โฆษก ปชป.จี้รัฐง้างปากแจงสาเหตุมหาอุทกภัยปี 54 โดยยอมรับว่า เป็นการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ก่อนวางแผนใช้เงิน 3.5 แสนล้าน ในการบูรณะประเทศ แฉ “พิชัย” หัวใสออกโครงการคูปอง แหกตา ปชช.เข้าใจเป็นส่วนลด ปล่อยให้พิมพ์จนเปรอะเกินกำหนด
วันนี้ (8 ม.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำถามที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการที่จะถามไปยังรัฐบาล คือ ก่อนที่จะไปวางแผนใช้เงินจำนวน 3.5 แสนล้าน ในการทำโครงสร้างพื้นฐาน หรือบูรณะ ฟื้นฟูประเทศ เพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดอีกในอนาคต ประชาชนมีคำถามหนึ่งที่อยากจะถามคือน้ำท่วมที่เกิดขึ้นมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพราะอะไร และตนยังไม่เห็นว่า กยน., กยอ., ศปภ.หรือใครก็ตามที่อยู่ในรัฐบาลออกมา ระบุว่า สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดน้ำท่วม เกิดจากอะไร เพราะหลายคนทราบดีว่า ปริมาณน้ำมากกว่าปีก่อนๆ แต่ไม่ได้มากกว่าชนิดที่ว่าจะเกิดอุทกภัยหนักแบบที่ผ่านมา
“อยากให้รัฐบาลมีความกล้าในการออกมาพูดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อประชาชน น้ำที่ท่วมปีที่แล้วสาเหตุหลักเกิดจากอะไร จากโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ หรือพื้นที่รับน้ำไม่เพียงพอ หรือเกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดของรัฐบาล และรัฐบาลจะเอาความผิดพลาดของตัวเอง ไปปิดซ่อนและใช้เงินอีกประมาณ 7 แสนล้านเพื่อปกปิด คงไม่ถูกต้อง” โฆษก ปชป.กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลพยายามพูดมาเสมอในช่วงต้นที่เกิดน้ำท่วม ว่า รัฐบาลชุดที่แล้วเป็นผู้เก็บน้ำไว้ ดังนั้น คำถามหากรัฐบาลที่แล้วเป็นผู้เก็บน้ำไว้สถานการณ์ปีหน้าก็ไม่น่าหนัก เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเองแล้ว 7 แสนล้านที่ลงทุนไป อาจไม่จำเป็น เพราะหากคิดว่ารัฐบาลที่แล้วที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ในขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างนี้หมายความว่าเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของตนเอง ก็ต้องกล้าที่ออกมายอมรับ ก่อนที่จะมาขอเงินประชาชนไปใช้ ว่าความผิดพลาดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย เกิดจากอะไร และการที่จะกำหนดจุดฟลัดเวย์ หรือแก้มลิงในพื้นที่ต่างก็คงไม่เป็นธรรม ถ้าขณะนี้รัฐบาลโดยคณะกรรมกรชุดใดๆทจะออกมาระบุว่าพื้นที่ตรงนั้น ตรงนี้จะเป็นฟลัดเวย์ หรือ พื้นที่รับน้ำ เพราะพื้นที่เหล่านี้โดยธรรมชาติโดยภูมิศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ แต่เนื่องจากความผิดพลาดของรัฐบาล เรื่องการบริหารที่ผิดพลาดของ ศปภ.ที่ทำให้พื้นที่เหล่านี้ในอนาคตเป็นพื้นที่ที่ต้องรับกรรม และต่อไปถ้าจะไปเหมารวมว่าเป็นพื้นที่ที่ต้องรับน้ำก็คงไม่ถูกต้อง
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็น นายวีระพงษ์ รามางกูร ประธาน กยอ.หรือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกระหายอย่างมากที่จะกู้เงินล้วงเงินจากธปท. แต่ไม่เคยมีแผนรองรับ และไม่เคยได้ยินว่า จะสร้างอะไรที่ไหน และตนเชื่อว่า ทั้ง 2 คนก็ยังไม่ทราบ รัฐบาลเพียงต้องการมีเงินเข้ามากองไว้ในกระเป๋าก่อน
“อยากเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้และเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าสถานการณัที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วว่าเกิดจากอะไร ต่อประชาชนด้วย จากนั้นจึงมากำหนดนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ อย่าให้ประชาชนต้องมารับกรรมจากการทำงานที่ไร้ฝีมือจากพวกท่าน อย่าให้ประเทศต้องมาเป็นหนี้กับการไร้ศักยภาพของพวกท่าน” นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ ยังกล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนการในเรื่อง คูปอง จำนวน 2,000 บาท ของกระทรวงพลังงานที่ประชาชนสามารถนำเป็นส่วนลดในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่า ประชาชนไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของโครงการ และการใช้ประโยชน์ของคูปองไม่ได้เป็นไปตามที่มีการโฆษณาไว้ และยังมีการซื้อขายคูปอง ทางพรรคจึงมีคำถามว่ารัฐบาลมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร ตนไม่แน่ใจว่า รมว.พลังงาน มีอำนาจในการอนุมัติเงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน จำนวนมหาศาลขณะนี้ และนำมาใช้ในการที่ไม่มีการตรวจสอบ จะเข้าข่ายผิดกกฎหมายหรือไม่
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญที่ต่อเนื่องมาอีก คือ รมว.พลังงาน ออกมากล่าวว่า มีการแจกจ่ายคูปองดังกล่าวไปประมาณร้อยละ 20 ในส่วนต้นปี และส่วนที่เหลือจะดำเนินการในช่วงปลายปี รวมแล้วประมาณ 1 ล้านใบ ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่คูปองที่อยู่ในมือตนเวลานี้ หมายเลข 746,320 ตรงนี้หมายความว่าอะไร เพราะที่บอกว่าแจกจ่ายไปเพียง 20 เปอร์เซนต์ของ 1 ล้าน คือ2 แสนใบ แต่ทำไมเล่มที่ 746,320 ออกมาแล้ว หรือว่าเป็นแจกถอยหลัง อยากจะถามมีการพิมพ์กันจนเปรอะ เพราะพิมพ์เท่าไรก็ได้ แล้วไปแปรเป็นเงินสด 2,000 บาทในกระเป๋า และที่หนักก็คือเมื่อเปิดคูปองดูจะพบว่า คูปอง 100 บาท ไม่ได้เขียนอะไรไว้เลยว่าสามารถไปซื้ออะไรได้ที่ไหนอย่างไร ไม่ได้เขียนว่าเป็นส่วนลดตามที่ รมว.พลังงาน กล่าวอ้าง ดังนั้นจึงมีประชาชนที่ไม่พอใจออกมาปิดถนนตามที่ต่างๆ เพราะหากใครได้รับคูปองมาก็ต้องเข้าใจว่าเป็นคูปองเงินสด แต่เมื่อนำไปซื้อของก็ไม่ได้ และหากจะใช้หมดเล่มก็ต้องมีเงินสดในมือ อย่างน้อย 1 หมื่นบาท ถึงจะลดได้ 2,000 บาท
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ก็จะมีคำถามตามมาว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้คูปอง เป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ได้รับเงินชดเชย 5,000 บาท เพราะใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน เวลานี้จึงอยากจะถามว่า รัฐบาลกำลังอยากจะได้ส่วน5,000 บาทคืนผ่านโครงการคูปอง หลายพื้นที่ได้รับเงิน 5,000 บาทแล้วเดินไปรับคูปอง แล้วมีการจัดสถานที่ซื้อขายเครื่องใช้ไฟฟ้า จากผู้ค้าเพียงไม่มีกี่ราย ผสมกันระหว่าง 5 พันกับ 2 พันบาท แล้วยังทำให้บริษัทเอกชนได้โล๊ะสต๊อกตอนสิ้นปีพอดี ตรงนี้รัฐบาลโดยเฉพาะ นายพิชัย นริพทพันธุ์ รมว.พลังงาน ที่มีนโยบายหัวใส ควรที่จะออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่ามีใครได้ไปแล้วเท่าไหร่ และทำไมตัวเลขคูปองไม่ตรงกับที่อธิบาย เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนเป็นการพิมพ์ธนบัตรจำนวน 2 ,000 บาท ไปแจกให้ประชาชนแล้วเอาไปขึ้นเงินที่กระทรวงพลังงาน และเรื่องที่เกิดขึ้น ตนมองว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นที่กระทรวงพลังงาน