“เผาเมืองได้ 7.75 ล้านบาท” พาดหัวตัวไม้ของ นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันพุธที่ 11 ม.ค.2555 และยังมีหัวข่าวเล็กรองรับอีกว่า "ครม.จัดหนักโบนัสศพแดง - “เจ็บ-ติดคุก” ยังแจกเป็นล้าน”
เพื่อนฝูงคนหนึ่งเห็นพาดหัวข่าวนี้แล้วเป็นอึ้งไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ อีกคนถึงกับตะโกนร้องเพลง “มันสะใจมั้ยน้องงงงงงง.....”
ผมเองมีทั้งสองอารมณ์ความรู้สึกข้างต้น....ทั้งที่คาดหมายไว้นานแล้วว่า สุดท้ายสิ่งนี้มันต้องเกิดขึ้น
อันที่จริงมติ ครม.รัฐบาลปูเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2555 ในเรื่องนี้มีรายละเอียดมาก แต่ไฮไลต์มันอยู่ที่
1) เป็นมติที่ ครม.รัฐบาลปูนำผลศึกษาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ชุด ดร.คณิต ณ นคร เป็นผู้เสนอให้เยียวยา-ฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมืองมาต่อยอด แต่ระบุกรอบเวลาไว้ที่ตั้งแต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงปลายปี 2548 จนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553
2) ตัวเลข 7.75 ล้านบาท เยียวยาผู้ที่เสียชีวิตมาจากเสียชีวิต 4,500,000 บาท, เยียวยาความรู้สึกครอบครัว 3,000,000 บาท และเงินปลงศพ 250,000 บาท ส่วนกรณีบาดเจ็บทุพพลภาพ บาดเจ็บทั่วไป ค่าชดเชยเยียวยาก็ลดหลั่นกันไป
3) เงินชดเชยเยียวยาผู้ที่ถูกดำเนินคดี แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีแรก กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ให้ได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว โดยคำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทยปี พ.ศ. 2553 (150,177 บาท/ปี)
- กรณีที่สอง กรณีศาลมีคำสั่ง/พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก ให้ได้รับเงินชดเชยเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก
4) เงินชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ แบ่งเป็น
- กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ อัตรา 3 ล้านบาท/ราย
- กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง และได้ถูกควบคุมหรือคุมขังก่อนศาลมีคำสั่ง/พิพากษาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1.5 ล้านบาท/ราย และเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 750,000 บาท
- กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก เป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1 ล้านบาท/ราย และเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 500,000 บาท/ราย
แม้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ แต่เมื่อพยายามเปิดใจกว้างมองกลางๆ ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือสไตล์การบริหารจัดการหรือวิธีคิดของรัฐบาลเพื่อไทยหรือระบอบทักษิณ ที่สะท้อนชัดว่าตัวรัฐบาลกับคนเสื้อแดงเป็นหนึ่งเดียวกัน (แม้ว่าอาจจะมีรัฐมนตรีหรือ ส.ส.บางคนบางกลุ่มไม่ชอบพวกคนเสื้อแดงก็ตาม) รัฐบาลไม่พยายามที่จะมี “ระยะห่าง” กับคนเสื้อแดง นี่คือการตอบแทนเหยื่อและนักรบคนเสื้อแดง หลังจากที่ตอบแทนให้พวกเผาบ้านเผาเมืองเสวยตำแหน่งทางการเมืองไปรอบหนึ่งแล้ว
แน่นอนสไตล์แบบนี้หรือวิธีคิดแบบนี้ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ในขณะนั้น (2551-53) พยายามยึดหลักการ หวังรักษาดุลยภาพกลุ่มต่างๆ ในสังคม ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นว่า “สามัคคีทุกฝ่าย จนทำลายตัวเอง”
พูดเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเห็นดีเห็นงามกับมติ ครม.ที่ออกมาทั้งหมด แต่ครั้นจะไปกระโดดขวางแบบหัวชนฝาผมก็ดูจะใจร้ายใจดำกับพี่น้องประชาชน (ที่บริสุทธิ์) ที่บาดเจ็บล้มตายมากไปหน่อย ซึ่งรวมทั้งพี่น้องฝ่ายพันธมิตรฯ ที่บาดเจ็บหลายร้อยคน และญาติของวีรชนที่เสียชีวิตไป 10 คนในช่วงการชุมนุม 193วัน (2551) ซึ่งแท้จริงแล้วพี่น้องเหล่านี้ไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่ใช่หรือไม่ว่าป่วยการที่จะปฏิเสธหากมีการเยียวยาเกิดขึ้นจริง!?
จะอย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ต้องหมายเหตุถึงมติ-มาตรการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังจะเดินหน้าและจะใช้งบประมาณราวๆ 2,000 ล้านบาท ก็คือว่า แท้จริงแล้วมีเจตนามุ่งเน้นไปที่ต้องการช่วยเหลือมวลชนคนเสื้อแดงเป็นหลัก ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากการตีกรอบเวลา 2548-53 และนี่คือการสร้างหลักการและมาตรฐานที่ไร้มาตรฐานเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้านหลักแล้วการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 เป็นการต่อสู้เพื่อให้ “ทักษิณ” กลับบ้าน...จนนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง
แค่ตั้งคำถามว่าหลักการ-มติ ครม.หนนี้ เป็นธรรมและเสมอภาคหรือไม่ ก็จบแล้ว
เพราะการชุมนุมทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง มิได้มีเฉพาะช่วงปี 2548-53 เท่านั้น ยังมีข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชนทั่วไปที่บาดเจ็บล้มตายเพราะความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศนี้อีกมากมาย ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องเดียว กรณี 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับแต่ 4 ม.ค. 2547-ปัจจุบัน มีคนที่ล้มตายไปแล้ว 5,014 คน บาดเจ็บอีก 8,375 ราย ทำไมไม่มีการเยียวยา...จะมีการเยียวยาอย่างไรหรือไม่ ในจำนวน 5 พันกว่าศพนี้ ที่เห็นชัดๆ กรณีพี่น้องชาวตากใบ 85 ศพ ทำไมไม่มีการเยียวยา..!!?? ..ฯลฯ..
ผมไม่ได้กลัวเกรงว่ามาตรการ “จัดหนัก” ของรัฐบาลเพื่อไทยหนนี้ จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการชุมนุมประท้วงและฆ่ากันตายเพื่อหวังเงินทองค่าเยียวยาหรอก แต่กำลังบอกว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยควรจะสร้างหลักการมาตรการที่มีมาตรฐานที่ดีกว่านี้
ไม่ใช่กล่าวหาชาวบ้านว่า “สองมาตรฐาน” แต่ตัวเองเป็นพวกไร้มาตรฐาน มีแต่ตัวกู พวกกู...
ก็ไม่รู้จะทำยังไงได้นอกจากแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาเช่นนี้ บางทีตามประสาปุถุชนก็รู้สึกปลงๆ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด อีกไม่นานไม่เดือนนี้ก็เดือนหน้าคดี 16 ศพ (ที่เกิดขึ้นในช่วงแดงเผาเมือง) ขั้นตอนชันสูตรพลิกศพ อัยการในฐานะผู้ร้องก็คงต้องยื่นสำนวนสู่ศาล หลังจากศาลสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วหลังจากนั้นเราก็คงได้เห็นนายทหารคุมกำลังจำนวนหนึ่งใส่เสื้อเขียวยืนเป็นจำเลยคนเสื้อแดง ในข้อหาทหารฆ่าประชาชน...
วันนี้ไม่ทราบว่าเบี้ยเลี้ยงไม่กี่ร้อยกี่พันบาท ทหารหาญได้กันครบหมดทุกคนหรือยัง..?
แต่พวกเผาเมืองกำลังจะรวยกันคนละหลายล้านบาท!!
เฮ่อ...แบบนี้ แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง..!!??
เพื่อนฝูงคนหนึ่งเห็นพาดหัวข่าวนี้แล้วเป็นอึ้งไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ อีกคนถึงกับตะโกนร้องเพลง “มันสะใจมั้ยน้องงงงงงง.....”
ผมเองมีทั้งสองอารมณ์ความรู้สึกข้างต้น....ทั้งที่คาดหมายไว้นานแล้วว่า สุดท้ายสิ่งนี้มันต้องเกิดขึ้น
อันที่จริงมติ ครม.รัฐบาลปูเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2555 ในเรื่องนี้มีรายละเอียดมาก แต่ไฮไลต์มันอยู่ที่
1) เป็นมติที่ ครม.รัฐบาลปูนำผลศึกษาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ชุด ดร.คณิต ณ นคร เป็นผู้เสนอให้เยียวยา-ฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมืองมาต่อยอด แต่ระบุกรอบเวลาไว้ที่ตั้งแต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงปลายปี 2548 จนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553
2) ตัวเลข 7.75 ล้านบาท เยียวยาผู้ที่เสียชีวิตมาจากเสียชีวิต 4,500,000 บาท, เยียวยาความรู้สึกครอบครัว 3,000,000 บาท และเงินปลงศพ 250,000 บาท ส่วนกรณีบาดเจ็บทุพพลภาพ บาดเจ็บทั่วไป ค่าชดเชยเยียวยาก็ลดหลั่นกันไป
3) เงินชดเชยเยียวยาผู้ที่ถูกดำเนินคดี แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีแรก กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ให้ได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว โดยคำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทยปี พ.ศ. 2553 (150,177 บาท/ปี)
- กรณีที่สอง กรณีศาลมีคำสั่ง/พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก ให้ได้รับเงินชดเชยเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก
4) เงินชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ แบ่งเป็น
- กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ อัตรา 3 ล้านบาท/ราย
- กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง และได้ถูกควบคุมหรือคุมขังก่อนศาลมีคำสั่ง/พิพากษาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1.5 ล้านบาท/ราย และเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 750,000 บาท
- กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก เป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1 ล้านบาท/ราย และเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 500,000 บาท/ราย
แม้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ แต่เมื่อพยายามเปิดใจกว้างมองกลางๆ ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือสไตล์การบริหารจัดการหรือวิธีคิดของรัฐบาลเพื่อไทยหรือระบอบทักษิณ ที่สะท้อนชัดว่าตัวรัฐบาลกับคนเสื้อแดงเป็นหนึ่งเดียวกัน (แม้ว่าอาจจะมีรัฐมนตรีหรือ ส.ส.บางคนบางกลุ่มไม่ชอบพวกคนเสื้อแดงก็ตาม) รัฐบาลไม่พยายามที่จะมี “ระยะห่าง” กับคนเสื้อแดง นี่คือการตอบแทนเหยื่อและนักรบคนเสื้อแดง หลังจากที่ตอบแทนให้พวกเผาบ้านเผาเมืองเสวยตำแหน่งทางการเมืองไปรอบหนึ่งแล้ว
แน่นอนสไตล์แบบนี้หรือวิธีคิดแบบนี้ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ในขณะนั้น (2551-53) พยายามยึดหลักการ หวังรักษาดุลยภาพกลุ่มต่างๆ ในสังคม ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นว่า “สามัคคีทุกฝ่าย จนทำลายตัวเอง”
พูดเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเห็นดีเห็นงามกับมติ ครม.ที่ออกมาทั้งหมด แต่ครั้นจะไปกระโดดขวางแบบหัวชนฝาผมก็ดูจะใจร้ายใจดำกับพี่น้องประชาชน (ที่บริสุทธิ์) ที่บาดเจ็บล้มตายมากไปหน่อย ซึ่งรวมทั้งพี่น้องฝ่ายพันธมิตรฯ ที่บาดเจ็บหลายร้อยคน และญาติของวีรชนที่เสียชีวิตไป 10 คนในช่วงการชุมนุม 193วัน (2551) ซึ่งแท้จริงแล้วพี่น้องเหล่านี้ไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่ใช่หรือไม่ว่าป่วยการที่จะปฏิเสธหากมีการเยียวยาเกิดขึ้นจริง!?
จะอย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ต้องหมายเหตุถึงมติ-มาตรการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังจะเดินหน้าและจะใช้งบประมาณราวๆ 2,000 ล้านบาท ก็คือว่า แท้จริงแล้วมีเจตนามุ่งเน้นไปที่ต้องการช่วยเหลือมวลชนคนเสื้อแดงเป็นหลัก ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากการตีกรอบเวลา 2548-53 และนี่คือการสร้างหลักการและมาตรฐานที่ไร้มาตรฐานเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้านหลักแล้วการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 เป็นการต่อสู้เพื่อให้ “ทักษิณ” กลับบ้าน...จนนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง
แค่ตั้งคำถามว่าหลักการ-มติ ครม.หนนี้ เป็นธรรมและเสมอภาคหรือไม่ ก็จบแล้ว
เพราะการชุมนุมทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง มิได้มีเฉพาะช่วงปี 2548-53 เท่านั้น ยังมีข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชนทั่วไปที่บาดเจ็บล้มตายเพราะความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศนี้อีกมากมาย ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องเดียว กรณี 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับแต่ 4 ม.ค. 2547-ปัจจุบัน มีคนที่ล้มตายไปแล้ว 5,014 คน บาดเจ็บอีก 8,375 ราย ทำไมไม่มีการเยียวยา...จะมีการเยียวยาอย่างไรหรือไม่ ในจำนวน 5 พันกว่าศพนี้ ที่เห็นชัดๆ กรณีพี่น้องชาวตากใบ 85 ศพ ทำไมไม่มีการเยียวยา..!!?? ..ฯลฯ..
ผมไม่ได้กลัวเกรงว่ามาตรการ “จัดหนัก” ของรัฐบาลเพื่อไทยหนนี้ จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการชุมนุมประท้วงและฆ่ากันตายเพื่อหวังเงินทองค่าเยียวยาหรอก แต่กำลังบอกว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยควรจะสร้างหลักการมาตรการที่มีมาตรฐานที่ดีกว่านี้
ไม่ใช่กล่าวหาชาวบ้านว่า “สองมาตรฐาน” แต่ตัวเองเป็นพวกไร้มาตรฐาน มีแต่ตัวกู พวกกู...
ก็ไม่รู้จะทำยังไงได้นอกจากแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาเช่นนี้ บางทีตามประสาปุถุชนก็รู้สึกปลงๆ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด อีกไม่นานไม่เดือนนี้ก็เดือนหน้าคดี 16 ศพ (ที่เกิดขึ้นในช่วงแดงเผาเมือง) ขั้นตอนชันสูตรพลิกศพ อัยการในฐานะผู้ร้องก็คงต้องยื่นสำนวนสู่ศาล หลังจากศาลสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วหลังจากนั้นเราก็คงได้เห็นนายทหารคุมกำลังจำนวนหนึ่งใส่เสื้อเขียวยืนเป็นจำเลยคนเสื้อแดง ในข้อหาทหารฆ่าประชาชน...
วันนี้ไม่ทราบว่าเบี้ยเลี้ยงไม่กี่ร้อยกี่พันบาท ทหารหาญได้กันครบหมดทุกคนหรือยัง..?
แต่พวกเผาเมืองกำลังจะรวยกันคนละหลายล้านบาท!!
เฮ่อ...แบบนี้ แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง..!!??