กรณีแจกคูปองแหกตา เพื่อบังหน้าการปล้นเงิน 100 ล้านบาทของผู้ใช้น้ำมันนี้ เป็นเพียงหนังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในกระทรวงพลังงานเท่านั้น เรื่องจริงกำลังทยอยตามมาอีกหลายๆเรื่อง
สำหรับข้าราชการกระทรวงพลังงาน นับตั้งแต่ปลัดกระทรวง นายณอคุณ สิทธิพงษ์ และ รองปลัดกระทรวง ลงมาจนถึงอธิบดี ผู้อำนวยการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับกลาง พนักงานชั้นผู้น้อย ปัญหาความวุ่นวายอันเนื่องมาจาก คูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2000 บาท ที่กระทรวงพลังงานแจกให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย เพื่อนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่า จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่า จะเกิดขึ้นในรูปแบบไหนเท่านั้น เพราะพวกเขารู้ดีว่า โครงการนี้ เป็นโครงการกำมะลอที่นักการเมือง ฉวยโอกาสใช้ความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม แต่งเรื่อง ปั้นโครงการ เพื่อล้วงงบประมาณหลวง เงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมัน มาเข้ากระเป๋าตัวเอง
ลับหลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้ชอบท่องคาถาซ้ำซากทำนองว่า “รวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องโกง” บรรดาผู้บริหารในกระทรวง เตือนกันเองว่า อย่าเอาชีวิตราชการที่เหลืออยู่ไปเสี่ยงกับโครงการพรรค์อย่างนี้ โดยมีเสียงสำทับว่า “ คุก คุกนะโว้ย” แล้วก็ปล่อยให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย แบกภาระรับหน้าเสื่อกันเอาเอง เผชิญกับม็อบของประชาชนที่พบว่า คูปองส่วนลด 2000 บาท มีข้อจำกัดการใช้มากมาย จนรู้สึกว่า ถูกแหกตา
โครงการคูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ เกิดขึ้นอย่างรีบเร่ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เพื่อฉวยโอกาส เอาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นเครื่องมือในการหากิน ด้วยการจัด “ มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย” ขึ้นที่ ศูนย์การค้าไบเทค บางนา และศาลากลางจังหวัด 26 จังหวัดที่ถูกน้ำท่วม ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555 ผู้ที่มีหลักฐานว่า บ้านถูกน้ำท่วม สามารถไปรับคูปองส่วนลดมูลค่า 2000 บาทในงานเพื่อนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
เมื่อผู้ที่ได้รับคูปอง นำคูปองไปใช้ ก็พบว่า จะได้รับส่วนลด 2000 บาท เฉพาะกรณีที่ซื้อเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ขนาด 5.9 คิวขึ้นไปและทีวีที่มี standby power 1 วัตต์ เท่านั้น ถ้าซื้อสินค้าอื่น จะได้รับส่วนลดไม่ถึง 2000 บาท เช่น พัดลมลดได้ 200-300 บาท หม้อหุงข้าว ลดได้ 200 บาท เตาแก๊สลดได้ 500-800 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ ร้านค้าจำนวนมาก ปฏิเสธไม่รับคูปอง เพราะไม่ได้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งไม่มีหลักประกันว่า จะเอาคูปองไปขึ้นเงินได้จริงหรือไม่ เพราะดูแล้วเลื่อนลอย เหมือนคูปองเถื่อน
ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ผู้ที่ได้รับคูปอง รู้สึกว่า ถูกแหกตา จึงเกิดการรวมตัวปิดถนนเพื่อประท้วง ที่มหาชัย จังหวัดสมุทสาคร และจังหวัดอยุธยา สำหรับจังหวัดอื่นๆ ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีการชุมนุมประท้วงให้เป็นข่าวเท่านั้น
การอ่อน ประชาสัมพันธ์ เงื่อนไข รายละเอียดในการใช้คูปอง ถูกยกขึ้นมาอ้างว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ จนเกิดการชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงทั้งหมดก็คือ โครงการนี้ ไม่ได้เกิดขี้นจากความตั้งใจ ความเต็มใจของกระทรวงพลังงาน ที่จะช่วยผู้ประสบอุทกภัย แต่เป็นโครงการที่จำใจต้องทำ เพราะถูกบีบบังคับจากบรรดาคนที่อยู่หน้าห้อง ติดสอยห้อยตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการดึงเอางบประมาณ จากหน่วยงานในกระทรวงมาจัด “ มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย” ด้วยการวางแผนของ บริษัทรับจัดงานอีเวนท์โนเนมชื่อ “ ฟีนิกซ์” ซึ่งจับเสือมือเปล่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่สายสัมพันธ์กับ นายพชร นริพทะพันธ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน ลูกที่ใหญ่กว่าพ่อในกระทรวง
โครงการนี้ ผ่านการแก้ไข เปลี่ยนแปลงทีโออาร์หลายรอบ เพราะถูกทักท้วงจากข้าราชการว่าผิดกฎหมาย ถึงขั้น “ คุก นะโว้ย” ในที่สุดแล้ว ก็ออกมาเป็นการแจกคูปอง เพื่อนำไปซื้อสินค้าติดฉลากเบอร์ 5 เพื่อให้เข้าเงื่อนไข การใช้เงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสนับสนุนกิจกรรม /โครงการ ที่เป็นการประหยัดพลังงาน โดยเอาโครงการไปยัดเยียดให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นเจ้าของโครงการ
นายพิชัย แถลงว่า ตั้งเป้าหมายว่า จะมีผู้มารับคูปอง 1ล้านครัวเรือน คิดเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท ที่จะต้องชดเชยคืนกลับไปให้ร้านค้า ซึ่งเป็นเงินมิใช่น้อย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน ไม่เคยมีคำตอบว่า เงิน 2000 ล้านบาทนี้ จะมาจากไหน ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นใคร มาจากไหน จะมีกลไกป้องกัน การทุจริตอย่างไร เพราะโครงการนี้ เป็นเพียงฉากบังหน้า เป้าหมายที่แท้จริงคือ การล้วงเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 100 ล้านบาท มาจัดงาน “ มหกรรมสินค้าเบอร์ 5”
ประจักษ์ พยานแห่งความกำมะลอของโครงการนี้ คือ คำให้สัมภาณ์ของ ผู้บริหาร บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ว่า เพาเวอร์บายไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะรายละเอียดของโครงการไม่ชัดเจน ไม่เคยมีการชี้แจง และเรียกผู้ประกอบการไปหารือแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อรับคูปองไปแล้วจะไปรับเงินจากหน่วยงานใดก็ไม่มีคำตอบ มีแต่การประกาศผ่านสื่อเท่านั้น
การจัดงานอีเวนท์ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงานของหน่วยงาน เป็นวิธีการคอร์รัปชั่น ที่ง่าย ได้เงินเร็ว ตรวจสอบยาก และไม่สามารถวัดผลสำเร็จของการใช้เงินได้เลย จึงเป็นวิธีโกง วิธีหนึ่งที่นักการเมืองชอบใช้ โดยมี บริษัทที่จัดงานอีเวนท์ และข้าราชการประจำ ช่วยชี้ช่อง จัดการวางแผนให้ว่า จะต้องทำอย่างไร นักการเมืองมีหน้าที่ชงเรื่องให้ผ่าน บีบบังคับข้าราชการให้ทำตาม แล้วคอยรับค่าตอบแทน หรือ kickback ซึ่งอยู่ในอัตรา30% ของมูลค่าโครงการ ทันทีที่มีการเซ็นสัญญา หรือมีการจ่ายเงิน แล้วแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน
โครงการ คูปองแหกตานี้ ใช้งบประมาณในการจัดงาน 100 ล้านบาท เป็นเงินที่ล้วง หรือปล้น เอามาจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นเงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมัน ลิตรละ หนึ่งสลึง เข้ากองทุนฯ บริษัทที่มีชื่อว่า เป็น ออร์กาไนเซอร์อย่างเป็นทางการ คือ “เวอร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์” เพราะบริษัทฟีนิกซ์ เป็นบริษัทโนเนม ไม่มีผลงานใหญ่ๆที่เป็นไปตามเงือนไขการจัดซื้อจัดจ้าง จึงใช้เวอร์คพอยท์ เป็นนอมินี ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่บริษัทนี้เคยใช้กับ โครงการบัตรเครดิตพลังงาน ที่เชิดเอาบริษัทออร์การไนเซอร์เล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นผู้รับงาน มูลค่า 35 ล้านบาท ในวันเปิดตัว มีแท็กซี่มารวมงาน 150 คัน แต่ บริษัท ปตท. เจ้าของเงิน ยินดีและเต็มใจ แลกกับที่นายพิชัย ให้ขึ้นค่าแก๊สเอ็นจีวีได้
โครงการคูปองแหกตา ซึ่งปล้นเอาเงิน 100 ล้านบาท จากกองทุนอนุรักษ์พลังงงานไปจัดงานที่ศูนย์ไบเทค และศาลากลางจังหวัด 26 จังหวัดนี้ ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ไม่มีการประมูล กระทรวงพลังงาน ไม่กล้าเปิดเผยว่า ใครได้งานนี้ไป งานที่ศูนย์ไบเทคจัด 9 วัน มีแต่รายการบันเทิง ที่จัดตามศาลากลาง 26 จังหวัด ไม่ใช่การจัดงานออกร้าน แต่เป็นการตั้งโต๊ะแจกคูปอง ไม่มีค่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายถ้าจะมีก็คือเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ ไม่มีใครเคยเห็นสปอตประชาสัมพันธ์งานนี้ตามทีวี เพราะเลือกซื้อโฆษณาเวลาดึกๆ ราคาถูกๆ
งบประมาณ 100 ล้านบาท ที่ปล้นเอาจากผู้ใช้น้ำมัน หลังจากจ่ายค่านอมินีให้เวอร์คพอยท์ฯ หักค่าเช่าศูนย์ไบเทค ค่าจ้างนักร้อง ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ราคาถูกๆ แล้ว ท่านคิดว่า บริษัทฟีนิกซ์ และนักการเมือง หน้าห้อง รัฐมนตรีที่รวยแล้วไม่โกง จะได้แบ่งกันฝ่ายละเท่าไร
นายพิชัยเอง ก็เผลอยอมรับความล้มเหลวของโครงการนี้ โดยไม่ตั้งใจ โดยกล่าวว่า มีประชาชนมาขอคูปองเพียงประมาณ 20% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท หรือประมาณ 2 แสนครัวเรือน น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท หรือ 1 ล้านครัวเรือน แต่แทนที่จะยอมรับความจริงว่า เป็นโครงการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หรือ อย่างน้อยที่สุด ลองตรวจสอบดูว่า ความกลวงของ บริษัทฟินิกซ์ เป็นสาเหตุแห่งความล้มเหลวหรือไม่ กลับส่งสัญญาณว่า จะเปิดทางให้มีการปล้นรอบที่ 2 โดยจัดงานแจกคูปองขึ้นอีกในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้
นายพิชัย อาจจะไม่รู้เห็นกับการปล้นนี้ก็ได้ เพราะระหว่างห้องทำงานกับหน้าห้อง มีประตู มีผนังกั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่า หน้าห้องทำอะไรกันบ้าง ทำไมไม่อาศัยความเป็นพ่อลูก ถามโฆษกกระทรวงพลังงานดูว่า เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้ จริงหรือเท็จอย่างไร
ถ้านายพิชัยเชื่อว่า ตัวเอง และพวกพ้อง ไม่ได้โกง กล้าเปิดเผยไหมว่า ใครคือ ออร์กาไนเซอร์งาน มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย ใช้งบประมาณเท่าไร เงินมาจากไหน ใช้เงินไปทำอะไรบ้าง เพราะงานก็จบไปแล้ว น่าจะเปิดเผยกันได้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ไม่โกง เพราะรวยจนใช้ไม่หมดอยู่แล้ว
กรณีแจกคูปองแหกตา เพื่อบังหน้าการปล้นเงิน 100 ล้านบาทของผู้ใช้น้ำมันนี้ เป็นเพียงหนังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในกระทรวงพลังงานเท่านั้น เรื่องจริงกำลังทยอยตามมาอีกหลายๆเรื่อง เพราะขณะนี้ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจของกระทรวง กำลังถูกล้วงลูก ควานหางบจัดกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ ว่า มีอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อวางแผนปล้นครั้งต่อๆไป
สำหรับข้าราชการกระทรวงพลังงาน นับตั้งแต่ปลัดกระทรวง นายณอคุณ สิทธิพงษ์ และ รองปลัดกระทรวง ลงมาจนถึงอธิบดี ผู้อำนวยการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับกลาง พนักงานชั้นผู้น้อย ปัญหาความวุ่นวายอันเนื่องมาจาก คูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2000 บาท ที่กระทรวงพลังงานแจกให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย เพื่อนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่า จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่า จะเกิดขึ้นในรูปแบบไหนเท่านั้น เพราะพวกเขารู้ดีว่า โครงการนี้ เป็นโครงการกำมะลอที่นักการเมือง ฉวยโอกาสใช้ความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม แต่งเรื่อง ปั้นโครงการ เพื่อล้วงงบประมาณหลวง เงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมัน มาเข้ากระเป๋าตัวเอง
ลับหลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้ชอบท่องคาถาซ้ำซากทำนองว่า “รวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องโกง” บรรดาผู้บริหารในกระทรวง เตือนกันเองว่า อย่าเอาชีวิตราชการที่เหลืออยู่ไปเสี่ยงกับโครงการพรรค์อย่างนี้ โดยมีเสียงสำทับว่า “ คุก คุกนะโว้ย” แล้วก็ปล่อยให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย แบกภาระรับหน้าเสื่อกันเอาเอง เผชิญกับม็อบของประชาชนที่พบว่า คูปองส่วนลด 2000 บาท มีข้อจำกัดการใช้มากมาย จนรู้สึกว่า ถูกแหกตา
โครงการคูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ เกิดขึ้นอย่างรีบเร่ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เพื่อฉวยโอกาส เอาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นเครื่องมือในการหากิน ด้วยการจัด “ มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย” ขึ้นที่ ศูนย์การค้าไบเทค บางนา และศาลากลางจังหวัด 26 จังหวัดที่ถูกน้ำท่วม ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555 ผู้ที่มีหลักฐานว่า บ้านถูกน้ำท่วม สามารถไปรับคูปองส่วนลดมูลค่า 2000 บาทในงานเพื่อนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
เมื่อผู้ที่ได้รับคูปอง นำคูปองไปใช้ ก็พบว่า จะได้รับส่วนลด 2000 บาท เฉพาะกรณีที่ซื้อเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ขนาด 5.9 คิวขึ้นไปและทีวีที่มี standby power 1 วัตต์ เท่านั้น ถ้าซื้อสินค้าอื่น จะได้รับส่วนลดไม่ถึง 2000 บาท เช่น พัดลมลดได้ 200-300 บาท หม้อหุงข้าว ลดได้ 200 บาท เตาแก๊สลดได้ 500-800 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ ร้านค้าจำนวนมาก ปฏิเสธไม่รับคูปอง เพราะไม่ได้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งไม่มีหลักประกันว่า จะเอาคูปองไปขึ้นเงินได้จริงหรือไม่ เพราะดูแล้วเลื่อนลอย เหมือนคูปองเถื่อน
ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ผู้ที่ได้รับคูปอง รู้สึกว่า ถูกแหกตา จึงเกิดการรวมตัวปิดถนนเพื่อประท้วง ที่มหาชัย จังหวัดสมุทสาคร และจังหวัดอยุธยา สำหรับจังหวัดอื่นๆ ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีการชุมนุมประท้วงให้เป็นข่าวเท่านั้น
การอ่อน ประชาสัมพันธ์ เงื่อนไข รายละเอียดในการใช้คูปอง ถูกยกขึ้นมาอ้างว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ จนเกิดการชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงทั้งหมดก็คือ โครงการนี้ ไม่ได้เกิดขี้นจากความตั้งใจ ความเต็มใจของกระทรวงพลังงาน ที่จะช่วยผู้ประสบอุทกภัย แต่เป็นโครงการที่จำใจต้องทำ เพราะถูกบีบบังคับจากบรรดาคนที่อยู่หน้าห้อง ติดสอยห้อยตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการดึงเอางบประมาณ จากหน่วยงานในกระทรวงมาจัด “ มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย” ด้วยการวางแผนของ บริษัทรับจัดงานอีเวนท์โนเนมชื่อ “ ฟีนิกซ์” ซึ่งจับเสือมือเปล่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่สายสัมพันธ์กับ นายพชร นริพทะพันธ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน ลูกที่ใหญ่กว่าพ่อในกระทรวง
โครงการนี้ ผ่านการแก้ไข เปลี่ยนแปลงทีโออาร์หลายรอบ เพราะถูกทักท้วงจากข้าราชการว่าผิดกฎหมาย ถึงขั้น “ คุก นะโว้ย” ในที่สุดแล้ว ก็ออกมาเป็นการแจกคูปอง เพื่อนำไปซื้อสินค้าติดฉลากเบอร์ 5 เพื่อให้เข้าเงื่อนไข การใช้เงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสนับสนุนกิจกรรม /โครงการ ที่เป็นการประหยัดพลังงาน โดยเอาโครงการไปยัดเยียดให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นเจ้าของโครงการ
นายพิชัย แถลงว่า ตั้งเป้าหมายว่า จะมีผู้มารับคูปอง 1ล้านครัวเรือน คิดเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท ที่จะต้องชดเชยคืนกลับไปให้ร้านค้า ซึ่งเป็นเงินมิใช่น้อย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน ไม่เคยมีคำตอบว่า เงิน 2000 ล้านบาทนี้ จะมาจากไหน ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นใคร มาจากไหน จะมีกลไกป้องกัน การทุจริตอย่างไร เพราะโครงการนี้ เป็นเพียงฉากบังหน้า เป้าหมายที่แท้จริงคือ การล้วงเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 100 ล้านบาท มาจัดงาน “ มหกรรมสินค้าเบอร์ 5”
ประจักษ์ พยานแห่งความกำมะลอของโครงการนี้ คือ คำให้สัมภาณ์ของ ผู้บริหาร บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ว่า เพาเวอร์บายไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะรายละเอียดของโครงการไม่ชัดเจน ไม่เคยมีการชี้แจง และเรียกผู้ประกอบการไปหารือแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อรับคูปองไปแล้วจะไปรับเงินจากหน่วยงานใดก็ไม่มีคำตอบ มีแต่การประกาศผ่านสื่อเท่านั้น
การจัดงานอีเวนท์ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงานของหน่วยงาน เป็นวิธีการคอร์รัปชั่น ที่ง่าย ได้เงินเร็ว ตรวจสอบยาก และไม่สามารถวัดผลสำเร็จของการใช้เงินได้เลย จึงเป็นวิธีโกง วิธีหนึ่งที่นักการเมืองชอบใช้ โดยมี บริษัทที่จัดงานอีเวนท์ และข้าราชการประจำ ช่วยชี้ช่อง จัดการวางแผนให้ว่า จะต้องทำอย่างไร นักการเมืองมีหน้าที่ชงเรื่องให้ผ่าน บีบบังคับข้าราชการให้ทำตาม แล้วคอยรับค่าตอบแทน หรือ kickback ซึ่งอยู่ในอัตรา30% ของมูลค่าโครงการ ทันทีที่มีการเซ็นสัญญา หรือมีการจ่ายเงิน แล้วแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน
โครงการ คูปองแหกตานี้ ใช้งบประมาณในการจัดงาน 100 ล้านบาท เป็นเงินที่ล้วง หรือปล้น เอามาจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นเงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมัน ลิตรละ หนึ่งสลึง เข้ากองทุนฯ บริษัทที่มีชื่อว่า เป็น ออร์กาไนเซอร์อย่างเป็นทางการ คือ “เวอร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์” เพราะบริษัทฟีนิกซ์ เป็นบริษัทโนเนม ไม่มีผลงานใหญ่ๆที่เป็นไปตามเงือนไขการจัดซื้อจัดจ้าง จึงใช้เวอร์คพอยท์ เป็นนอมินี ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่บริษัทนี้เคยใช้กับ โครงการบัตรเครดิตพลังงาน ที่เชิดเอาบริษัทออร์การไนเซอร์เล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นผู้รับงาน มูลค่า 35 ล้านบาท ในวันเปิดตัว มีแท็กซี่มารวมงาน 150 คัน แต่ บริษัท ปตท. เจ้าของเงิน ยินดีและเต็มใจ แลกกับที่นายพิชัย ให้ขึ้นค่าแก๊สเอ็นจีวีได้
โครงการคูปองแหกตา ซึ่งปล้นเอาเงิน 100 ล้านบาท จากกองทุนอนุรักษ์พลังงงานไปจัดงานที่ศูนย์ไบเทค และศาลากลางจังหวัด 26 จังหวัดนี้ ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ไม่มีการประมูล กระทรวงพลังงาน ไม่กล้าเปิดเผยว่า ใครได้งานนี้ไป งานที่ศูนย์ไบเทคจัด 9 วัน มีแต่รายการบันเทิง ที่จัดตามศาลากลาง 26 จังหวัด ไม่ใช่การจัดงานออกร้าน แต่เป็นการตั้งโต๊ะแจกคูปอง ไม่มีค่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายถ้าจะมีก็คือเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ ไม่มีใครเคยเห็นสปอตประชาสัมพันธ์งานนี้ตามทีวี เพราะเลือกซื้อโฆษณาเวลาดึกๆ ราคาถูกๆ
งบประมาณ 100 ล้านบาท ที่ปล้นเอาจากผู้ใช้น้ำมัน หลังจากจ่ายค่านอมินีให้เวอร์คพอยท์ฯ หักค่าเช่าศูนย์ไบเทค ค่าจ้างนักร้อง ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ราคาถูกๆ แล้ว ท่านคิดว่า บริษัทฟีนิกซ์ และนักการเมือง หน้าห้อง รัฐมนตรีที่รวยแล้วไม่โกง จะได้แบ่งกันฝ่ายละเท่าไร
นายพิชัยเอง ก็เผลอยอมรับความล้มเหลวของโครงการนี้ โดยไม่ตั้งใจ โดยกล่าวว่า มีประชาชนมาขอคูปองเพียงประมาณ 20% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท หรือประมาณ 2 แสนครัวเรือน น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท หรือ 1 ล้านครัวเรือน แต่แทนที่จะยอมรับความจริงว่า เป็นโครงการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หรือ อย่างน้อยที่สุด ลองตรวจสอบดูว่า ความกลวงของ บริษัทฟินิกซ์ เป็นสาเหตุแห่งความล้มเหลวหรือไม่ กลับส่งสัญญาณว่า จะเปิดทางให้มีการปล้นรอบที่ 2 โดยจัดงานแจกคูปองขึ้นอีกในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้
นายพิชัย อาจจะไม่รู้เห็นกับการปล้นนี้ก็ได้ เพราะระหว่างห้องทำงานกับหน้าห้อง มีประตู มีผนังกั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่า หน้าห้องทำอะไรกันบ้าง ทำไมไม่อาศัยความเป็นพ่อลูก ถามโฆษกกระทรวงพลังงานดูว่า เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้ จริงหรือเท็จอย่างไร
ถ้านายพิชัยเชื่อว่า ตัวเอง และพวกพ้อง ไม่ได้โกง กล้าเปิดเผยไหมว่า ใครคือ ออร์กาไนเซอร์งาน มหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย ใช้งบประมาณเท่าไร เงินมาจากไหน ใช้เงินไปทำอะไรบ้าง เพราะงานก็จบไปแล้ว น่าจะเปิดเผยกันได้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ไม่โกง เพราะรวยจนใช้ไม่หมดอยู่แล้ว
กรณีแจกคูปองแหกตา เพื่อบังหน้าการปล้นเงิน 100 ล้านบาทของผู้ใช้น้ำมันนี้ เป็นเพียงหนังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในกระทรวงพลังงานเท่านั้น เรื่องจริงกำลังทยอยตามมาอีกหลายๆเรื่อง เพราะขณะนี้ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจของกระทรวง กำลังถูกล้วงลูก ควานหางบจัดกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ ว่า มีอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อวางแผนปล้นครั้งต่อๆไป