ปลัดยุติธรรม รอรัฐตั้ง กก.เยียวยาม็อบแดง ยันไม่เน้นจ่ายตังค์ ใช้กฎหมายเฉพาะกิจ โยนรัฐพิจารณาปล่อยแดงรอดคุกรายกรณี แนะ ดูเจตนาพวกหมิ่นสถาบัน ชี้ “จอมตะกายตึก-จรัล” อยู่นอกข้อเสนอ คอป.พร้อมแนะชุด “คณิต” ระวังเปิดเผยข้อเท็จจริงหวั่นกระทบสังคม ชี้ต้องลงลึกพร้อมแนวทางแก้ไข รับลูกถกแก้ข้อหาก่อการร้าย
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ว่า ขณะนี้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาลในเรื่องการตั้งคณะกรรมการเยียวยา ที่มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน และยืนยันว่า หลักการในการเยียวยานั้นจะต้องไม่ใช่การสงเคราะห์ หรือการจ่ายค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว ทั้งยังต้องไม่ใช่กฎหมายปกติ แต่ต้องเป็นกฎหมายเฉพาะกิจ ที่สำคัญการเยียวยาจะต้องเป็นไปตามหลักสากล
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอในการปล่อยตัวของคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องพิจารณา โดยเฉพาะเกี่ยวกับการทบทวนข้อหา หรือสิทธิในการประกันตัวขั้นพื้นฐาน สิ่งสำคัญจะต้องมาพิจารณาเป็นรายกรณี และต้องแยกแยะข้อกล่าวหาในการกระทำความผิด ทั้งที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีก่อการร้าย หรือคดีหมิ่นบรมเดชานุภาพ เพราะบางกรณีเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเกินความเป็นจริง หรือต้องมาแบ่งแยกพิจารณาหลักฐาน โดยเฉพาะคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่อาจจะต้องแยกการกระทำความผิดตามพฤติกรรม และการดำเนินการลงโทษ ซึ่งบางกรณีอาจไม่มีเจตนา ทั้งนี้ จะต้องมาดูในรายละเอียดถึงเจตนา และความเหมาะสมเป็นรายเฉพาะบุคคล รวมถึงการลงโทษที่จะต้องเหมาะสมกับพฤติกรรม
ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเฉพาะของ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช.ที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศไม่ได้อยู่ในข้อเสนอของ คอป.ที่จะเสนอให้มีการปล่อยตัว เนื่องจาก 2 กรณีดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษเฉพาะบุคคลที่ทางรัฐบาลจะไปพิจารณา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะให้อิสระในการทำงานของ คอป.เพราะ คอป.เป็นองค์กรที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำ ไม่ใช่หน่วยงานที่เป็นผู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ ในการเปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง คอป.จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากการเปิดเผยข้อเท็จจริงย่อมส่งผลกระทบต่อความขัดแย้ง และความปรองดองของคนในชาติ ดังนั้น ในการเปิดเผยทั้งในรูปเฉพาะเหตุการณ์ หรือภาพรวมทั้งหมดย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น สิ่งสำคัญ คอป.จะเปิดเผยถึงสาเหตุที่ลึกลงไปว่าเหตุใดเหตุการณ์ดังกล่าวถึงเกิดขึ้น และจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือลดช่องว่างความขัดแย้งและส่งเสริมความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คอป.จะเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสาธารณะพร้อมกับเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านความปรองดองสมานฉันท์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำไปสู่การหาทางออกด้านความปรองดองร่วมกัน
“ในการเปิดเผยข้อเท็จจริง ไม่ว่า คอป.จะเปิดเผยเหตุการณ์เป็นรายกรณี หรือภาพใหญ่ทางความขัดแย้งทางการเมือง คอป.จะต้องหารือกันภายใน เพราะผลของการเปิดเผยข้อเท็จจริง คอป.จะต้องรับผิดชอบผลของการเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น และยืนยันว่าการเปิดเผยข้อเท็จจริงจะต้องนำไปสู่การปรองดองเท่านั้น” ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว
สำหรับข้อเสนอของ นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.ที่เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายคดีก่อการร้ายให้มีความผิดตาม ป.วิ อาญา ซ่องโจร นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นความเห็นทางวิชาการของนายคณิต เท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อเสนอของ คอป.อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ คงจะต้องมีการระดมความคิดทางวิชาการกันอีกนิดหนึ่ง
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ว่า ขณะนี้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาลในเรื่องการตั้งคณะกรรมการเยียวยา ที่มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน และยืนยันว่า หลักการในการเยียวยานั้นจะต้องไม่ใช่การสงเคราะห์ หรือการจ่ายค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว ทั้งยังต้องไม่ใช่กฎหมายปกติ แต่ต้องเป็นกฎหมายเฉพาะกิจ ที่สำคัญการเยียวยาจะต้องเป็นไปตามหลักสากล
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอในการปล่อยตัวของคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องพิจารณา โดยเฉพาะเกี่ยวกับการทบทวนข้อหา หรือสิทธิในการประกันตัวขั้นพื้นฐาน สิ่งสำคัญจะต้องมาพิจารณาเป็นรายกรณี และต้องแยกแยะข้อกล่าวหาในการกระทำความผิด ทั้งที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีก่อการร้าย หรือคดีหมิ่นบรมเดชานุภาพ เพราะบางกรณีเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเกินความเป็นจริง หรือต้องมาแบ่งแยกพิจารณาหลักฐาน โดยเฉพาะคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่อาจจะต้องแยกการกระทำความผิดตามพฤติกรรม และการดำเนินการลงโทษ ซึ่งบางกรณีอาจไม่มีเจตนา ทั้งนี้ จะต้องมาดูในรายละเอียดถึงเจตนา และความเหมาะสมเป็นรายเฉพาะบุคคล รวมถึงการลงโทษที่จะต้องเหมาะสมกับพฤติกรรม
ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเฉพาะของ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช.ที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศไม่ได้อยู่ในข้อเสนอของ คอป.ที่จะเสนอให้มีการปล่อยตัว เนื่องจาก 2 กรณีดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษเฉพาะบุคคลที่ทางรัฐบาลจะไปพิจารณา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะให้อิสระในการทำงานของ คอป.เพราะ คอป.เป็นองค์กรที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำ ไม่ใช่หน่วยงานที่เป็นผู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ ในการเปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง คอป.จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากการเปิดเผยข้อเท็จจริงย่อมส่งผลกระทบต่อความขัดแย้ง และความปรองดองของคนในชาติ ดังนั้น ในการเปิดเผยทั้งในรูปเฉพาะเหตุการณ์ หรือภาพรวมทั้งหมดย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น สิ่งสำคัญ คอป.จะเปิดเผยถึงสาเหตุที่ลึกลงไปว่าเหตุใดเหตุการณ์ดังกล่าวถึงเกิดขึ้น และจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือลดช่องว่างความขัดแย้งและส่งเสริมความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คอป.จะเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสาธารณะพร้อมกับเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านความปรองดองสมานฉันท์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำไปสู่การหาทางออกด้านความปรองดองร่วมกัน
“ในการเปิดเผยข้อเท็จจริง ไม่ว่า คอป.จะเปิดเผยเหตุการณ์เป็นรายกรณี หรือภาพใหญ่ทางความขัดแย้งทางการเมือง คอป.จะต้องหารือกันภายใน เพราะผลของการเปิดเผยข้อเท็จจริง คอป.จะต้องรับผิดชอบผลของการเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น และยืนยันว่าการเปิดเผยข้อเท็จจริงจะต้องนำไปสู่การปรองดองเท่านั้น” ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว
สำหรับข้อเสนอของ นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.ที่เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายคดีก่อการร้ายให้มีความผิดตาม ป.วิ อาญา ซ่องโจร นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นความเห็นทางวิชาการของนายคณิต เท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อเสนอของ คอป.อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ คงจะต้องมีการระดมความคิดทางวิชาการกันอีกนิดหนึ่ง