกหนี้สาธารณะให้หายไปได้ป็นล้านล้านบาท และกู้หนี้ใหม่ได้ในรอบ 4 ปีต่อจากนี้ไปอีก 2 ล้านล้านบาทโดยหนี้สาธารณะไม่เพิ่มขึ้น ทุกคนก็แฮปปี้ ประชาชนไม่รู้เท่าทันก็เลือกกลับมาอีกในฐานะผู้วิเศษ
สรุปแล้ว ที่รัฐบาลนี้เขาตั้งฉายาว่ารัฐบาลเอาอยู่ ผมไม่เห็นด้วย เป็นรัฐบาลเอาทุกท่า จะเป็นผู้วิเศษ จะได้ชื่อว่าเสกหนี้ให้หายไป จะได้ชื่อว่ากู้หนี้มาแต่หนี้สาธารณะไม่เพิ่มขึ้น จะได้ชื่อว่าไม่ต้องเก็บภาษีเพิ่ม จะได้ชื่อว่าไม่ต้องลดโครงการประชานิยมต่างๆ จะได้ชื่อว่าสามารถลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ที่รัฐบาลผ่านๆ มาไม่สามารถทำได้ นี่ละครับรัฐบาลเอาทุกท่า”
นายคำนูณกล่าวต่อว่า ขณะที่ พ.ร.ก.4 ฉบับยังไม่ประกาศใช้เพราะอยู่ในกระบวนการ แต่วันนี้ก็มีเรื่องสำคัญ เนื่องจาก พ.ร.ก.4 ฉบับที่รัฐบาลอนุมัติไปแล้วนั้น นายธีระชัยในฐานะอดีต รมว.คลัง ได้เปิดเผยทางเฟซบุ๊กล่าสุดว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลังคนใหม่ได้ให้ข้อมูลแก่ ครม.ว่า สัดส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องชำระในแต่ละปีต่อกับวงเงินงบประมาณ ขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 12 ใกล้จะถึงเพดานร้อยละ 15 แล้ว ซึ่งนายกิตติรัตน์ ได้ตัวเลขมาจากสภาพัฒน์ ในความควบคุมของรองนายกฯ เอง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายธีรชัยจะถูกปรับออกจากตำแหน่ง สำนักบริหารหนี้สาธารณะได้แจ้งให้นายธีระชัยทราบว่าภาระหนี้ต่องบประมาณที่ปรากฏในงบประมาณ 2555 นั้น มีเพียงร้อยละ 9.33 เป็นภาระเงินต้น 1.97 ดอกเบี้ย 7.36 ไม่ใช่ 12 ตามที่นายกิตติรัตน์แจ้ง ครม. ซึ่งเป็นการคำนวณจากตัวเลขเป็นทางการจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่เพิ่งผ่านสภาผู้แทนฯ ดังนั้น กรรมาธิการฯ ต้องชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ หากภาระหนี้ต่องบประมาณไม่ใช่ร้อยละ 12 ก็แสดงว่า ครม.ทั้งหมดรับข้อมูลผิดในการออก พ.ร.ก.4 ฉบับ ซึ่งจะขัดรัฐธรรมนูญทุกฉบับ และศาลรัฐธรรมนุญจะเรียกนายธีระชัยไปให้การ
นายคำนูณกล่าวอีกว่า เรากำลังพิจารณาเป้าที่สำคัญน้อยกว่าภาพความเป็นจริงที่รัฐบาลจะใช้งบประมาณมหาศาล ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เงินนอกงบประมาณเท่าไหร่ ในงบประมาณเท่าไหร่ ทั้งที่ใช้เฉพาะในงบประมาณได้ และรัฐบาลกำลังใช้วิธีตกแต่งบัญชีบริหารชาติแผ่นดิน ซึ่งไม่ถูกต้อง ตนไม่เห็นด้วย และรับไม่ได้
“ผมอยากจะฝากคำถามใหญ่ๆ ไปถึงรัฐบาลว่า ขอให้ส่งคนที่รู้เรื่องมาชี้แจง คณะรัฐมนตรีไม่ต้องมาทั้งหมดก็ได้ แต่เอานายพันศักดิ์ วิญรัตน์ นายนิพัทธ์ พุกกะณะสุต ดร.วีรพงษ์ รามางกูร มาชี้แจงเลยดีกว่า นั่นแหละรัฐมนตรีตัวจริงที่ว่าราชการอยู่หลังม่านโดยไม่ต้องรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญ นายกฯ ไม่ต้องมาก็ได้” นายคำนูณกล่าว