หัวหน้าประชาธิปัตย์ระบุหากรัฐเยียวยาเหยื่อจากนโยบายรัฐ ต้องรวมไฟใต้-ฆ่าตัดตอนด้วย ยันไร้เหตุผลคนเสียภาษีต้องจ่ายให้พวกเผาเมือง น่าห่วง “ยงยุทธ” ชมมือประกอบบึ้มวีรบุรุษประชาธิปไตย เตือนสร้างปมขัดแย้งเพิ่ม ไม่รู้ “สาธิต” จ่อฟ้องศาลปกครองเพิกถอนมติ ครม. จี้ “คณิต” แสดงจุดยืนให้ชัด ย้ำทุกพรรคค้านแก้อาญา ม.112
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ จ.นครสวรรค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้ผู้ที่จะนำมติ ครม.เกี่ยวกับการเยียวยาเหยื่อการชุมนุมทางการเมืองไปปฏิบัติว่า ต้องเร่งทำความชัดเจนและรายงานต่อระดับนโยบาย เพราะหากนิยามการเยียวยาว่าเป็น ‘เหยื่อจากนโยบายรัฐบาล’ ก็ต้องรวม 5,000 คนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีก 2,000 คนจากฆ่าตัดตอนยาเสพติดด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องกำหนดมาตรฐานในการให้ตัวเลขที่เหมาะสม ซึ่งรัฐบาลที่แล้วมีการเยียวยาเหยื่อจากเหตุการชุมนุมโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับภาคใต้ โดยมีความเสมอภาคชัดเจน อีกทั้งหลักการเยียวยาต้องไม่ให้คนที่จงใจทำผิดกฎหมาย
“ผมไม่เห็นเหตุผลทำไมผู้เสียภาษีต้องจ่ายเงินให้คนที่จงใจเอาระเบิดไปขว้าง เอาปืนไปยิง เผาทำลายสถานที่ราชการ แต่ถ้าเป็นคนที่มาโดยบริสุทธิ์แล้วโดนลูกหลง หรือไม่เกี่ยวข้องกับคนทำผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องดูความเหมาะสมและครอบคลุมด้วย การเยียวยาในส่วนผู้เสียชีวิตหลายคนก็เสียชีวิตจากการทำผิดกฎหมายชัดเจน รัฐบาลชุดที่แล้วไม่มีการจ่ายเงินชดเชยให้คนที่เสียชีวิตจากการประกอบระเบิด เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย การที่จะเหมารวมให้ทั้งหมดและรมว.มหาดไทยยังชื่นชมว่าเป็นวีรบุรุษประชาธิไตยนั้นเป็นเรื่องที่น่าห่วง อยากจะเตือนว่ารัฐบาลกำลังสร้างปมความขัดแย้งเพราะปฏิกิริยาของคนจำนวนไม่น้อยกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รัฐบาลใช้คำว่าปรองดองนำหน้าโดยไม่ฟังเสียงทุกฝ่าย จึงอยากให้ทำอย่างรอบคอบ การก้าวแต่ละก้าวไม่มีโอกาสก้าวครั้งที่สอง อย่าสร้างชนวนความขัดแย้ง อะไรที่มีเหตุมีผลทุกฝ่ายรับได้ แต่จะเหมารวมเพราะจำนวนต่อแรงกดดันของพวกเดียวกันจะเป็นปัญหา” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลายเป็นว่ารัฐบาลนำภาษีของประชาชนไปสร้างกองกำลังให้กับตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความรู้สึกเช่นนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมีปฏิกิริยาโต้กลับ เพราะประชาชนจำนวนมากได้เห็นและเปรียบเทียบกับเหยื่อในภาคใต้และเจ้าหน้าที่รัฐที่ปกป้องประเทศจนต้องสูญเสียชีวิต แต่กลับได้รับการเยียวยาน้อยกว่า ซึ่งกระทบต่อความรู้สึกประชาชน และขณะนี้ยังมีการจัดลำดับการจ่ายเงินให้กับคนเสื้อแดงอันดับแรก ความจริงการทำเรื่องนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์กลุ่มใหญ่ที่สุดคือผู้สนับสนุนรัฐบาล จึงอยากให้รัฐบาลเลิกคิดอย่างนี้เพราะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ถ้าจะกำหนดหลักการที่ถูกต้องต้องให้ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมเสมอภาค และต้องระวังในการเร่งรัดจ่ายภายใน 2 เดือน เพราะยังมีแง่มุมทางกฎหมายที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตอยู่
ส่วนที่นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนมติ ครม.ในเรื่องนี้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่สะท้อนความรู้สึกของคนที่เสียภาษีว่ามตินี้ไม่เป็นธรรม ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบหลักเกณฑ์ และการปฏิบัติของอนุกรรมการในการจ่ายเงิน ซึ่งตนอยากทำให้ชัดเจนเพราะขณะนี้มีความสับสนมากว่าข้อยกเว้นอยู่ตรงไหน หลักเกณฑ์ที่จะได้เป็นอย่างไร และต้องตรวจสอบว่าเป็นธรรมกับทุกกลุ่มในสังคมและไม่ส่งเสริมคนทำผิดกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลอ้างดำเนินการเรื่องนี้ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดอง (คอป.) ซึ่งนายคณิต ณ นคร ประธาน ก็ออกมาตั้งคำถาม ซึ่งตนก็เคยพูดแล้วว่าอย่าเอาคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) มาสับสนกับ คอป.เพราะ ปคอป.มีหน้าที่แค่ประสานงาน อย่าทำมากกว่านั้น เพราะข้อเสนอหลายอย่างเป็นของ ปคอป. แต่ไปอ้าง คอป. ซึ่งนายคณิต ควรจะแสดงจุดยืนให้ชัด ไม่เช่นนั้นจะทำงานลำบาก เพราะหากรัฐบาลทำนอกเหนือจากที่คอป.เสนอและมีการต่อต้าน สุดท้าย คอป.จะถูกต่อต้านไปด้วยหากยังชี้แจงไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่มี 8 ราชนิกุลลงชื่อเสนอให้มีการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ตนเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ แต่คนกลุ่มนี้มีการทำหนังสือถึงนายกฯ ตนก็อยากให้นายกฯ รับทราบถึงการพูดคุยของหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคว่าต่างเห็นตรงกับว่าก้าวแรกของการปรองดองคือไม่ควรให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ส่วนปัญหาการบังคับใช้นั้นรัฐบาลสามารถใช้มาตรการบริหารแก้ปัญหาได้ จะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งตนไม่สบายใจเพราะหากเรื่องนี้ยืดเยื้อเท่ากับมีคนพยายามสร้างความขัดแย้งขึ้นมา ทั้งที่เป็นสถาบันที่ทุกฝ่ายเทิดทูนและต้องการให้เป็นศูนย์รวมจิตใจ
