“มาร์ค” มั่นใจ พ.ร.ก.โอนหนี้แท้ง เหตุขัด รธน. ฉะรัฐบาลคิดแต่สร้างหนี้ ผลักภาระให้ประชาชน ยกคำเตือน “ธีรชัย” ซุกหนี้สาธารณะ ทำเศรษฐกิจไทยหายนะซ้ำรอยกรีซ พร้อมจี้เปิดเผนบริหารจัดการน้ำ หลังนักลงทุนไม่เชื่อมั่น เย้ยรัฐบาลดีแต่พูด ไร้แผนเป็นรูปธรรม เชื่อล้มเหลวบริหารน้ำ เพราะขาดความโปร่งใส ทำประชาชนต่อต้าน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชนนอล เกี่ยวกับ พ.ร.ก .4 ฉบับตามมติ ครม.ซึ่งยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า เป็นการบริหารที่ขาดความโปร่งใส เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ออกมายืนยีนระหว่างการชี้แจงต่อกรรมาธิการของสภาว่า ยังไม่เคยเห็นรายละเอียดในร่าง พ.ร.ก. ซึ่งในขณะนี้ตัว พ.ร.ก.ยังไม่ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาจึงยังไม่มีผลทางกฎหมาย และตนมั่นใจว่า พ.ร.ก.ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปชป.จะยื่นตีความมั่นใจขัดรัฐธรรมนูญเพราะไม่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนที่เชื่อมโยงกับแผนฟื้นฟูและการจัดการบริหารน้ำในอนาคต เพราะสิ่งที่ทำลดหนี้สาธารณะไม่ได้ แต่เป็นปัญหาการบริหารจัดการซึ่งทำให้เป็นพระราชบัญญัติได้
“ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้ขัดรัฐธรรมนูญซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดก็จะทำให้กฎหมายนี้โมฆะ ไม่มีผลบังคับใช้ ส่วนความกังวลของสมาคมธนาคารไทยที่จะมีการถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มมาใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ธนาคารจะไม่ผลักภาระให้ประชาชน ซึ่งจะเป็นการผลักภาระให้โดยที่ประชนไม่รู้ตัว ผู้ฝากเงินจะได้ดอกเบี้ยน้อยลงผู้กู้จะเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ไม่กระทบเฉพาะระบบธนาคารแต่กระทบกับประชาชนโดยตรงด้วย”
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลยังไม่ให้ความมั่นคงต่อระบบการคุ้มครองเงินฝากด้วยหลังจากมีการออก พ.ร.ก.ให้นำเงินส่วนนี้มาใช้ อีกทั้งเนื้อหาของ พ.ร.ก.ก็ไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานของประเทศ เป็นความพยายามแต่งบัญชีเอาเงินมากองไว้มากที่สุด โดยที่แผนการใช้จ่ายยังไม่มีใครทราบว่ามีจริงหรือไม่ ตนมั่นใจว่าไม่มีใครเชื่อว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายเงินได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่เอกชนจะสร้างเขื่อนรอบนิคมอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาถึงสองปี แล้วรัฐบาลจะทำโครงการขนาดใหญ่โดยใช้เวลาสั้นๆ ยิ่งเป็นไปได้ยาก
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมธนาคารฯกำลังสะท้อนปัญหาว่ารัฐบาลเพิ่มต้นทุนให้กับธนาคารทำให้แข่งขันไม่ได้ และสุดท้ายก็จะมีการส่งต่อต้นทุนมาให้ประชาชนรับผิดชอบ ซึ่งตนคิดว่าความพยายามทำเรื่องนี้ของรัฐบาลไม่ใช่เรื่องการบริหารจัดการน้ำหรือฟื้นฟูเท่ากับการดูโอกาสทางธุรกิจ การแต่งบัญชีตัวเลข เช่นเดียวกับข้อเสนอแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพิ่มเติม โดยประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้แต่นายธีรชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ก็วิจารณ์ว่าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อลดหนี้สาธารณะเป็นเรื่องอันตรายอันตรายเพราะจะถูกมองคล้ายหลายประเทศในยุโรปที่พยายามซ่อนหนี้ที่แท้จริงของภาครัฐ จนไม่ได้นับความเชื่อมั่นกระทั่งกลายเป็นวิกฤตหนี้สาธารณะในที่สุด
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุว่านักลงทุนขาดความมั่นใจเพราะแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลยังขาดความชัดเจนว่า เป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดของแผนปรากฏต่อสาธารณะ ซึ่งตนเดินสายคุยกับภาคธุรกิจและแรงงาน เช่น กรณีนิคมอุตสาหกรรมเรื่องการสร้างเขื่อนก็ยังไม่เสร็จต้องใช้เวลาอีก 2 ปี แต่ระบบการดูแลจัดการและความสัมพันธ์กับชุมชนยังไม่มีคำตอบว่าเป็นอย่างไร จึงไม่แน่ใจรัฐาลมีรายละเอียดหรือไม่ และ ครม.จะอนุมัติเมื่อไหร่ แต่เห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเปิดเผยกับประชาชนโดยเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมามีความขัดแย้งจนบริหารแทบไม่ได้
ดังนั้น ถ้ามีการกำหนดพื้นที่กั้นน้ำก็จะไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลต้องยึดหลักธรรมาภิบาลที่ดีเปิดเผยเรื่องนี้เพราะมีผลกระทบกับประชาชนโดยตรง ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไรไปแล้วบ้าง นอกจากจะพูดแค่ว่าพร้อมแล้ว ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่พบว่าไม่มีการทำความเข้าใจกับมวลชน และไม่มีการประสานกับคนในพื้นที่ที่ทำงานด้านบริหารจัดการลุ่มน้ำ จึงไม่แน่ใจว่าจะเสร็จพร้อมปฏิบัติจริงอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้างหรือไม่ หรือเพียงแค่ออกข่าวหวังสร้างความมั่นใจเท่านั้น
