นายกฯ ฟุ้งแผนอนุมัติงบสร้างสะพานคลองกาย 45 ล้าน หลังลงพื้นที่ นบพิตำ โวมอบ “ยงยุทธ” ชงเรื่องช่วยน้ำท่วมใต้ เข้า ครม.แจง โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไปแบงก์ชาติ ไม่กระทบเงินทุนสำรอง-ไม่พิมพ์แบงก์เพิ่มแน่ ยัน รัฐบาลไม่ทำลายระเบียบวินัยการเงิน-การคลัง ไขสือ ไม่รู้เรื่อง “กิติศักดิ์” สัญญา “ทักษิณ” 6 เดือน ทิ้งเก้าอี้ รมช.คมนาคม
วันนี้ (8 ม.ค.) ที่ บน.6 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังลงเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ว่า การลงไปครั้งนี้เพื่อไปให้กำลังใจชาวนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกัน ก็ได้ลงไปติดตามการช่วยเหลือ ซึ่งตอนเกิดปัญหาอุทกภัย ตนได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแล ซึ่งวันนี้ที่ลงไปได้ไปตรงจุดสะพานคลองกาย ที่พังตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเดือน มี.ค.54 ที่ผ่านมา และยังไม่ได้มีการก่อสร้าง ทางชาวบ้านก็ร้องขอ ทั้งนี้ ตลอดเวลาทางผู้ว่าราชการจังหวัด และทางกองทัพ ได้ทำสะพานแบริ่งให้ใช้ชั่วคราว แต่จากการไปดูสภาพในพื้นที่ พบว่า เส้นทางยังขาดการจราจร จึงได้เห็นชอบให้นำเสนอเข้าคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (กฟย.) ที่ นายยงยุทธ เป็นประธาน เพื่อทำเรื่องขออนุมัติให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดการก่อสร้างโดยเร็ว ซึ่งจะใช้งบประมาณ 45 ล้านบาท
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง และต้องอพยพ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนั้น จึงได้ให้ นายปรีชา จัดหาพื้นที่ชั่วคราวให้ประชาชนโดยทันที เพื่อให้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย ส่วนการซ่อมสะพานจุดอื่นๆ ให้ใช้งบประมาณของจังหวัด 5 ล้าน ซึ่งทั้งหมดได้เห็นชอบอนุมัติเงินทั้งหมด 50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักเกณฑ์การช่วยเหลือต่างจากภาคอื่นอย่างไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์พื้นฐานทั่วไปเหมือนกันหมด คือ บ้านที่น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำท่วมขังเกิน 7 วัน จะได้รับเงิน 5,000 บาท และได้เงินช่วยเหลือซ่อมบ้านเรือนไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งได้มีการแจกค่าเยียวยานี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดมีงบสำรองฉุกเฉินที่ได้ให้ผู้ว่าฯไว้ทั้ง 9 จังหวัด ตั้งแต่วันแรกที่ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินรุนแรง ทั้งนี้ นอกจากจะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนแล้ว ยังได้มีการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ไปปรับปรุงการแก้ปัญหาในส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)
เมื่อถามถึงปัญหาคูปอง 2,000 บาท ที่รัฐบาลแจกให้ประชาชนเป็นส่วนลดในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ เป็นนโยบายของกระทรวงพลังงานที่เน้นให้มีการประหยัดพลังงาน ซึ่งตนเห็นว่า ประชาชนเดือดร้อนจากอุทกภัย จึงได้มีนโยบายร่วมกับกระทรวงพลังงาน หากนำคูปองเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 จะได้ส่วนลด โดยที่ซื้อสินค้าวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่ได้หมายความว่า ซื้อครั้งเดียว 1 หมื่นบาท คือ ได้รับส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นกองทุนที่จะมาช่วยเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดยเช็กรายชื่อที่กระทรวงมหาดไทย
“ขอกราบขอโทษประชาชน พึ่งทราบว่า มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ ซึ่งได้สั่งการให้ รมว.พลังงาน ลงไปดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน จะมีการจัดทำโครงการขึ้นใหม่ในช่วงตรุษจีน แต่ปัญหาที่เกิดจะนำไปปรับปรุง เพราะอยากให้เป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งประชาชนจำเป็นต้องซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งปกติจะไม่ได้ลดพิเศษได้” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ประชาชนไม่เข้าใจ และมีกรอบเวลาที่บังคับอยู่ จะแก้ไขอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะขอรับไปขยายเวลาใหม่ และจะแจ้งให้ทราบภายหลัง เพราะได้สั่งการไปแล้วให้ทบทวน
เมื่อถามว่า ถือเป็นความล้มเหลวได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อย่าเรียกว่าเป็นความล้มเหลวเลย ขอให้ดูที่เจตนา และเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายใหญ่ที่เราแถลงในรัฐสภา แต่เป็นมาตรการหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชน และโครงการนี้ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนมาก ทำให้สินค้าต่างๆ ไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน โรงงานปิดไม่เพียงพอ จึงขอกราบอภัยพี่น้องประชาชนและจะนำไปแก้ไข
เมื่อถามว่า จากนี้ไปต้องทบทวนมาตรการช่วยเหลือของกระทรวงต่างๆ ก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของทุกกระทรวงที่จะดูแลอย่างใกล้ชิด ในฐานะนายกฯมีหน้าที่มอบนโยบาย ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องนำไปศึกษา แต่ขอให้เห็นใจ เราเองไม่สามารถไปย้อนดูได้ทุกขั้นตอน เพราะงานเยอะจริงๆ และการดูแลต้องดูแลคนทั้งประเทศ แต่ขอรับตรงนี้ไปแก้ไข
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 ฉบับ โดยล่าสุด ศิษย์หลวงตามหาบัว ออกมาคัดค้านการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ สถาบันการเงิน ไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า โดยหลักแล้วเป็นหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่รัฐบาลรับภาระ และเป็นหนี้สาธารณะของประชาชนอย่างยาวนานไม่จบ และจากนโยบายต่างๆ ในปีหน้า เราต้องใช้เงินในการดูแลแก้ปัญหาน้ำอย่างถาวร ถ้าเราไม่เริ่มทำจุดนี้ ความมั่นใจของประชาชนและต่างชาติก็ยาก และการที่เราจะไปขยับเพดานของหนี้สาธารณะ ซึ่งวันนี้สูงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ก็จะเป็นปัญหา ทั้งนี้ นายวีรพงษ์ รามางกูร และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ได้ชี้แจงผ่านรายการยิ่งลักษณ์พบประชาชน ไปแล้ว ขอเรียนว่า เราทำไปเพื่อให้มีโอกาสออกกฎหมายกู้เงิน มาใช้ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเรามองว่า แหล่งต่างๆ ในเมืองไทย ยังสามารถใช้แหล่งเงินกู้ได้
“ขอให้ทุกคนสบายใจ เราจะรักษาระเบียบวินัยการเงินการคลัง และที่หลายท่านเป็นห่วงว่าถ้าโอนภาระหนี้ไปที่แบงก์ชาติแล้ว จะมีปัญหาเรื่องการพิมพ์แบงก์ หรือกระทบเงินทุนสำรอง ยืนยันว่า ไม่กระทบ และไม่มีการพิมพ์แบงก์ใหม่แน่นอน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะกระทบกับเครดิตที่ถือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไว้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ ในรายละเอียดขั้นตอนปฏิบัติคงต้องไปคุยกัน เราคุยเฉพาะเรื่องหลักการ ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำเรื่องรายละเอียดทั้งหมดผ่าน ครม.ก่อนที่จะนำเสนอ
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงแบงก์ชาติ จะเป็นการนับถอยหลังเศรษฐกิจหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะเราไม่ได้บอกว่าจะต้องจ่ายอะไรอย่างไร แต่เรามองในเรื่องของหลักการ โดยยืนยันว่า จะรักษาระเบียบวินัยการเงินการคลัง ส่วนรายละเอียดปฏิบัติเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติ
เมื่อถามว่า กระแสข่าวการปรับ ครม.ที่มีกระแสข่าวว่า นายกิติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม สัญญากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า 6 เดือน จะออก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “จริงเหรอค่ะ ไม่เคยทราบเลยค่ะ”