ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ป้ายยินดี “ณัฐวุฒิ” หน้าโรงเรียนเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราชทำอาจารย์ผวา-ปัดวุ่น นายกสมาคมศิษย์เก่าเชื่อ “ใครทำอะไร ย่อมได้รับผลนั้น” ขณะที่ศิษย์เก่านัดหมายกันไปแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้โรงเรียนปลดป้ายแสดงความยินดีดังกล่าวออกไปในวันพรุ่งนี้ หาดใหญ่โพลระบุประชาชนใน 14 จังหวัดใต้ วิตกเรื่องการขึ้นราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อ “ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ” ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และรัฐบาลควรแก้ปัญหาเรื่องปากท้องเป็นอันดับแรก
ภายหลังจากกระแสความไม่พอใจของศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ต่อกรณีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าในโรงเรียนแห่งนี้มีขนาดความยาวประมาณ 50 เมตร สูงประมาณ 2-3 เมตร โดยความไม่พอใจนั้นได้ไปปรากฏในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง และมีการแสดงความเห็นหลากหลาย ส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการขึ้นป้ายเช่นนี้
โดยมีเหตุผลในคราวที่นายณัฐวุฒิ เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และแสดงความก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน รวมทั้งครูบาอาจารย์ที่ออกมาตักเตือนถึงการกระทำ ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการอัปเปหินายณัฐวุฒิออกจากการเป็นสายเลือดขาวแดง ของสายสัมพันธ์ศิษย์เบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช ซึ่งหลังจากที่มีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีอย่างใหญ่โตได้สร้างความไม่พอใจให้กับศิษย์เก่าจำนวนมากที่นัดหมายกันไปแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้โรงเรียนปลดป้ายแสดงความยินดีดังกล่าวออกไปในวันที่ 24 มกราคมนี้
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอพบกับนายณรงค์ ทองขาว ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยได้มีนายฉลองรัฐ รัฐธรรม อาจารย์ในโรงเรียนได้ออกมาพบและบอกว่า ผอ.ไม่อยู่ ขณะเดียวกัน มีอาจารย์อีกรายได้มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยปกตินัก โดยสอบถามว่า “มีกล้องมาด้วยหรือเปล่า” ก่อนที่จะเดินหลบออกไป ส่วนนายฉลองรัฐ รัฐธรรม ได้พยายามติดต่อรองผู้อำนวยการเพื่อให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว แต่ได้รับคำตอบว่าผู้อำนวยการไม่ได้มอบเรื่องไว้ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับนายณรงค์ ทองขาว ผอ.โรงเรียนทางโทรศัพท์ แต่ไม่รับสาย
อาจารย์รายหนึ่งในโรงเรียนเบญจมราชูทิศเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2553 กระแสเรื่องความไม่พอใจนายณัฐวุฒิที่ไปแสดงบทบาทที่ก้าวร้าวทั้งผู้ใหญ่ ทั้งครูอาจารย์ของเขาบางคน อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วความไม่พอใจนับแต่นั้นกว้างขวางมากทั้งอาจารย์ นักเรียน หรือศิษย์เก่าซึ่งมีการเคลื่อนไหวอย่างที่ทราบกันแล้ว
“การแสดงจุดยืนหรือการคัดค้านในการไม่เห็นด้วยกับการติดป้ายหน้าโรงเรียนส่วนตัวครู ครูเห็นด้วยและครูหลายคนในโรงเรียน รวมทั้งนักเรียนก็คิดเหมือนกัน แต่เข้าใจผู้บริหารเช่นเดียวกันก่อนที่จะทำป้ายกันนั้นทราบว่า มีการหารือกันแล้วแต่ไม่ได้เป็นการประชุม ซึ่งขึ้นป้ายแล้วมีผลกระทบตามมา และเมื่อเอาป้ายลงก็มีตามมาอีก ถ้าไม่ขึ้นป้ายตั้งแต่แรกไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ไม่เสียหาย และเห็นด้วยหากมีการเอาป้ายลง และจากการพูดคุยกับนักเรียนบอกได้ว่า นักเรียนรู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับนายณัฐวุฒิด้วย” อาจารย์ท่านนี้กล่าว
อาจารย์ท่านเดิมยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การเมืองเขาได้มาที่โรงเรียนแล้วเล่าให้ครูฟังว่า เขาได้ไปหาพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากทราบว่านายมาโนชย์ วิชัยกุล ส.ส.ในเขตบ้านของเขาจะขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ แต่ประชาธิปัตย์ไม่รับเขา และบอกว่ามีคนที่ดีกว่า แต่เขาบอกว่าคนนั้นเทียบกับผมไม่ได้ หลังจากนั้นเขาบอกว่าจำเป็นที่จะต้องไปเข้าพรรคไทยรักไทย และสวามิภักดิ์กับทักษิณ การเป็นรัฐมนตรีจะตอบแทนหรือไม่ตอบแทนนั้นไม่ทราบได้เช่นกัน แต่คงเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ในสังคมนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพเก็บบรรยากาศบริเวณหน้าโรงเรียนที่มีการขึ้นป้าย ผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านอยู่บริเวณนั้นได้แวะสอบถามผู้สื่อข่าว และแสดงตัวว่าเป็นศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ เช่นเดียวกัน ในวันนี้ (24 ม.ค.) มีการนัดหมายมาที่โรงเรียนพวกเขาจะมาด้วย มาเอาป้ายนี้ลงไป เห็นป้ายนี้ขนาดใหญ่โต แต่เมื่อดูภาพที่อยู่ด้านหลังแล้วเจ็บใจมาก ป้ายด้านหลังเล็กนิดเดียว
ด้านนายสุเมธ รุจิวณิชย์วณิชกุล นายกสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช แสดงความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า ขอแสดงความเห็นในฐานะศิษย์เก่าส่วนตัว ไม่สามารถเป็นตัวแทนของใครได้ว่า โรงเรียนควรจะปลอดจากการเมือง และโดยข้อเท็จจริงนั้นศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราชกระจายอยู่ทุกพรรคการเมือง แล้วแต่ยุคสมัย อย่าไปยินดียินร้ายเพราะเป็นเรื่องของประชาธิปไตย ศิษย์เก่าได้ไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ ก็ยินดีด้วย อย่าผลักดันคนให้ไปอยู่สีนั้นสีนี้ ผมชอบประชาธิปไตยแบบประเทศที่เจริญแล้ว การเมืองเมื่อถึงเวลาก็เปลี่ยนหมุนเวียนไป ส่วนที่โรงเรียนไปติดป้ายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรผมไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่าศิษย์เก่าไม่พอใจถึงพฤติกรรมของนายณัฐวุฒิ ที่ก้าวร้าวรุนแรง นายสุเมธ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าคนด้วยกันไม่สามารถไปควบคุมอารมณ์จิตใจของคนอีกคนได้ การแสดงออกของใครจะแสดงอะไรก็แสดงไป ไปเบรกไปหยุดเขาไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อทำแล้วเกิดผลอย่างไรก็ต้องรับผลการกระทำนั้นไป หรือใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น
“เต้น”เมินพวกล่ารายชื่อคัดค้าน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช ติดป้ายแสดงความยินดี ในการเข้ารับตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ และมีผู้ที่จะเตรียมออกมาล่ารายชื่อคัดค้านว่า ทางโรงเรียนเบญจมราชูทิศ เป็นผู้นำมาติดตั้ง แสดงความยินดีเอง ตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณทางโรงเรียน ที่ร่วมแสดงความยินดี
ส่วนที่มีการล่ารายชื่อจะถอดถอนออกจากศิษย์เก่านั้น ส่วนตัวถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง คงไม่ให้ความสำคัญมากนัก
ทั้งนี้ ในวันที่ 24 ม.ค. ตนจะเข้าร่วมการประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นในวันพุธที่ 25 ม.ค. จะเดินทางเข้ากระทรวงเกษตรฯ เพื่อแบ่งงานกับนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ต่อไป
นายณัฐวุฒิ ยืนยันด้วยว่า การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ เป็นดุลพินิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เป็นคนพิจารณา ไม่เกี่ยวข้องกับการตอบแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่ใช่การตอบแทนแกนนำนปช.ด้วย
***หาดใหญ่โพลไม่เอา“เต้น”
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนโดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 904 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 19-22 มกราคม 2555 สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 60.4) อายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 36.6) รองลงมา มีอายุระหว่าง 31-40 ปี (ร้อยละ 31.3) และอายุ 41-50 ปี (ร้อยละ 16.1) ตามลำดับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน/นักศึกษา (ร้อยละ 22.1) รองลงมา มีอาชีพพนักงานบริษัท/ลูกจ้าง, ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย, รับจ้างทั่วไป และข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 20.7, 20.3, 19.7 และ 8.4 ตามลำดับ
รศ.ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ ร้อยละ 53.1 เห็นว่าการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 จะช่วยแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด และร้อยละ 39.4 การปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 จะช่วยแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในระดับปานกลาง มีเพียงร้อยละ 7.5 ช่วยแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในระดับมากถึงมากที่สุด
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.0 วิตกกังวลการขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้อ อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 22.5 กังวลการขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับปานกลาง มีเพียงร้อยละ 13.5 วิตกกังวลการขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.1 การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลที่ทะลุ 30 บาทขึ้นไป จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพในระดับมากถึงมากที่สุด ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแบบยั่งยืน พบว่าประชาชนร้อยละ 26.3 เห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ ควรเข้ามาการควบคุมราคาน้ำมัน รองลงมา เป็นการทบทวนราคาน้ำมันทั้งระบบ, ซื้อหุ้น ปตท.กลับคืนมา และการขึ้นราคาน้ำมันทุกๆ 3 เดือน คิดเป็นร้อยละ 22.5, 20.5 และ 20.0 ตามลำดับ
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.3 เห็นว่านายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีเพียงร้อยละ 27.7 ที่เห็นว่านายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 84.5 เห็นว่าควรคงมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" มีเพียงร้อยละ 15.5 ที่เห็นด้วยให้ยกเลิกมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.3 เห็นว่าการที่รัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนไปจ่ายให้เหยื่อทางการเมืองคนละ 7.75 ล้านบาทไม่เรื่องที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 66.9 สมควรนำเงินดังกล่าวไปจ่ายให้เหยื่อใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่า
ประชาชนร้อยละ 55.9 ต้องการให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน มากที่สุด รองลงมา ปัญหาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น, การปฏิรูปการเมือง และปัญหาหนี้สินและความยากจนของเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 40.5, 37.7, 26.5 และ 26.3 ตามลำดับ
ภายหลังจากกระแสความไม่พอใจของศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ต่อกรณีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าในโรงเรียนแห่งนี้มีขนาดความยาวประมาณ 50 เมตร สูงประมาณ 2-3 เมตร โดยความไม่พอใจนั้นได้ไปปรากฏในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง และมีการแสดงความเห็นหลากหลาย ส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการขึ้นป้ายเช่นนี้
โดยมีเหตุผลในคราวที่นายณัฐวุฒิ เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และแสดงความก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน รวมทั้งครูบาอาจารย์ที่ออกมาตักเตือนถึงการกระทำ ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการอัปเปหินายณัฐวุฒิออกจากการเป็นสายเลือดขาวแดง ของสายสัมพันธ์ศิษย์เบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช ซึ่งหลังจากที่มีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีอย่างใหญ่โตได้สร้างความไม่พอใจให้กับศิษย์เก่าจำนวนมากที่นัดหมายกันไปแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้โรงเรียนปลดป้ายแสดงความยินดีดังกล่าวออกไปในวันที่ 24 มกราคมนี้
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอพบกับนายณรงค์ ทองขาว ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยได้มีนายฉลองรัฐ รัฐธรรม อาจารย์ในโรงเรียนได้ออกมาพบและบอกว่า ผอ.ไม่อยู่ ขณะเดียวกัน มีอาจารย์อีกรายได้มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยปกตินัก โดยสอบถามว่า “มีกล้องมาด้วยหรือเปล่า” ก่อนที่จะเดินหลบออกไป ส่วนนายฉลองรัฐ รัฐธรรม ได้พยายามติดต่อรองผู้อำนวยการเพื่อให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว แต่ได้รับคำตอบว่าผู้อำนวยการไม่ได้มอบเรื่องไว้ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับนายณรงค์ ทองขาว ผอ.โรงเรียนทางโทรศัพท์ แต่ไม่รับสาย
อาจารย์รายหนึ่งในโรงเรียนเบญจมราชูทิศเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2553 กระแสเรื่องความไม่พอใจนายณัฐวุฒิที่ไปแสดงบทบาทที่ก้าวร้าวทั้งผู้ใหญ่ ทั้งครูอาจารย์ของเขาบางคน อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วความไม่พอใจนับแต่นั้นกว้างขวางมากทั้งอาจารย์ นักเรียน หรือศิษย์เก่าซึ่งมีการเคลื่อนไหวอย่างที่ทราบกันแล้ว
“การแสดงจุดยืนหรือการคัดค้านในการไม่เห็นด้วยกับการติดป้ายหน้าโรงเรียนส่วนตัวครู ครูเห็นด้วยและครูหลายคนในโรงเรียน รวมทั้งนักเรียนก็คิดเหมือนกัน แต่เข้าใจผู้บริหารเช่นเดียวกันก่อนที่จะทำป้ายกันนั้นทราบว่า มีการหารือกันแล้วแต่ไม่ได้เป็นการประชุม ซึ่งขึ้นป้ายแล้วมีผลกระทบตามมา และเมื่อเอาป้ายลงก็มีตามมาอีก ถ้าไม่ขึ้นป้ายตั้งแต่แรกไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ไม่เสียหาย และเห็นด้วยหากมีการเอาป้ายลง และจากการพูดคุยกับนักเรียนบอกได้ว่า นักเรียนรู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับนายณัฐวุฒิด้วย” อาจารย์ท่านนี้กล่าว
อาจารย์ท่านเดิมยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การเมืองเขาได้มาที่โรงเรียนแล้วเล่าให้ครูฟังว่า เขาได้ไปหาพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากทราบว่านายมาโนชย์ วิชัยกุล ส.ส.ในเขตบ้านของเขาจะขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ แต่ประชาธิปัตย์ไม่รับเขา และบอกว่ามีคนที่ดีกว่า แต่เขาบอกว่าคนนั้นเทียบกับผมไม่ได้ หลังจากนั้นเขาบอกว่าจำเป็นที่จะต้องไปเข้าพรรคไทยรักไทย และสวามิภักดิ์กับทักษิณ การเป็นรัฐมนตรีจะตอบแทนหรือไม่ตอบแทนนั้นไม่ทราบได้เช่นกัน แต่คงเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ในสังคมนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพเก็บบรรยากาศบริเวณหน้าโรงเรียนที่มีการขึ้นป้าย ผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านอยู่บริเวณนั้นได้แวะสอบถามผู้สื่อข่าว และแสดงตัวว่าเป็นศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ เช่นเดียวกัน ในวันนี้ (24 ม.ค.) มีการนัดหมายมาที่โรงเรียนพวกเขาจะมาด้วย มาเอาป้ายนี้ลงไป เห็นป้ายนี้ขนาดใหญ่โต แต่เมื่อดูภาพที่อยู่ด้านหลังแล้วเจ็บใจมาก ป้ายด้านหลังเล็กนิดเดียว
ด้านนายสุเมธ รุจิวณิชย์วณิชกุล นายกสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช แสดงความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า ขอแสดงความเห็นในฐานะศิษย์เก่าส่วนตัว ไม่สามารถเป็นตัวแทนของใครได้ว่า โรงเรียนควรจะปลอดจากการเมือง และโดยข้อเท็จจริงนั้นศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราชกระจายอยู่ทุกพรรคการเมือง แล้วแต่ยุคสมัย อย่าไปยินดียินร้ายเพราะเป็นเรื่องของประชาธิปไตย ศิษย์เก่าได้ไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ ก็ยินดีด้วย อย่าผลักดันคนให้ไปอยู่สีนั้นสีนี้ ผมชอบประชาธิปไตยแบบประเทศที่เจริญแล้ว การเมืองเมื่อถึงเวลาก็เปลี่ยนหมุนเวียนไป ส่วนที่โรงเรียนไปติดป้ายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรผมไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่าศิษย์เก่าไม่พอใจถึงพฤติกรรมของนายณัฐวุฒิ ที่ก้าวร้าวรุนแรง นายสุเมธ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าคนด้วยกันไม่สามารถไปควบคุมอารมณ์จิตใจของคนอีกคนได้ การแสดงออกของใครจะแสดงอะไรก็แสดงไป ไปเบรกไปหยุดเขาไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อทำแล้วเกิดผลอย่างไรก็ต้องรับผลการกระทำนั้นไป หรือใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น
“เต้น”เมินพวกล่ารายชื่อคัดค้าน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช ติดป้ายแสดงความยินดี ในการเข้ารับตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ และมีผู้ที่จะเตรียมออกมาล่ารายชื่อคัดค้านว่า ทางโรงเรียนเบญจมราชูทิศ เป็นผู้นำมาติดตั้ง แสดงความยินดีเอง ตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณทางโรงเรียน ที่ร่วมแสดงความยินดี
ส่วนที่มีการล่ารายชื่อจะถอดถอนออกจากศิษย์เก่านั้น ส่วนตัวถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง คงไม่ให้ความสำคัญมากนัก
ทั้งนี้ ในวันที่ 24 ม.ค. ตนจะเข้าร่วมการประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นในวันพุธที่ 25 ม.ค. จะเดินทางเข้ากระทรวงเกษตรฯ เพื่อแบ่งงานกับนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ต่อไป
นายณัฐวุฒิ ยืนยันด้วยว่า การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ เป็นดุลพินิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เป็นคนพิจารณา ไม่เกี่ยวข้องกับการตอบแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่ใช่การตอบแทนแกนนำนปช.ด้วย
***หาดใหญ่โพลไม่เอา“เต้น”
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนโดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 904 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 19-22 มกราคม 2555 สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 60.4) อายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 36.6) รองลงมา มีอายุระหว่าง 31-40 ปี (ร้อยละ 31.3) และอายุ 41-50 ปี (ร้อยละ 16.1) ตามลำดับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน/นักศึกษา (ร้อยละ 22.1) รองลงมา มีอาชีพพนักงานบริษัท/ลูกจ้าง, ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย, รับจ้างทั่วไป และข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 20.7, 20.3, 19.7 และ 8.4 ตามลำดับ
รศ.ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ ร้อยละ 53.1 เห็นว่าการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 จะช่วยแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด และร้อยละ 39.4 การปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 จะช่วยแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในระดับปานกลาง มีเพียงร้อยละ 7.5 ช่วยแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในระดับมากถึงมากที่สุด
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.0 วิตกกังวลการขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้อ อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 22.5 กังวลการขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับปานกลาง มีเพียงร้อยละ 13.5 วิตกกังวลการขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.1 การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลที่ทะลุ 30 บาทขึ้นไป จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพในระดับมากถึงมากที่สุด ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแบบยั่งยืน พบว่าประชาชนร้อยละ 26.3 เห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ ควรเข้ามาการควบคุมราคาน้ำมัน รองลงมา เป็นการทบทวนราคาน้ำมันทั้งระบบ, ซื้อหุ้น ปตท.กลับคืนมา และการขึ้นราคาน้ำมันทุกๆ 3 เดือน คิดเป็นร้อยละ 22.5, 20.5 และ 20.0 ตามลำดับ
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.3 เห็นว่านายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีเพียงร้อยละ 27.7 ที่เห็นว่านายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 84.5 เห็นว่าควรคงมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" มีเพียงร้อยละ 15.5 ที่เห็นด้วยให้ยกเลิกมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.3 เห็นว่าการที่รัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนไปจ่ายให้เหยื่อทางการเมืองคนละ 7.75 ล้านบาทไม่เรื่องที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 66.9 สมควรนำเงินดังกล่าวไปจ่ายให้เหยื่อใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่า
ประชาชนร้อยละ 55.9 ต้องการให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน มากที่สุด รองลงมา ปัญหาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น, การปฏิรูปการเมือง และปัญหาหนี้สินและความยากจนของเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ 40.5, 37.7, 26.5 และ 26.3 ตามลำดับ