กรรมการติดตามข้อเสนอ คปอ.ถกความเห็นหลายหน่วยงาน หลังคปอ.เสนอแนะแนวทาง จ่อย้ายผู้ต้องหารคดีการเมืองที่เหลือจากการพระราชทานอภัยโทษ 20 ราย ไปรร.พลตำรวจบางเขน 21 ธ.ค.นี้ พร้อมตั้งอนุกรรม 3 ชุด เยียวยาอาญา-แพ่ง และประชาสัมพันธ์ ก่อนพิจารณาข้อเสนออื่นอีกครั้ง
วันนี้ (8 พ.ย.) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้มีหน่วยงานสำคัญหลายหน่วย เช่น กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมราชทัณฑ์ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งกระทรวงยุติธรรมมี 3 หน่วยงานหลักในการดำเนินการเรื่องนี้คิดว่างานด้านนี้ของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญอย่างหนึ่งจะผ่านด้วยดีจากความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ โฆษก ปคอป.กล่าวว่า หน้าที่หลักของคณะกรรมการชุดนี้ คือ การนำมาตรการหรือข้อเสนอของ คอป.มาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยมีหน่วยงานรัฐบาลหลายส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่จะนำไปดำเนินการได้และครม.มีมติรับทราบการดำเนินงานของคณะกรรมการ ปคอป.แล้ว ซึ่งแผนงานจะมุ่งไปใน 3 มิติ คือ มาตรการเยียวยาทางอาญาซึ่งจะเกี่ยวข้องกับคดีการเมือง ซึ่งจะรวมถึงคดีหมิ่นสถาบันด้วย จากนั้นจะมีกระบวนการเยียวยาด้านแพ่งและจะหามาตรการที่เหมาะสมที่จะเยียวยาในลักษณะอื่นๆ จากนั้นจะเป็นมาตรการในการสื่อสารกับสังคม เพื่อให้เข้าใจกระบวนการปรองดองที่จะเกิดขึ้น
นายวีระวงค์กล่าวว่า เรื่องสำคัญในการประชุม คือ ปคอป.ได้ประสานกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานอัยการ เพื่อที่จะสรุปสถานะคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองว่าขณะนี้อยู่ที่ไหนอย่างไรแล้ว ส่วนต่อไปที่จะต้องทำ คือ อนุกรรมการที่จะมีการแต่งตั้งขึ้น ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับอาญาและเรื่องแพ่งจะไปพิจารณาต่อไปว่าจะทำอย่างไรเบื้องต้นได้มีมาตรการสำคัญที่เยียวยาทางอาญาที่จะออกมาแล้ว คือ มีผู้ต้องขังในขณะนี้ ที่เกี่ยวข้องกับคดีทางการเมืองจำนวน 101 คนเข้าใจว่าจากการพระราชทานอภัยโทษจะลดลงประมาณ 20 คนส่วนที่เหลือจะมีการย้ายโดยกรมราชฑัณฑ์ไปไว้ที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขน ซึ่งน่าจะทำได้ภายในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
ส่วนมาตรการอื่นๆ ตามที่ คอป.เสนอมา จะมีคณะอนุกรรมการไปพิจารณาเพิ่มเติม เช่น จะมีการปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวได้มากกว่านี้หรือไม่ ด้วยวิธีอย่างไรจะมีการพิจารณาเรื่องการตั้งข้อหาและการดำเนินคดีกับคดีที่ยังไม่สิ้นสุดในระยะต่อไป จะทำอย่างไรจะชะลอจนกว่ามีมาตรการเหมาะสมทางด้านอาญาหรือมีข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่านี้หรือไม่ในวิธีการดังกล่าวจะเป็นระดับต่อไป คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนในการตั้งคณะอนุฯ และใช้เวลาอีกระยะในการหามาตรการที่เหมาะสมและเสนอต่อ ปคอป. และปคอป.จะเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อสั่งการตามที่เห็นควรต่อไป
ด้าน นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานะรองโฆษกกล่าวว่า การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ที่ประชุมได้มอบหมายประธานเป็นผู้กำหนดบุคคลที่จะมาเป็นอนุกรรมการ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 คณะ 1.เป็นอนุกรรมการด้านการเยียวยาโดยใช้มาตรฐานสากลมาดูว่าคดีความผิดทางการเมืองไม่น่าจะเป็นโทษทางอาญาหรือไม่ การพิจารณาต้องดูเรื่องเหล่านี้ด้วย 2.คณอนุกรรมการเยียวยาทางแพ่งก็จะนำมาตรฐานสากลมาใช้เช่นกันเพื่อดูความสมเหตุสมผลของคดี เนื้อของคดี การกล่าวหาต่างๆ ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ 3.อนุกรรมการด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อต้องการให้ประชาชนในประเทศรับทราบถึงการดำเนินการต่างๆปรัชญาการดำเนินคดีทางการเมืองเป็นอย่างไรบ้าง และระดับสากลทำอย่างไรจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ การดำเนินการต่างๆ ของเราเป็นที่เฝ้ามองของต่างประเทศ ซึ่งนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้นำผลการประชุมต่างๆ ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศเนื่องจากมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศและชาวต่างชาติเสียชีวิตด้วยในคดีที่เกี่ยวข้อง จึงต้องประชาสัมพันธ์ด้านต่างประเทศด้วย
ด้าน นายธานีกล่าวว่า จากการประชุมครั้งที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้นำผลประชุมและมติครม.ทำเอกสารเผยแพร่ภาษาอังกฤษส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลไทยทั่วโลกแล้ว และขึ้นเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยเพื่อให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่างประเทศได้ติดตามเรื่องการปรองดองและการดำเนินการของคณะกรรมการอย่างใกล้ชิดซึ่งในการพบปะกับผู้นำต่างประเทศต่างๆ มักจะสอบถามเรื่องนี้และสนับสนุนกระบวนการปรองดองและพร้อมให้การสนับสนุนทางวิชาการกับฝ่ายไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องของรูปคดีมีบทสรุปแล้วหรือไม่ และเรื่องข้อกล่าวหาบางเรื่องมีการตั้งข้อกล่าวหาเกินกว่าเหตุมีการดูแลเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายวีระวงศ์กล่าวว่า ในขณะนี้จากข้อมูลกองงานที่เกี่ยวข้องได้เชิญสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้มีการลงในรายละเอียดของข้อกล่าวหาว่าการกล่าวหานี้เป็นอย่างไร เพราะว่าความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้เป็นเรื่องของผู้ที่ถูกคุมขังเพราะตอนนี้มีผู้ที่ถูกคุมอยู่ 101 คนที่เราต้องหามาตรการเข้าไปดูแล เพื่อให้มีการย้ายออกมาที่โรงเรียนพลตำรวจ ซึ่งความหมายของ คอป.เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองเป็นคดีที่ที่เกิดขึ้นก่อนและหลังรัฐประหารตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ในมาตรการต่างๆ ที่ คอป.จะดูแลจะต้องให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียมในทุกภาคส่วนไม่ว่าจะอยู่สีไหนก็แล้วแต่ รวมถึงทหาร ข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะได้รับการดูแลในแบบเดียวกัน
นายอเนกกล่าวต่อว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สรุปสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องว่ามีอะไรบ้างซึ่งคดีที่เกิดก่อนปี 2549 ทางตำรวจก็กำลังดำเนินการอยู่ส่วนคดีทีเกิดหลังปี 2549 ทางตำรวจได้เก็บข้อมูลเกือบจะแล้วเสร็จทั้งนี้คดีที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2552-2553 กำลังดำเนินและจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ทางอัยการสูงสุดได้รายงานประเด็นต่าง ๆที่เกี่ยวข้องถึงประเด็นโทษว่ารุนแรงไปหรือไม่ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวกำลังเข้าไปดูว่ามีคดีไหนบ้างมีสำนวนข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินกว่าเหตุซึ่งอาจจะมีการพูดถึงเรื่องการชะลอการดำเนินคดีอาญาในเรื่องทางการเมืองตามข้อเสนอของนายคณิต ณ นคร
เมื่อถามว่า เหตุผลในการย้ายผู้ต้องขังคดีทางการเมืองจากรมราชฑัณไปโรงเรียนพลตำรวจบางเขนหรือการพิจารณาคดีอาญาไม่ให้เป็นคดีอาญา นายวีระวงศ์กล่าวว่า ในแนวคิดที่เป็นสากล ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกับประเทศเกิดแนวคิดทางอาญาและทางแพ่งขึ้น 2 ประการคือมาตรการทางอาญาตามปกติที่มาตามประมวลกฎหมายหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจจะไม่เหมาะสมสาเหตุเป็นเพราะมูลเหตุจูงใจทางด้านที่มีการลงโทษทางอาญาปกตินั้นเป็นมูลเหตุลักษณะการเป็นผู้ร้ายแต่เมื่อไหร่ที่มีคดีมีการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นเริ่มมีมูลเหตุจูงใจที่ไม่ใช่มูลเหตุดังเดิมอันเป็นที่มาของกฎหมาย ผลต่างๆ จะนำมาใช้ได้อย่างไร และเพียงไร ซึ่งตอนนี้คำตอบยังไม่ทราบจนกว่าคณะกรรมการจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร
นายวีระวงศ์กล่าวว่า ส่วนมาตรการทางแพ่ง หมายความว่าในเรื่องที่เกิดขึ้น คือ ผู้ที่กระทำและผู้ที่ถูกกระทำจึงจำเป็นที่จะต้องมาพิจารณาว่าผู้ถูกกระทำจะได้รับการเยียวยาอย่างไรซึ่งในมาตรการสากลที่เคยใช้และประสบความสำเร็จมาแล้วเกิดความคิดขึ้นว่าวิธีการเยียวยาทางแพ่งที่อยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับเรื่องเยียวยาความเสียหายก็อาจจะไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเมื่อคำนึงสิทธิมนุษยชนจึงจำเป็นต้องมีคณะอนุกรรมการเพื่อมาศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบเพื่อเอาแนวคิดที่ประสบความสำเร็จในที่อื่นๆ มาใช้ในประเทศไทยเมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ที่ถูกคุมขังทั้งก่อนปฎิวัติและหลังน่าจะมีจำนวนมากกว่า 101 คน นายวีระวงศ์ กล่าวว่าบางส่วนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ได้รับการประกันตัว เพราะฉะนั้นในขณะนี้คือผู้ที่ลงคดีถึงที่สุดแล้วหรือว่าด้วยเหตุใดที่ไม่ได้รับการประกันตัวก็ถูกคุมขังอยู่อย่างนั้น