วานนี้ (20 ก.ย.)นายอักขราทร จุฬารัตน์ อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึง 10 ปี การมีศาลปกครองในประเทศไทยและการตรวจสอบการใช้อำนาจทางปกครองของรัฐ ตอนหนึ่งว่า ปัญหาบ้านเรา คือการตีความกฎหมาย ส่วนตัวเบื่อคำว่าตุลาการภิวัตน์ มีการกล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองสูงสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินคดีล่วงล้ำอำนาจฝ่ายบริหาร ตนถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะเมื่อก่อนมีแต่คดีแพ่ง คดีอาญา สำหรับคดีปกครอง คือกฎหมายมหาชนไม่มีตัวบทกฎหมายที่ชัดเจน แต่มีตัวบทกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ เพราะฉะนั้น คนที่จะทำหน้าที่ชี้ข้อกฎหมายคือศาล โดยเฉพาะคดีปกครอง สิ่งที่ศาลใช้ เป็นระบบยุโรป มันไม่เหมือนสิ่งที่เคยเห็น
เมื่อศาลตัดสินโดยใช้กฎหมายปกติ กลายเป็นว่าผู้ใช้อำนาจรัฐไม่เคยเห็นด้วยกับคำตัดสิน และกล่าวหาว่าศาลไปละเมิดฝ่ายบริหาร ตรงนี้เป็นปัญหามากในประเทศไทย และมีคำกล่าวที่ว่า เมื่อมีปัญหาตีความตามหลักนิติศาสตร์ไม่ได้ ก็ให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ต้องตีความกฎหมายตามหลักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมันไม่ใช่
**ชี้ “นิติราษฎร์” มุ่งล้างผิดกลียุคแน่
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาณุการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ถึงกลุ่ม“คณะนิติราษฎร์” ว่า สรุปได้อย่างเดียวว่าเป็นไปเพื่อลบล้างคำพิพากษาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีเท่านั้น เมื่อคณะนิติราษฎร์ออกการเรียกร้องให้ล้มล้างการปฏิวัติ 19 ก.ย. จึงเป็นการลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มองเจตนารมณ์เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายนิติรัฐด้วย
ถ้าหากมีการเดินหน้าตามคำแถลงของคณะนิติราษฎร์จะเกิดกลียุคขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งไม่ใช่การรัฐประหาร เมื่อก่อนถ้ามีการบริหารประเทศผิดพลาด มันเป็นเรื่องของความชอบกับไม่ชอบของประชาชน แต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องของความรักกับความเกลียด หากทำตามคำแถลงของคณะนิติราษฎร์คนที่รักทักษิณก็จะพอใจ แต่คนที่เกลียดทักษิณก็จะไม่พอใจ แล้วคนสองกลุ่มนี้จะออกมาปะทะกันเข้า อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศ จึงคิดเว่าน่าจะทำให้เกิดกลียุคขึ้นอีกครั้งในแผ่นดินไทย
**ปชป.เตือนเลิกเอาหลักวิชาการช่วยคนผิด
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ รมว.ยุติธรรมเงา กล่าวว่า พื้นฐานของอาจารย์บางคน เอื้อต่อระบอบทักษิณมาโดยตลอด และไม่เห็นด้วยกับการกวาดล้างการทุจริตในเชิงนโยบาย มีการเคลื่อนไหวโดยไม่คำนึงถึงความจริงของบ้านเมือง ซึ่งมองเห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้รัฐบาลหรือคนของรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยเหลือนายใหญ่ไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และไม่ต้องติดคุก
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ทำให้ประชาชนแตกแยก โดยที่บุคคลเหล่านี้ถูกนักวิชาการหรือคนเคลื่อนไหวบางกลุ่มที่เรียกว่ามายาคติ หรือความเท็จสร้างความแตกฉานขึ้น ดังนั้นขอให้นักวิชาการทบทวนบทบาท เพราะทุกสิ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และขอร้องว่าโปรดยุติการอ้างเอาหลักวิชาการบริสุทธิ์มาใช้เพื่อช่วยเหลือคนคนเดียว และขอเรียกร้องประชาชนทุกภาคส่วนถ้าต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อะไรที่จบไปแล้วและทุกฝ่ายยอมรับ ก็ขอให้ออกมาเคลื่อนไหว แม้ไม่ได้เห็นด้วยกับการรัฐประหาร
ส่วนการออกมาเปิดประเด็นดังกล่าวเหมือนกับเป็นก้าวแรกที่จะไปสู่การสถาปนารัฐไทยใหม่อย่างที่เคยมีการพูดกันในช่วงชุมนุมหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า แน่นอน นั่นคือวัตถุประสงค์สุดท้ายที่เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงรัฐไทยใหม่ ตนอยากให้ประชาชนบางกลุ่มนึกถึงคุณูประการของสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นขอเชิญชวนคนที่เห็นดอกบัวเป็นดอกบัวออกมาแสดงความคิดเห็นต่อต้านในเชิงสันติ และต่อสู้เพื่อขจัดความคิดของคนบางคนที่วิวัฒนาการมาจากการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
** จี้ “โกวิท-เฉลิม”อย่าให้ท้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล้าพูดถึงขั้นว่าภายใน 10 ปีจะล้มโครงสร้างของอำมาตย์ได้ นายถาวรกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เขาพูดชัด ขอให้คนที่คิดว่าสถาบันหลักของชาติดำรงมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน ฝ่ายที่รักษากฎหมาย คือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯดูแลด้านความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็ควรออกมาดูแล ที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีนั้นต้องพึงระลึกว่าก่อนเข้ารับหน้าที่ได้ไปปฎิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ไว้ว่าอย่างไร จะรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าไม่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่พูดอย่างทำอย่าง ก็ขอให้ติดตามพฤติกรรมคนของท่านด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้ากลุ่มนี้ยังเคลื่อนไหวอยู่ก็เกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนอีก
**หาช่องฟันลิ่วล้อแม้วไม่แจ้งที่อยู่
นายถาวร กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ อ้างว่าไม่มีหน้าที่ในการจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาหนีคดี ทั้งๆ ที่รู้หลักแหล่งแน่นอนว่า การพูดเช่นนี้พูดเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่และไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สามารถเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษตามกฎหมายได้ แต่ก็ต้องพยายามไว้เพื่อรักษาหลักนิติรัฐ ไม่ให้มีคุกไว้ขังคนจนเพียงอย่างเดียว เพราะคุกต้องขังคนทำความผิดไม่เลือกฐานะ แค่รัฐบาลแสดงความคิดเห็นและพยายามแม้จะไม่ทำจริงก็ดูดีหน่อย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ติดตามผู้ที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย พยานหลักฐานพร้อมเมื่อไรก็จะดำเนินการต่อไป เช่นเดียวกับความผิดของ รมว.ต่างประเทศ ที่คงต้องติดตามหาพยานหลักฐานต่อไป
**ไม่แปลก“แม้ว”สั่งขยายหมู่บ้านแดง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุ อ้างคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะขยายหมู่บ้านเสื้อแดง ว่า ไม่แปลกใจ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณยังเดินหน้าทำทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ทั้งนี้การแบ่งแยกประชาชนไม่เป็นผลดี
กรณีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาสนับสนุนข้อเสนอกลุ่มนิติราษฎร์ เห็นว่า วันนี้ที่เป็นปัญหาใหญ่สับสนในบ้างเมืองเพราะเราไม่รู้จักขอบเขตว่าเสียงส่วนใหญ่ทำอะไรได้บ้าง ยิ่งตอนนี้บ้านเมืองต้องการนิติรัฐ ไม่ใช่นิติราษฎร์ ส่วนหากเสนอให้ทำประชามติเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ จะได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ควรทำ ถ้าทำจะเกิดเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง
** “เทือก”ซัดสร้างลัทธิยึดครองประเทศ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณพูดคุยกับนายขวัญชัย ถึงการขยายหมู่บ้านเสื้อแดง ว่า นี่คือสิ่งที่ตนได้พูดไว้หลายครั้ง วันนี้สิ่งที่เขาทำต้องเรียกว่าลัทธิ แต่ตนไม่รู้จะเรียกว่าลัทธิอะไร ซึ่งน่าจะเรียกลัทธิแดงไปก่อน วันนี้เขายังเดินหน้าสมคบคิดเพื่อให้ลัทธิแดงครองประเทศไทย ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะต้องติดตามในสิ่งที่เขาทำและจะต้องตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะนี้เหมือนมีการทำงานเป็นกระบวนการ วิชาการก็ส่วนหนึ่ง การเมืองก็ส่วนหนึ่ง นายสุเทพกล่าวว่า ตนขอเรียนว่ากระบวนการที่เขาทำมาทำอย่างเป็นระบบ มีทั้งพรรคการเมือง มวลชนและกองกำลังติดอาวุธ มีเงินทุนมหาศาลที่คอยให้การสนับสนุน มีการดำเนินการในต่างประเทศ ตนจึงบอกว่าประชาชนคนใดที่ไม่เห็นด้วยให้ลัทธิแดงครองเมือง ก็ต้องตั้งสติร่วมมือกันให้ดี ไม่อย่างนั้นแล้วบ้านเมืองก็จะเสียหาย ส่วนจะเป็นการนำประเทศเข้าสู่การนองเลือดอีกครั้งหรือไม่นั้น ตนมองว่าเราต้องพยายามอย่าให้ประเทศเข้าสู่การนองเลือด เรายังมีโอกาสที่จะยังทำได้อยู่ ทุกภาคส่วน ประชาชน และทุกองค์กรต้องหาเวลามานั่งหารือกันว่าสถานการณ์อย่างนี้จะนำไปสู่อะไร เราคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศจะปกป้องบ้านเมืองของเราอย่างไร
**แขวะ!อีก3-4ปี แดงยึดประเทศ
ส่วนกรณีที่ นายนิสิต ออกมากล่าวว่าหลังวันที่ 5 ธ.ค.จะมีการพยายามล้มล้างรัฐบาลจึงขอให้คนเสื้อแดงเตรียมตัวไว้ นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่ตนกลัวที่สุดคือ คนเสื้อแดงจะล้มรัฐบาลมากกว่า ถามย้ำว่าอะไรที่เป็นปัจจัยทำให้คนเสื้อแดงล้มรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ไม่สามารถพูดในตอนนี้ได้ แต่ว่าเขามีเป้าหมายชัดเจน เมื่อไหร่ที่ยังสามัคคีกันได้เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันก็ทำลงไป แต่สิงที่ผมกลัวมากกว่านั้นคือ เขาร่วมมือกันเล่นงานคนไทยและประเทศไทยให้อยู่หมัดซึ่งเป็นเรื่องที่ตนกังวลใจ
ถามว่าระยะเวลาที่เขาคิดเอาไว้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายสุเทพกล่าวว่า เขาก็ต้องเร่ง เขาก็กำหนดระยะเวลาไว้ในช่วง 3-4 ปีนี้ ที่เขาจะต้องยึดครองให้หมด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถามอีกว่า คิดว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าคนไทยคงไม่ยอม
**สภารับลูการ่างกม.ล้างมลทิน สัปดาห์นี้
ที่รัฐสภา มีรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 21-22 ก.ย.นี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระการพิจารณาเรื่องที่เสนอใหม่ ร่าง พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 84 พรรษา พ.ศ.... ที่เสนอโดยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทยและคณะ ภายใต้การผลักดันของนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคยแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ในหลายโอกาส โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือ เพื่อล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้พ้นโทษไปแล้ว และผู้ถูกลงโทษทางวินัยของกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งได้รับการลงโทษทางวินัยก่อนหรือในวันที่ 5 ธ.ค. 2554 ให้ผู้นั้นไม่ต้องถูกพิจารณาเพิ่มโทษหรือถูกดำเนินการทางวินัยในกรณีนั้นๆ ต่อไปด้วย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2554
** “ปู”รับคอป.ย้อนหลังก่อนปฏิวัติ49
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคครม.ว่า ที่ประชุมรับทราบ และมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยคอป.ได้เคยเสนอรายงานมาแล้วครึ่งหนึ่งในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ในวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยเสนอต่อรัฐบาลให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง สิ่งที่ทางคอป.เสนอคือ ให้ยึดหลักยุติธรรมนิติธรรม เคารพกฎหมาย และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในการชี้แจงความชัดเจนเกี่ยวกับการแจ้งข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีอาญา และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง หมายความว่า เร่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดกระบวนการในการสืบสวนสอบสวนอย่างยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อให้ได้ข้อมูลค้นหาความจริง ซึ่งไม่ให้จำกัดอยู่แค่เหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.53 แต่ให้ดูภาพรวมทั้งหมดทั้งหลังและก่อนเกิดการปฏิวัติ ส่วนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นจะเป็นไปในเรื่องการป้องกันเพื่อไม่ให้บุคคลต่างๆเหล่านี้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทาง โดยที่เป้าหมายสุดท้ายเพื่อเป็นการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
คอป.ยังมีข้อเสนอในเรื่องการเร่งดำเนินการเยียวฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงของทุกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และจริงจังโดยที่ไม่ได้ยึดติดกับกรอบเดิมๆแต่ขอให้มีการตั้งกรอบในการดูแลเยียวยาฟื้นฟูที่เป็นกรอบแนวกว้างเพื่อให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นไปตามหลักนิติธรรม และให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหา และจำเลย หมายความว่าในช่วงที่มีการพิจารณาคดีนั้นขอให้มีการเร่งปล่อยตัวชั่วคราว หรือหากผู้ที่จะถูกคุมขังจองจำก็ขอให้เป็นไปตามสิทธินักโทษทางการเมือง ดังนั้นที่ประชุมครม.จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประสาน และติดตามผลการดำเนินงานข้อเสนอของคอป.เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีเจตนาและความจริงใจที่จะทำงานร่วมกันกับทางคอป.เพื่อให้การดำเนินการสามัคคีปรองดองสมานฉันท์เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยแต่งตั้งให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งจะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรองดองตามหลักนิติธรรมที่คอป.เสนอให้ย้อนไปก่อนการปฏิวัติปี 49 นั้นแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับประโยชน์ด้วยใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในหลักการที่คอป.เสนอ ได้ระบุว่าการแก้ปัญหา ไม่ใช่มองแค่เรื่องๆเดียวเท่านั้น แต่ให้มองไปทั้งกระบวนการตั้งแต่ก่อน และหลังปฏิวัติ อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ต้องนำมาพิจารณาบนพื้นฐานของหลักนิติธรรมด้วย ดังนั้นไม่ได้ระบุว่าต้องเกี่ยวกับใครบ้างที่จะได้รับการดูแลฟื้นฟูเยียวยาต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคอป.ที่จะประสานงานร่วมกันกับคณะกรรมการที่เราจะจัดตั้งขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีโทรศัพท์ไปหา มีการหารือกันเรื่องการสร้างความปรองดองนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยอะไรเลย
**ปูรับที่พรรค คุยแม้วบ่นเหนื่อย!
ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า ได้มีพูดคุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะพี่ชาย ซึ่งได้ให้กำลังใจ และยอมรับว่าบอกกับพี่ชายไปว่า เหนื่อยแต่ไม่ได้ท้อถอยในการทำงาน เพราะว่าต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
** ส่ง”ยงยุทธ”ประสานเดินหน้าปรองดอง
แหล่งข่าวภายใน ครม.เปิดเผยว่า ในการประชุมร.ต.อ.เฉลิม กล่าวขึ้นว่า นับเป็นโชคดีของเรา ที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้แต่งตั้งคณะกรรมการคอป.ที่มีนายคณิตเป็นประธานขึ้นมา เพราะเป็นคณะกรรมการชุดที่ทำงานในเชิงรุก ทำงานได้ดี ถ้าเป็นรัฐบาลนี้ตั้งขึ้นมาล่ะก็ตายแน่ และอาจารย์คณิตท่านก็เป็นผู้ที่มีจริยธรรม มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง เลยมาช่วยกันทำงานกันเต็มที่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องรับข้อเสนอแนะของคอป.มาศึกษา และสนับสนุนให้มีการดำเนินการไปตามข้อเสนอของคอป.อย่างเต็มที่ ซึ่ง ในเรื่องของการเยียวยาผู้ประสบความเดือดร้อนจากการชุมนุมทางการเมืองนั้น จะต้องทำในลักษณะที่เสมอภาคกันทุกคนทุกเหตุการณ์นับจากหลังวันที่ 19 ก.ย. 2549 เป็นต้นมา ซึ่งแนวทางต่อไปก็จะต้องไปตั้งคณะกรรมการเยียวยาขึ้นมา และให้คณะกรรมการเยียวยาชุดนี้ทำงานภายใต้กอรบการทำงานของคอป.
**"แม้ว"ขออย่าขวางหมู่บ้านแดง
อีกด้าน นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเผยถึงการเดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชาว่า มีโอกาสได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณประมาณ 20 นาที มีการพูดคุยเรื่องการก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ขอร้องไม่ให้ตนต่อต้านการก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง โดยระบุว่าให้ปล่อยให้คนเสื้อแดงดำเนินการเรื่องดังกล่าวไป อย่าไปคัดค้าน เพราะทุกคนก็เป็นลูกน้องเก่าตนทั้งนั้น และอยากให้เอากลับมาทำงานด้วยกันเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ตนก็ได้แต่ตอบว่าครับๆ ไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับท่านมากไปกว่านั้นเพราะเห็นว่าท่านก็มีงานยุ่งมากอยู่แล้วจึงไม่อยากไปเพิ่มเรื่องให้กับท่านอีก ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้เข้าใจผิดว่าตนต้องการจะขวางทั้งหมด หรือต้องการจะตีตัวออกห่างจากนปช.แล้ว แต่ยอมรับว่าคงยากที่จะเอาคนเหล่านี้กลับมาร่วมงานกันอีก เพราะคนเหล่านี้เอาตนไปด่าในเว็ปไซต์ต่างๆ มากมาย ดังนั้นเมื่อไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่อยากเลี้ยง ตอนที่ต่อสู้ไม่เห็นมีใครกล้ามายืนใกล้ตน แต่พอเสื้อแดงชนะก็ออกมากับพรึ่บไปหมด และยังพยายามเสียงดังกว่าตนอีกด้วย
เมื่อศาลตัดสินโดยใช้กฎหมายปกติ กลายเป็นว่าผู้ใช้อำนาจรัฐไม่เคยเห็นด้วยกับคำตัดสิน และกล่าวหาว่าศาลไปละเมิดฝ่ายบริหาร ตรงนี้เป็นปัญหามากในประเทศไทย และมีคำกล่าวที่ว่า เมื่อมีปัญหาตีความตามหลักนิติศาสตร์ไม่ได้ ก็ให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ต้องตีความกฎหมายตามหลักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมันไม่ใช่
**ชี้ “นิติราษฎร์” มุ่งล้างผิดกลียุคแน่
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาณุการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ถึงกลุ่ม“คณะนิติราษฎร์” ว่า สรุปได้อย่างเดียวว่าเป็นไปเพื่อลบล้างคำพิพากษาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีเท่านั้น เมื่อคณะนิติราษฎร์ออกการเรียกร้องให้ล้มล้างการปฏิวัติ 19 ก.ย. จึงเป็นการลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มองเจตนารมณ์เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายนิติรัฐด้วย
ถ้าหากมีการเดินหน้าตามคำแถลงของคณะนิติราษฎร์จะเกิดกลียุคขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งไม่ใช่การรัฐประหาร เมื่อก่อนถ้ามีการบริหารประเทศผิดพลาด มันเป็นเรื่องของความชอบกับไม่ชอบของประชาชน แต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องของความรักกับความเกลียด หากทำตามคำแถลงของคณะนิติราษฎร์คนที่รักทักษิณก็จะพอใจ แต่คนที่เกลียดทักษิณก็จะไม่พอใจ แล้วคนสองกลุ่มนี้จะออกมาปะทะกันเข้า อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศ จึงคิดเว่าน่าจะทำให้เกิดกลียุคขึ้นอีกครั้งในแผ่นดินไทย
**ปชป.เตือนเลิกเอาหลักวิชาการช่วยคนผิด
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ รมว.ยุติธรรมเงา กล่าวว่า พื้นฐานของอาจารย์บางคน เอื้อต่อระบอบทักษิณมาโดยตลอด และไม่เห็นด้วยกับการกวาดล้างการทุจริตในเชิงนโยบาย มีการเคลื่อนไหวโดยไม่คำนึงถึงความจริงของบ้านเมือง ซึ่งมองเห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้รัฐบาลหรือคนของรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยเหลือนายใหญ่ไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และไม่ต้องติดคุก
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ทำให้ประชาชนแตกแยก โดยที่บุคคลเหล่านี้ถูกนักวิชาการหรือคนเคลื่อนไหวบางกลุ่มที่เรียกว่ามายาคติ หรือความเท็จสร้างความแตกฉานขึ้น ดังนั้นขอให้นักวิชาการทบทวนบทบาท เพราะทุกสิ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และขอร้องว่าโปรดยุติการอ้างเอาหลักวิชาการบริสุทธิ์มาใช้เพื่อช่วยเหลือคนคนเดียว และขอเรียกร้องประชาชนทุกภาคส่วนถ้าต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อะไรที่จบไปแล้วและทุกฝ่ายยอมรับ ก็ขอให้ออกมาเคลื่อนไหว แม้ไม่ได้เห็นด้วยกับการรัฐประหาร
ส่วนการออกมาเปิดประเด็นดังกล่าวเหมือนกับเป็นก้าวแรกที่จะไปสู่การสถาปนารัฐไทยใหม่อย่างที่เคยมีการพูดกันในช่วงชุมนุมหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า แน่นอน นั่นคือวัตถุประสงค์สุดท้ายที่เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงรัฐไทยใหม่ ตนอยากให้ประชาชนบางกลุ่มนึกถึงคุณูประการของสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นขอเชิญชวนคนที่เห็นดอกบัวเป็นดอกบัวออกมาแสดงความคิดเห็นต่อต้านในเชิงสันติ และต่อสู้เพื่อขจัดความคิดของคนบางคนที่วิวัฒนาการมาจากการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
** จี้ “โกวิท-เฉลิม”อย่าให้ท้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล้าพูดถึงขั้นว่าภายใน 10 ปีจะล้มโครงสร้างของอำมาตย์ได้ นายถาวรกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เขาพูดชัด ขอให้คนที่คิดว่าสถาบันหลักของชาติดำรงมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน ฝ่ายที่รักษากฎหมาย คือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯดูแลด้านความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็ควรออกมาดูแล ที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีนั้นต้องพึงระลึกว่าก่อนเข้ารับหน้าที่ได้ไปปฎิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ไว้ว่าอย่างไร จะรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าไม่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่พูดอย่างทำอย่าง ก็ขอให้ติดตามพฤติกรรมคนของท่านด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้ากลุ่มนี้ยังเคลื่อนไหวอยู่ก็เกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนอีก
**หาช่องฟันลิ่วล้อแม้วไม่แจ้งที่อยู่
นายถาวร กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ อ้างว่าไม่มีหน้าที่ในการจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาหนีคดี ทั้งๆ ที่รู้หลักแหล่งแน่นอนว่า การพูดเช่นนี้พูดเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่และไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สามารถเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษตามกฎหมายได้ แต่ก็ต้องพยายามไว้เพื่อรักษาหลักนิติรัฐ ไม่ให้มีคุกไว้ขังคนจนเพียงอย่างเดียว เพราะคุกต้องขังคนทำความผิดไม่เลือกฐานะ แค่รัฐบาลแสดงความคิดเห็นและพยายามแม้จะไม่ทำจริงก็ดูดีหน่อย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ติดตามผู้ที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย พยานหลักฐานพร้อมเมื่อไรก็จะดำเนินการต่อไป เช่นเดียวกับความผิดของ รมว.ต่างประเทศ ที่คงต้องติดตามหาพยานหลักฐานต่อไป
**ไม่แปลก“แม้ว”สั่งขยายหมู่บ้านแดง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุ อ้างคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะขยายหมู่บ้านเสื้อแดง ว่า ไม่แปลกใจ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณยังเดินหน้าทำทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ทั้งนี้การแบ่งแยกประชาชนไม่เป็นผลดี
กรณีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาสนับสนุนข้อเสนอกลุ่มนิติราษฎร์ เห็นว่า วันนี้ที่เป็นปัญหาใหญ่สับสนในบ้างเมืองเพราะเราไม่รู้จักขอบเขตว่าเสียงส่วนใหญ่ทำอะไรได้บ้าง ยิ่งตอนนี้บ้านเมืองต้องการนิติรัฐ ไม่ใช่นิติราษฎร์ ส่วนหากเสนอให้ทำประชามติเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ จะได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ควรทำ ถ้าทำจะเกิดเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง
** “เทือก”ซัดสร้างลัทธิยึดครองประเทศ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณพูดคุยกับนายขวัญชัย ถึงการขยายหมู่บ้านเสื้อแดง ว่า นี่คือสิ่งที่ตนได้พูดไว้หลายครั้ง วันนี้สิ่งที่เขาทำต้องเรียกว่าลัทธิ แต่ตนไม่รู้จะเรียกว่าลัทธิอะไร ซึ่งน่าจะเรียกลัทธิแดงไปก่อน วันนี้เขายังเดินหน้าสมคบคิดเพื่อให้ลัทธิแดงครองประเทศไทย ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะต้องติดตามในสิ่งที่เขาทำและจะต้องตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะนี้เหมือนมีการทำงานเป็นกระบวนการ วิชาการก็ส่วนหนึ่ง การเมืองก็ส่วนหนึ่ง นายสุเทพกล่าวว่า ตนขอเรียนว่ากระบวนการที่เขาทำมาทำอย่างเป็นระบบ มีทั้งพรรคการเมือง มวลชนและกองกำลังติดอาวุธ มีเงินทุนมหาศาลที่คอยให้การสนับสนุน มีการดำเนินการในต่างประเทศ ตนจึงบอกว่าประชาชนคนใดที่ไม่เห็นด้วยให้ลัทธิแดงครองเมือง ก็ต้องตั้งสติร่วมมือกันให้ดี ไม่อย่างนั้นแล้วบ้านเมืองก็จะเสียหาย ส่วนจะเป็นการนำประเทศเข้าสู่การนองเลือดอีกครั้งหรือไม่นั้น ตนมองว่าเราต้องพยายามอย่าให้ประเทศเข้าสู่การนองเลือด เรายังมีโอกาสที่จะยังทำได้อยู่ ทุกภาคส่วน ประชาชน และทุกองค์กรต้องหาเวลามานั่งหารือกันว่าสถานการณ์อย่างนี้จะนำไปสู่อะไร เราคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศจะปกป้องบ้านเมืองของเราอย่างไร
**แขวะ!อีก3-4ปี แดงยึดประเทศ
ส่วนกรณีที่ นายนิสิต ออกมากล่าวว่าหลังวันที่ 5 ธ.ค.จะมีการพยายามล้มล้างรัฐบาลจึงขอให้คนเสื้อแดงเตรียมตัวไว้ นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่ตนกลัวที่สุดคือ คนเสื้อแดงจะล้มรัฐบาลมากกว่า ถามย้ำว่าอะไรที่เป็นปัจจัยทำให้คนเสื้อแดงล้มรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ไม่สามารถพูดในตอนนี้ได้ แต่ว่าเขามีเป้าหมายชัดเจน เมื่อไหร่ที่ยังสามัคคีกันได้เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันก็ทำลงไป แต่สิงที่ผมกลัวมากกว่านั้นคือ เขาร่วมมือกันเล่นงานคนไทยและประเทศไทยให้อยู่หมัดซึ่งเป็นเรื่องที่ตนกังวลใจ
ถามว่าระยะเวลาที่เขาคิดเอาไว้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายสุเทพกล่าวว่า เขาก็ต้องเร่ง เขาก็กำหนดระยะเวลาไว้ในช่วง 3-4 ปีนี้ ที่เขาจะต้องยึดครองให้หมด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถามอีกว่า คิดว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าคนไทยคงไม่ยอม
**สภารับลูการ่างกม.ล้างมลทิน สัปดาห์นี้
ที่รัฐสภา มีรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 21-22 ก.ย.นี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระการพิจารณาเรื่องที่เสนอใหม่ ร่าง พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 84 พรรษา พ.ศ.... ที่เสนอโดยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทยและคณะ ภายใต้การผลักดันของนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคยแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ในหลายโอกาส โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือ เพื่อล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้พ้นโทษไปแล้ว และผู้ถูกลงโทษทางวินัยของกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งได้รับการลงโทษทางวินัยก่อนหรือในวันที่ 5 ธ.ค. 2554 ให้ผู้นั้นไม่ต้องถูกพิจารณาเพิ่มโทษหรือถูกดำเนินการทางวินัยในกรณีนั้นๆ ต่อไปด้วย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2554
** “ปู”รับคอป.ย้อนหลังก่อนปฏิวัติ49
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคครม.ว่า ที่ประชุมรับทราบ และมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน โดยคอป.ได้เคยเสนอรายงานมาแล้วครึ่งหนึ่งในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ในวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยเสนอต่อรัฐบาลให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง สิ่งที่ทางคอป.เสนอคือ ให้ยึดหลักยุติธรรมนิติธรรม เคารพกฎหมาย และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในการชี้แจงความชัดเจนเกี่ยวกับการแจ้งข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีอาญา และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง หมายความว่า เร่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดกระบวนการในการสืบสวนสอบสวนอย่างยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อให้ได้ข้อมูลค้นหาความจริง ซึ่งไม่ให้จำกัดอยู่แค่เหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.53 แต่ให้ดูภาพรวมทั้งหมดทั้งหลังและก่อนเกิดการปฏิวัติ ส่วนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นจะเป็นไปในเรื่องการป้องกันเพื่อไม่ให้บุคคลต่างๆเหล่านี้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทาง โดยที่เป้าหมายสุดท้ายเพื่อเป็นการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
คอป.ยังมีข้อเสนอในเรื่องการเร่งดำเนินการเยียวฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงของทุกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และจริงจังโดยที่ไม่ได้ยึดติดกับกรอบเดิมๆแต่ขอให้มีการตั้งกรอบในการดูแลเยียวยาฟื้นฟูที่เป็นกรอบแนวกว้างเพื่อให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นไปตามหลักนิติธรรม และให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหา และจำเลย หมายความว่าในช่วงที่มีการพิจารณาคดีนั้นขอให้มีการเร่งปล่อยตัวชั่วคราว หรือหากผู้ที่จะถูกคุมขังจองจำก็ขอให้เป็นไปตามสิทธินักโทษทางการเมือง ดังนั้นที่ประชุมครม.จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประสาน และติดตามผลการดำเนินงานข้อเสนอของคอป.เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีเจตนาและความจริงใจที่จะทำงานร่วมกันกับทางคอป.เพื่อให้การดำเนินการสามัคคีปรองดองสมานฉันท์เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยแต่งตั้งให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งจะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรองดองตามหลักนิติธรรมที่คอป.เสนอให้ย้อนไปก่อนการปฏิวัติปี 49 นั้นแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับประโยชน์ด้วยใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในหลักการที่คอป.เสนอ ได้ระบุว่าการแก้ปัญหา ไม่ใช่มองแค่เรื่องๆเดียวเท่านั้น แต่ให้มองไปทั้งกระบวนการตั้งแต่ก่อน และหลังปฏิวัติ อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ต้องนำมาพิจารณาบนพื้นฐานของหลักนิติธรรมด้วย ดังนั้นไม่ได้ระบุว่าต้องเกี่ยวกับใครบ้างที่จะได้รับการดูแลฟื้นฟูเยียวยาต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคอป.ที่จะประสานงานร่วมกันกับคณะกรรมการที่เราจะจัดตั้งขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีโทรศัพท์ไปหา มีการหารือกันเรื่องการสร้างความปรองดองนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยอะไรเลย
**ปูรับที่พรรค คุยแม้วบ่นเหนื่อย!
ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า ได้มีพูดคุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะพี่ชาย ซึ่งได้ให้กำลังใจ และยอมรับว่าบอกกับพี่ชายไปว่า เหนื่อยแต่ไม่ได้ท้อถอยในการทำงาน เพราะว่าต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
** ส่ง”ยงยุทธ”ประสานเดินหน้าปรองดอง
แหล่งข่าวภายใน ครม.เปิดเผยว่า ในการประชุมร.ต.อ.เฉลิม กล่าวขึ้นว่า นับเป็นโชคดีของเรา ที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้แต่งตั้งคณะกรรมการคอป.ที่มีนายคณิตเป็นประธานขึ้นมา เพราะเป็นคณะกรรมการชุดที่ทำงานในเชิงรุก ทำงานได้ดี ถ้าเป็นรัฐบาลนี้ตั้งขึ้นมาล่ะก็ตายแน่ และอาจารย์คณิตท่านก็เป็นผู้ที่มีจริยธรรม มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง เลยมาช่วยกันทำงานกันเต็มที่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องรับข้อเสนอแนะของคอป.มาศึกษา และสนับสนุนให้มีการดำเนินการไปตามข้อเสนอของคอป.อย่างเต็มที่ ซึ่ง ในเรื่องของการเยียวยาผู้ประสบความเดือดร้อนจากการชุมนุมทางการเมืองนั้น จะต้องทำในลักษณะที่เสมอภาคกันทุกคนทุกเหตุการณ์นับจากหลังวันที่ 19 ก.ย. 2549 เป็นต้นมา ซึ่งแนวทางต่อไปก็จะต้องไปตั้งคณะกรรมการเยียวยาขึ้นมา และให้คณะกรรมการเยียวยาชุดนี้ทำงานภายใต้กอรบการทำงานของคอป.
**"แม้ว"ขออย่าขวางหมู่บ้านแดง
อีกด้าน นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเผยถึงการเดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชาว่า มีโอกาสได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณประมาณ 20 นาที มีการพูดคุยเรื่องการก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ขอร้องไม่ให้ตนต่อต้านการก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง โดยระบุว่าให้ปล่อยให้คนเสื้อแดงดำเนินการเรื่องดังกล่าวไป อย่าไปคัดค้าน เพราะทุกคนก็เป็นลูกน้องเก่าตนทั้งนั้น และอยากให้เอากลับมาทำงานด้วยกันเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ตนก็ได้แต่ตอบว่าครับๆ ไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับท่านมากไปกว่านั้นเพราะเห็นว่าท่านก็มีงานยุ่งมากอยู่แล้วจึงไม่อยากไปเพิ่มเรื่องให้กับท่านอีก ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้เข้าใจผิดว่าตนต้องการจะขวางทั้งหมด หรือต้องการจะตีตัวออกห่างจากนปช.แล้ว แต่ยอมรับว่าคงยากที่จะเอาคนเหล่านี้กลับมาร่วมงานกันอีก เพราะคนเหล่านี้เอาตนไปด่าในเว็ปไซต์ต่างๆ มากมาย ดังนั้นเมื่อไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่อยากเลี้ยง ตอนที่ต่อสู้ไม่เห็นมีใครกล้ามายืนใกล้ตน แต่พอเสื้อแดงชนะก็ออกมากับพรึ่บไปหมด และยังพยายามเสียงดังกว่าตนอีกด้วย