ASTVผู้จัดการรายวัน-"นายกฯปู"นำทัพลงใต้ตรวจน้ำท่วมพื้นที่นบพิตำ เมืองคอน พร้อมแหลงใต้อ้อนชาวบ้าน ท่ามกลาง จนท.กว่า 100 นาย คุ้มกันความปลอดภัยเข้มก่อนเดินทางกลับแบบมาเร็วกลับเร็ว เผยอนุมัติงบสร้างสะพานคลองกาย 45 ล้านบาท มอบ "ยงยุทธ" ชงเรื่องช่วยเหลือเข้า ครม.
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (8 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยใช้เครื่องบินของกรมการขนส่งทหารบก มายังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช โดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งนำโดยอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของนครศรีธรรมราช พรรคเพื่อไทย ทั้ง 9 เขตนำมา โดยมีนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คอยใช้โทรโข่งปลุกเร้าเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องต้อนรับอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางต่อไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปากลง ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยโดยใช้เฮลิคอปเตอร์แบบแบล๊กฮอร์ก โดยผู้ติดตามได้ใช้เฮลิคอปเตอร์แบบ แบลล์ 202,212 ของกองบินตำรวจ 2 ลำ และแบบ 212 ของกองทัพภาคที่ 4 อีก 1 ลำ มาลงยังสนามบินชั่วคราว อบต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์ไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปากลง ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ โดยระหว่างทางได้แวะตรวจสภาพสะพานแบริ่งที่ใช้เป็นเส้นทางชั่วคราว โดยการก่อสร้างของทหารช่างและกรมทางหลวง จากนั้นได้ขึ้นรถต่อไปยังจุดหมาย ส่วนเฮลิคอปเตอร์ได้บินไปรอรับนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณลานข้างเวทีเพื่อบินกลับทันที
**"ณัฐวุฒิ"ปลุกประชาชนออกมาต้อนรับ
ส่วนบรรยากาศในบริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบติดอาวุธครบมือกระจายกำลังกัน รปภ.โดยรอบพร้อมกับกำลังพลจาก ตชด.หน่วยทหาร อส.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาตรึงพื้นที่อย่างเข้มงวดจำนวนนับร้อยนาย ส่วนบนเวทีนั้นนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ คอยปลุกเร้าประชาชนที่มารอต้อนรับนายกฯอย่างสนุกสนานเช่นเดียวกับที่ท่าอากาศยาน ก่อนเข้าสู่พิธีการโดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 กล่าวรายงานการให้การช่วยเหลือประชาชน และฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้นับแต่ชุมพรลงมา
ต่อมานายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 15 อำเภอ 115 ตำบล 1,062 หมู่บ้าน 118,391 ครัวเรือน 353,200 คน อพยพ 2,659 คน บ้านเสียหายทั้งหลัง 11 หลัง บางส่วน 50 หลัง เรือประมง 45 ลำความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท
“ในส่วนของพื้นที่ อ.นบพิตำนั้นมีความเสียหายใน 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน 6,185 ครัวเรือน 19,767 คน เสียหายทั้งหลัง 8 หลัง เสียหายบางส่วน 19 หลัง สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่เสียหายใช้การไม่ได้ 2 จุด โดยจะขอสนับสนุนงบประมาณ จากนายกฯ 3 ส่วนคือ 1.สร้างสะพานข้ามคลองกลาย 2 แห่ง มูลค่า 53 ล้านบาท 2.ขอใช้พื้นที่ป่าสงวนใน ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง 133 ไร่ 2 งาน 50 ตรว.เพื่อย้ายหมู่บ้าน และ 3.ขอยกเว้นระเบียบกระทรวงการคลัง เรื่องขออนุมัติปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์ สร้างแนวหินป้องกันกัดเซาะชายฝั่งจำนวน 4 โครงการเป็นเงิน 9.89 ล้านบาท”
**"ปู"แหลงใต้อ้อนชาวบ้านเสร็จบินกลับ
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขึ้นกล่าวเป็นภาษาถิ่นว่า “หวังเหวิดคนใต้จังหู” ซึ่งหมายความว่า “เป็นห่วงคนใต้มาก” จากนั้นได้กล่าวเป็นภาษากลางว่า ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด รัฐบาลมีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งในภาวะปกติ และภาวะภัยพิบัติ จะพยายามช่วยเหลือทุกด้าน และจะรีบดำเนินการ ส่วนการฟื้นฟูนั้นต้องเร่งดำเนินการ
พร้อมกันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังระบุถึง 3 โครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ขออนุมัตินั้นให้รีบดำเนินการทันที ไม่มีข้อขัดข้อง และให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบเงินให้กับประชาชนและแจกจ่ายถุงยังชีพแล้วนั้น ได้เดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่มาจอดรออยู่ไม่ห่างจากเวทีกิจกรรมทันที และเดินทางไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เดินทางกลับ กทม.ทันที รวมเวลาที่มาถึงพื้นที่ประมาณ 1 ชม.เท่านั้น
**อนุมัติงบสร้างสะพาน 50 ล้านบาท
ต่อมาเวลา 17.30 น.นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ และให้สัมภาษณ์ว่า การลงไปครั้งนี้เพื่อไปให้กำลังใจชาวนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกันก็ได้ลงไปติดตามการช่วยเหลือ ซึ่งตอนเกิดอุทกภัย ได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแล ซึ่งวันนี้ที่ลงไปได้ไปตรงจุดสะพานคลองกาย ที่พังตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเดือน มี.ค.54 ที่ผ่านมา และยังไม่ได้มีการก่อสร้าง ทางชาวบ้านก็ร้องขอ ทั้งนี้ ตลอดเวลาทางผู้ว่าฯและทางกองทัพได้ทำสะพานแบริ่งให้ใช้ชั่วคราว แต่จากการไปดูสภาพในพื้นที่ พบว่าเส้นทางยังขาดการจราจร จึงได้เห็นชอบให้นำเสนอเข้าคณะกรรมการ เพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (กฟย.) ที่นายยงยุทธ เป็นประธาน เพื่อทำเรื่องขออนุมัติให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดการก่อสร้างโดยเร็ว ซึ่งจะใช้งบประมาณ 45 ล้านบาท
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง และต้องอพยพเนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนั้น ได้ให้นายปรีชา จัดหาพื้นที่ช่วยคราวให้ประชาชนโดยทันที เพื่อให้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย ส่วนการซ่อมสะพานจุดอื่นๆ ให้ใช้งบประมาณของจังหวัด 5 ล้าน ซึ่งทั้งหมดได้เห็นชอบอนุมัติเงินทั้งหมด 50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือต่างจากภาคอื่นอย่างไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์พื้นฐานทั่วไปเหมือนกันหมด คือ บ้านที่น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำท่วมขังเกิน 7 วัน จะได้รับเงิน 5,000 บาท และได้เงินช่วยเหลือซ่อมบ้านเรือน ไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งได้มีการแจกค่าเยียวยานี้ไปแล้ว
"ขอยืนยันว่า ผู้ว่าฯงบสำรองฉุกเฉินที่ได้ให้ผู้ว่าฯไว้ทั้ง 9 จังหวัดตั้งแต่วันแรกที่ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินรุนแรง ทั้งนี้นอกจากจะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนแล้ว ยังได้มีการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ไปปรับปรุงการแก้ปัญหาในส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)"
** "มาร์ค"ติงศปภ.ไม่ช่วยน้ำท่วมใต้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งข้อสังเกต กรณีที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ยังไม่เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ศปภ. ควรดูแลผู้ประสบอุกทกภัยทั่วประเทศ และหวังว่า คงเป็นการคลาดเคลื่อนในข้อมูล ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ เหมือนสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคต เตรียมของบประมาณกว่า 2 ล้านล้านบาทนั้น บางส่วนเป็นโครงการระยะยาว ใช้เวลาถึง 10 ปี ซึ่งมองว่าจะนำกรณีน้ำท่วมเป็นข้ออ้าง เพื่อก่อหนี้เพิ่มเติม และมองว่าการใช้เงินแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่คำตอบ แต่ควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ก่อนที่จะวางแผนระบบน้ำ.
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (8 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยใช้เครื่องบินของกรมการขนส่งทหารบก มายังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช โดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งนำโดยอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของนครศรีธรรมราช พรรคเพื่อไทย ทั้ง 9 เขตนำมา โดยมีนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คอยใช้โทรโข่งปลุกเร้าเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องต้อนรับอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางต่อไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปากลง ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยโดยใช้เฮลิคอปเตอร์แบบแบล๊กฮอร์ก โดยผู้ติดตามได้ใช้เฮลิคอปเตอร์แบบ แบลล์ 202,212 ของกองบินตำรวจ 2 ลำ และแบบ 212 ของกองทัพภาคที่ 4 อีก 1 ลำ มาลงยังสนามบินชั่วคราว อบต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์ไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปากลง ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ โดยระหว่างทางได้แวะตรวจสภาพสะพานแบริ่งที่ใช้เป็นเส้นทางชั่วคราว โดยการก่อสร้างของทหารช่างและกรมทางหลวง จากนั้นได้ขึ้นรถต่อไปยังจุดหมาย ส่วนเฮลิคอปเตอร์ได้บินไปรอรับนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณลานข้างเวทีเพื่อบินกลับทันที
**"ณัฐวุฒิ"ปลุกประชาชนออกมาต้อนรับ
ส่วนบรรยากาศในบริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบติดอาวุธครบมือกระจายกำลังกัน รปภ.โดยรอบพร้อมกับกำลังพลจาก ตชด.หน่วยทหาร อส.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาตรึงพื้นที่อย่างเข้มงวดจำนวนนับร้อยนาย ส่วนบนเวทีนั้นนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ คอยปลุกเร้าประชาชนที่มารอต้อนรับนายกฯอย่างสนุกสนานเช่นเดียวกับที่ท่าอากาศยาน ก่อนเข้าสู่พิธีการโดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 กล่าวรายงานการให้การช่วยเหลือประชาชน และฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้นับแต่ชุมพรลงมา
ต่อมานายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 15 อำเภอ 115 ตำบล 1,062 หมู่บ้าน 118,391 ครัวเรือน 353,200 คน อพยพ 2,659 คน บ้านเสียหายทั้งหลัง 11 หลัง บางส่วน 50 หลัง เรือประมง 45 ลำความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท
“ในส่วนของพื้นที่ อ.นบพิตำนั้นมีความเสียหายใน 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน 6,185 ครัวเรือน 19,767 คน เสียหายทั้งหลัง 8 หลัง เสียหายบางส่วน 19 หลัง สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่เสียหายใช้การไม่ได้ 2 จุด โดยจะขอสนับสนุนงบประมาณ จากนายกฯ 3 ส่วนคือ 1.สร้างสะพานข้ามคลองกลาย 2 แห่ง มูลค่า 53 ล้านบาท 2.ขอใช้พื้นที่ป่าสงวนใน ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง 133 ไร่ 2 งาน 50 ตรว.เพื่อย้ายหมู่บ้าน และ 3.ขอยกเว้นระเบียบกระทรวงการคลัง เรื่องขออนุมัติปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์ สร้างแนวหินป้องกันกัดเซาะชายฝั่งจำนวน 4 โครงการเป็นเงิน 9.89 ล้านบาท”
**"ปู"แหลงใต้อ้อนชาวบ้านเสร็จบินกลับ
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขึ้นกล่าวเป็นภาษาถิ่นว่า “หวังเหวิดคนใต้จังหู” ซึ่งหมายความว่า “เป็นห่วงคนใต้มาก” จากนั้นได้กล่าวเป็นภาษากลางว่า ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด รัฐบาลมีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งในภาวะปกติ และภาวะภัยพิบัติ จะพยายามช่วยเหลือทุกด้าน และจะรีบดำเนินการ ส่วนการฟื้นฟูนั้นต้องเร่งดำเนินการ
พร้อมกันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังระบุถึง 3 โครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ขออนุมัตินั้นให้รีบดำเนินการทันที ไม่มีข้อขัดข้อง และให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบเงินให้กับประชาชนและแจกจ่ายถุงยังชีพแล้วนั้น ได้เดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่มาจอดรออยู่ไม่ห่างจากเวทีกิจกรรมทันที และเดินทางไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เดินทางกลับ กทม.ทันที รวมเวลาที่มาถึงพื้นที่ประมาณ 1 ชม.เท่านั้น
**อนุมัติงบสร้างสะพาน 50 ล้านบาท
ต่อมาเวลา 17.30 น.นายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ และให้สัมภาษณ์ว่า การลงไปครั้งนี้เพื่อไปให้กำลังใจชาวนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกันก็ได้ลงไปติดตามการช่วยเหลือ ซึ่งตอนเกิดอุทกภัย ได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแล ซึ่งวันนี้ที่ลงไปได้ไปตรงจุดสะพานคลองกาย ที่พังตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเดือน มี.ค.54 ที่ผ่านมา และยังไม่ได้มีการก่อสร้าง ทางชาวบ้านก็ร้องขอ ทั้งนี้ ตลอดเวลาทางผู้ว่าฯและทางกองทัพได้ทำสะพานแบริ่งให้ใช้ชั่วคราว แต่จากการไปดูสภาพในพื้นที่ พบว่าเส้นทางยังขาดการจราจร จึงได้เห็นชอบให้นำเสนอเข้าคณะกรรมการ เพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (กฟย.) ที่นายยงยุทธ เป็นประธาน เพื่อทำเรื่องขออนุมัติให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดการก่อสร้างโดยเร็ว ซึ่งจะใช้งบประมาณ 45 ล้านบาท
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง และต้องอพยพเนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนั้น ได้ให้นายปรีชา จัดหาพื้นที่ช่วยคราวให้ประชาชนโดยทันที เพื่อให้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย ส่วนการซ่อมสะพานจุดอื่นๆ ให้ใช้งบประมาณของจังหวัด 5 ล้าน ซึ่งทั้งหมดได้เห็นชอบอนุมัติเงินทั้งหมด 50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือต่างจากภาคอื่นอย่างไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์พื้นฐานทั่วไปเหมือนกันหมด คือ บ้านที่น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำท่วมขังเกิน 7 วัน จะได้รับเงิน 5,000 บาท และได้เงินช่วยเหลือซ่อมบ้านเรือน ไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งได้มีการแจกค่าเยียวยานี้ไปแล้ว
"ขอยืนยันว่า ผู้ว่าฯงบสำรองฉุกเฉินที่ได้ให้ผู้ว่าฯไว้ทั้ง 9 จังหวัดตั้งแต่วันแรกที่ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินรุนแรง ทั้งนี้นอกจากจะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนแล้ว ยังได้มีการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ไปปรับปรุงการแก้ปัญหาในส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)"
** "มาร์ค"ติงศปภ.ไม่ช่วยน้ำท่วมใต้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งข้อสังเกต กรณีที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ยังไม่เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ศปภ. ควรดูแลผู้ประสบอุกทกภัยทั่วประเทศ และหวังว่า คงเป็นการคลาดเคลื่อนในข้อมูล ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ เหมือนสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคต เตรียมของบประมาณกว่า 2 ล้านล้านบาทนั้น บางส่วนเป็นโครงการระยะยาว ใช้เวลาถึง 10 ปี ซึ่งมองว่าจะนำกรณีน้ำท่วมเป็นข้ออ้าง เพื่อก่อหนี้เพิ่มเติม และมองว่าการใช้เงินแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่คำตอบ แต่ควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ก่อนที่จะวางแผนระบบน้ำ.