xs
xsm
sm
md
lg

คูปองแหกตาของกระทรวงพลังงาน ฉากบังหน้าการปล้น 100 ล้านของโจรหน้าห้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย  นริพทะพันธุ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน   แถลงข่าวโครงการช่วยเหลือด้านพลังงานแก่ประชาชาชนและผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาอุทกภัย   ซึ่งรวมทั้ง มหกรรมสินค้าฉลากเบอร์ 5 ด้วย เมื่อวันที 21 ธ.ค.ปีที่แล้ว
สำหรับข้าราชการกระทรวงพลังงานนับตั้งแต่ปลัดกระทรวง นายณอคุณ สิทธิพงษ์ และ รองปลัดกระทรวง ลงมาจนถึงอธิบดี ผู้อำนวยการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับกลาง พนักงานชั้นผู้น้อย ปัญหาความวุ่นวายอันเนื่องมาจากคูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2,000 บาท ที่กระทรวงพลังงานแจกให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย เพื่อนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหนเท่านั้น เพราะพวกเขารู้ดีว่า โครงการนี้เป็นโครงการกำมะลอที่นักการเมือง ฉวยโอกาสใช้ความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม แต่งเรื่องปั้นโครงการเพื่อล้วงงบประมาณหลวง เงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันมาเข้ากระเป๋าตัวเอง

ลับหลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้ชอบท่องคาถาซ้ำซากทำนองว่า “รวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องโกง” บรรดาผู้บริหารในกระทรวงเตือนกันเองว่า อย่าเอาชีวิตราชการที่เหลืออยู่ไปเสี่ยงกับโครงการพรรค์อย่างนี้ โดยมีเสียงสำทับว่า “คุก คุกนะโว้ย” แล้วก็ปล่อยให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยแบกภาระรับหน้าเสื่อกันเอาเอง เผชิญกับม็อบของประชาชนที่พบว่า คูปองส่วนลด 2,000 บาท มีข้อจำกัดการใช้มากมาย จนรู้สึกว่าถูกแหกตา

โครงการคูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ เกิดขึ้นอย่างรีบเร่ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เพื่อฉวยโอกาสเอาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นเครื่องมือในการหากิน ด้วยการจัด “มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย” ขึ้นที่ศูนย์การค้าไบเทค บางนา และศาลากลางจังหวัด 26 จังหวัดที่ถูกน้ำท่วม ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555 ผู้ที่มีหลักฐานว่าบ้านถูกน้ำท่วม สามารถไปรับคูปองส่วนลดมูลค่า 2,000 บาทในงานเพื่อนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

เมื่อผู้ที่ได้รับคูปองนำคูปองไปใช้ ก็พบว่า จะได้รับส่วนลด 2,000 บาท เฉพาะกรณีที่ซื้อเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ขนาด 5.9 คิวขึ้นไป และทีวีที่มี standby power 1 วัตต์เท่านั้น ถ้าซื้อสินค้าอื่นจะได้รับส่วนลดไม่ถึง 2,000 บาท เช่น พัดลมลดได้ 200-300 บาท หม้อหุงข้าวลดได้ 200 บาท เตาแก๊สลดได้ 500-800 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ ร้านค้าจำนวนมากปฏิเสธไม่รับคูปองเพราะไม่ได้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งไม่มีหลักประกันว่าจะเอาคูปองไปขึ้นเงินได้จริงหรือไม่ เพราะดูแล้วเลื่อนลอย เหมือนคูปองเถื่อน

ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้ที่ได้รับคูปองรู้สึกว่าถูกแหกตา จึงเกิดการรวมตัวปิดถนนเพื่อประท้วงที่มหาชัย จังหวัดสมุทสาคร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับจังหวัดอื่นๆ ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีการชุมนุมประท้วงให้เป็นข่าวเท่านั้น

การอ่อนประชาสัมพันธ์เงื่อนไขรายละเอียดในการใช้คูปอง ถูกยกขึ้นมาอ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ จนเกิดการชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงทั้งหมดก็คือ โครงการนี้ไม่ได้เกิดขี้นจากความตั้งใจความเต็มใจของกระทรวงพลังงานที่จะช่วยผู้ประสบอุทกภัย แต่เป็นโครงการที่จำใจต้องทำ เพราะถูกบีบบังคับจากบรรดาคนที่อยู่หน้าห้องติดสอยห้อยตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการดึงเอางบประมาณจากหน่วยงานในกระทรวงมาจัด “มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย” ด้วยการวางแผนของ บริษัทรับจัดงานอีเวนต์โนเนมชื่อ “ฟีนิกซ์” ซึ่งจับเสือมือเปล่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่สายสัมพันธ์กับนายพชร นริพทะพันธ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน ลูกที่ใหญ่กว่าพ่อในกระทรวง

โครงการนี้ผ่านการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทีโออาร์หลายรอบ เพราะถูกทักท้วงจากข้าราชการว่าผิดกฎหมาย ถึงขั้น “คุกนะโว้ย” ในที่สุดแล้วก็ออกมาเป็นการแจกคูปองเพื่อนำไปซื้อสินค้าติดฉลากเบอร์ 5 เพื่อให้เข้าเงื่อนไขการใช้เงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสนับสนุนกิจกรรม/โครงการ ที่เป็นการประหยัดพลังงาน โดยเอาโครงการไปยัดเยียดให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นเจ้าของโครงการ

นายพิชัยแถลงว่า ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้มารับคูปอง 1 ล้านครัวเรือน คิดเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท ที่จะต้องชดเชยคืนกลับไปให้ร้านค้า ซึ่งเป็นเงินมิใช่น้อย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานไม่เคยมีคำตอบว่าเงิน 2,000 ล้านบาทนี้จะมาจากไหน ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นใคร มาจากไหน จะมีกลไกป้องกันการทุจริตอย่างไร เพราะโครงการนี้เป็นเพียงฉากบังหน้า เป้าหมายที่แท้จริงคือ การล้วงเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 100 ล้านบาท มาจัดงาน “มหกรรมสินค้าเบอร์ 5”

ประจักษ์พยานแห่งความกำมะลอของโครงการนี้ คือ คำให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารบริษัทเพาเวอร์บาย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ว่า เพาเวอร์บายไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะรายละเอียดของโครงการไม่ชัดเจน ไม่เคยมีการชี้แจง และเรียกผู้ประกอบการไปหารือแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อรับคูปองไปแล้วจะไปรับเงินจากหน่วยงานใดก็ไม่มีคำตอบ มีแต่การประกาศผ่านสื่อเท่านั้น

การจัดงานอีเวนต์ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงานของหน่วยงาน เป็นวิธีการคอร์รัปชันที่ง่าย ได้เงินเร็ว ตรวจสอบยาก และไม่สามารถวัดผลสำเร็จของการใช้เงินได้เลย จึงเป็นวิธีโกงวิธีหนึ่งที่นักการเมืองชอบใช้ โดยมีบริษัทที่จัดงานอีเวนต์ และข้าราชการประจำช่วยชี้ช่องจัดการวางแผนให้ว่าจะต้องทำอย่างไร นักการเมืองมีหน้าที่ชงเรื่องให้ผ่าน บีบบังคับข้าราชการให้ทำตาม แล้วคอยรับค่าตอบแทน หรือ kick back ซึ่งอยู่ในอัตรา 30% ของมูลค่าโครงการทันทีที่มีการเซ็นสัญญาหรือมีการจ่ายเงิน แล้วแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน

โครงการคูปองแหกตานี้ ใช้งบประมาณในการจัดงาน 100 ล้านบาท เป็นเงินที่ล้วงหรือปล้น เอามาจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นเงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันลิตรละ 1 สลึงเข้ากองทุนฯ บริษัทที่มีชื่อว่าเป็นออแกไนเซอร์อย่างเป็นทางการ คือ “เวอร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์” เพราะบริษัทฟีนิกซ์ เป็นบริษัทโนเนม ไม่มีผลงานใหญ่ๆ ที่เป็นไปตามเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้าง จึงใช้เวอร์คพอยท์เป็นนอมินี ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่บริษัทนี้เคยใช้กับโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ที่เชิดเอาบริษัทออแกไนเซอร์เล็กๆ แห่งหนึ่งเป็นผู้รับงาน มูลค่า 35 ล้านบาท ในวันเปิดตัวมีแท็กซี่่มารวมงาน 150 คัน แต่ บริษัท ปตท.เจ้าของเงิน ยินดีและเต็มใจแลกกับที่นายพิชัยให้ขึ้นค่าแก๊สเอ็นจีวีได้

โครงการคูปองแหกตา ซึ่งปล้นเอาเงิน 100 ล้านบาท จากกองทุนอนุรักษ์พลังงงานไปจัดงานที่ศูนย์ไบเทค และศาลากลางจังหวัด 26 จังหวัดนี้ ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ไม่มีการประมูล กระทรวงพลังงานไม่กล้าเปิดเผยว่าใครได้งานนี้ไป งานที่ศูนย์ไบเทคจัด 9 วัน มีแต่รายการบันเทิงที่จัดตามศาลากลาง 26 จังหวัด ไม่ใช่การจัดงานออกร้าน แต่เป็นการตั้งโต๊ะแจกคูปอง ไม่มีค่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายถ้าจะมีก็คือเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ ไม่มีใครเคยเห็นสปอตประชาสัมพันธ์งานนี้ตามทีวี เพราะเลือกซื้อโฆษณาเวลาดึกๆ ราคาถูกๆ

งบประมาณ 100 ล้านบาทที่ปล้นเอาจากผู้ใช้น้ำมัน หลังจากจ่ายค่านอมินีให้เวอร์คพอยท์ฯ หักค่าเช่าศูนย์ไบเทค ค่าจ้างนักร้อง ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ราคาถูกๆ แล้ว ท่านคิดว่าบริษัทฟีนิกซ์ และนักการเมือง หน้าห้อง รัฐมนตรีที่รวยแล้วไม่โกง จะได้แบ่งกันฝ่ายละเท่าไร

นายพิชัยเองก็เผลอยอมรับความล้มเหลวของโครงการนี้โดยไม่ตั้งใจ โดยกล่าวว่ามีประชาชนมาขอคูปองเพียงประมาณ 20% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท หรือประมาณ 2 แสนครัวเรือน น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท หรือ 1 ล้านครัวเรือน แต่แทนที่จะยอมรับความจริงว่า เป็นโครงการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หรือ อย่างน้อยที่สุด ลองตรวจสอบดูว่าความกลวงของบริษัทฟินิกซ์ เป็นสาเหตุแห่งความล้มเหลวหรือไม่ กลับส่งสัญญาณว่าจะเปิดทางให้มีการปล้นรอบที่ 2 โดยจัดงานแจกคูปองขึ้นอีกในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้

นายพิชัยอาจจะไม่รู้เห็นกับการปล้นนี้ก็ได้ เพราะระหว่างห้องทำงานกับหน้าห้อง มีประตู มีผนังกั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่าหน้าห้องทำอะไรกันบ้าง ทำไมไม่อาศัยความเป็นพ่อลูก ถามโฆษกกระทรวงพลังงานดูว่า เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้ จริงหรือเท็จอย่างไร


ถ้านายพิชัยเชื่อว่าตัวเองและพวกพ้องไม่ได้โกง กล้าเปิดเผยไหมว่า ใครคือออแกไนเซอร์งานมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย ใช้งบประมาณเท่าไร เงินมาจากไหน ใช้เงินไปทำอะไรบ้าง เพราะงานก็จบไปแล้ว น่าจะเปิดเผยกันได้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ไม่โกง เพราะรวยจนใช้ไม่หมดอยู่แล้ว

กรณีแจกคูปองแหกตา เพื่อบังหน้าการปล้นเงิน 100 ล้านบาทของผู้ใช้น้ำมันนี้ เป็นเพียงหนังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในกระทรวงพลังงานเท่านั้น เรื่องจริงกำลังทยอยตามมาอีกหลายๆ เรื่อง เพราะขณะนี้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจของกระทรวง กำลังถูกล้วงลูก ควานหางบจัดกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ว่ามีอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อวางแผนปล้นครั้งต่อๆ ไป
กำลังโหลดความคิดเห็น