มูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภค เศร้า! ศาลปกครองไม่คุ้มครองระงับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี อ้างคำขอไม่มีน้ำหนักชี้ให้เห็นว่ามติครม.ขึ้นราคาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องพิจารณาในเนื้อหาต่อไป ระบุหากด่วนคุ้มครองตามคำขอจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล
วันนี้ (16 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีผู้ฟ้องคดีที่ ๑ (มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค) กับพวกรวม ๔ คน ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (นายกรัฐมนตรี) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (คณะรัฐมนตรี) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ (คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ (บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)) ว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๗) เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ กรณีการปรับโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบกับมติดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อน การพิพากษาโดยสั่งให้ระงับการปรับขึ้นราคา LPG และ NGV ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป โดยให้คงคิดราคาเดิมก่อนประกาศขึ้นราคาไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
เมื่อเวลา 21.20 น. นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการเจ้าของสำนวน ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการพิจารณาถึงความชอบด้วยกฎหมายของมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ที่พิพาทกันในคดีนี้ นั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ มีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศ ตามมาตรา ๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
ซึ่งในการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก NGV และ LPG ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ได้มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เป็นผู้ดำเนินการในการจัดหาและจำหน่าย โดยในส่วนของ NGV จะรวมถึงการขยายสถานีให้บริการด้วย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ได้ดำเนินการอุดหนุนราคา NGV และ LPG มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการนำเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจัดเก็บจากผู้ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนทดแทน
ประกอบกับการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ได้มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นราคา NGV และ LPG มาก่อนหน้านี้หลายครั้ง ได้ก่อให้เกิดภาระแก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและผู้ใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่น อันเป็นการกระทบต่อการดำเนินนโยบายกำกับราคาพลังงานให้มีราคาเหมาะสม เป็นธรรม และมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงตามนโยบายที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาก่อนเข้ารับหน้าที่
ส่วนข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ในชั้นของการพิจารณาคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ก่อนการพิพากษาเกี่ยวกับราคาต้นทุน NGV และ LPG นั้น ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ อันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาแห่งคดีต่อไป
อีกทั้ง หากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ และมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาโดยให้ระงับการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ ก็จะมีผลกระทบต่อการดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ในการกำกับและกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศ อันอาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าได้
ศาลจึงเห็นว่า คำขอทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๘) เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ กรณีการปรับโครงสร้างราคาขายปลีก LPG และ NGV และคำขอให้ระงับการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบกับมติดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ไม่ครบองค์ประกอบตามบทบัญญัติมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับข้อ ๗๒ วรรคสาม และข้อ ๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และมาตรา ๒๕๔ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๒๕๕ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ตามที่ขอได้
ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งยกคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อน การพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่