“จิรายุ” ดันก้น “ณัฐวุฒิ” โอ่เป็นคน ตจว.อยู่กับน้ำตั้งแต่เด็ก นั่ง รมช.เกษตรเหมาะแล้ว ปัดต่างตอบแทน อ้าง “กษิต” เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายยังเป็นรัฐมนตรีรัฐบาลอภสิทธิ์ได้ ฉุนคนค้านเยียวยาม็อบแดง โมเมเป็นข้อเสนอ คอป. จี้ “ธงทอง” รีบไฟเขียวจ่ายเงิน
วันที่ 21 ม.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 2 นี้ถือว่าเหมาะสม เพราะ ครม.ชุดใหม่นี้ มีความสามารถต่างกันไป เช่น นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นคนต่างจังหวัดชีวิตอยู่กับน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ ไปนั่งเก้าอี้ช่วยงานด้านเกษตรก็ย่อมถูกต้องเหมาะสมแล้ว
ส่วนการกล่าวหาของฝ่ายค้านว่าเป็นการปรับ ครม.แบบต่างตอบแทนนั้น นายจิรยุกล่าวว่า ตนเองไม่คิดเช่นนั้น โดยยกตัวอย่างกรณีนายกษิต ภิรมย์ ที่โดนคดีก่อการร้ายยึดสนามบินยังไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยาวนานตลอดอายุรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ ก็คงต้องเรียกว่าต่างตอบแทนมากกว่า
ส่วนกรณีที่นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีรายชื่อติดแบล็กลิสต์กระทรวงการคลังของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น นายจิรายุเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น เนื่องจากรัฐมนตรีของอดีตรัฐบาลบางคนก็มีชื่อติดแบล็กลิสต์เช่นกัน เพราะมีชื่อหรือนามสกุลเกี่ยวข้องกับบุคคลบางกลุ่ม นอกจากนั้น การทำงานของรัฐมนตรีเป็นกิจการภายในประเทศไม่เกี่ยวกับต่างชาติ พร้อมยืนยันว่าสมาชิกพรรคไม่เคยกดดันให้นางนลินีลาออก แต่นางนลินีต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้สมาชิกพรรคเข้าใจ
นอกจากนี้ นายจิรายุยังกล่าวว่า ตนเองรู้สึกผิดหวังกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเยียวยา เนื่องจากการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง เป็นแนวคิดของ คอป. ที่เสนอมาเพื่อความปรองดอง ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งฝ่ายค้านไม่ควรออกมาขัดขวาง
นายจิรายุยังเรียกร้องไปยังนายธงทอง จันทรางศุ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่นว่า อย่าไปกังวลต่อการออกมาคัดค้านของฝ่ายค้าน ขณะนี้มีญาติผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่รอคอยการช่วยเหลือเยียวยา โดยคณะทำงานต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อการการสร้างประเทศใหม่ให้มีความสงบและลดความขัดแย้งทางการเมืองต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายจิรายุไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าข้อเสนอ คอป.นั้นไม่ได้ระบุว่าให้จ่ายเงินเป็นจำนวนเท่าใด แต่ ครม.กลับมีมติให้จ่ายชดเชยผู้เสียชีวิตหรือพิการทุพพลภาพถาวรรายละ 7.75 ล้านบาท ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2.5 แสนบาท ทั้งที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเป็นการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่