"ปู"เรียกรมต.-ผู้บริหารปตท. ถกด่วนหารือรับมือม็อบต้านขึ้น NGV ด้านกิตติรัตน์เผยผลหารือ ยันขึ้นราคาตามขั้นบันได ตามข้อเสนอคพช. วอนผู้ชุมนุมเปิดเวทีคุยกัน เชื่อปัญหามีทางออก ขออย่าปิดถนนทำชาวบ้านเดือดร้อน
เมื่อเวลา 8.00 น.ที่บริเวณ ถ.พิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายสหกรณ์แท๊กซี่ มูลนิธิเพื่อคนขับรถแท๊กซี่ และกลุ่มคนขับรถแท๊กซี่ประมาณ 340 คัน นำโดยนายวิทูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่แห่งประเทศไทยรวมตัวเพื่อเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ต.ค.54กรณีการปรับขึ้นราคาแก๊ซแอลพีจี และก๊าซ เอ็นจีวี ตามที่กลุ่มปตท.ได้เสนอให้ปรับขึ้นราคา เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่ต้องแบกรับภาระจากราคาพลังงานที่ขึ้นสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนขับแท็กซี่ได้มีการจอดรถกระจายตัว กดดันรัฐบาลอยู่ 3 จุดใหญ่ คือ จุดแรก บริเวณ ถ.พิษณุโลก ฝั่งสำนักงาน กพ.โดยใช้รถแท็กซี่จอดปิดพื้นผิวจราจรจำนวน 3 เลน ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์จนถึงแยกมิสกวัน อีกหนึ่งจุด บริเวณลานพระบรมรูปอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และจุดสุดท้าย บริเวณลานน้ำพุเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินนอก โดยยื่นข้อเรียกร้องต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์นายกฯและรัฐบาล 3 ประการคือ 1.ให้มีการยกเลิกมติครม.เมื่อวันที่ 4 ต.ค.54 และไม่ปรับขึ้นราคาแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวี เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี 2.เพิ่มจำนวนการบริการให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพของก๊าซเอ็นจีวี และ 3.หากมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาแก๊สในอนาคต ขอให้มีตัวแทนผู้ที่ได้รับผลกระทบเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาทุกครั้ง
นายวิทูรย์ กล่าวว่า การประท้วงขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีและเอ็นจีวีราคาเดิม ก๊าซเอ็นจีวี 8.50 ปรับขึ้น 6บาท คิดเป็น 70 % เดือนละ 0.50บาท ราคารวม 14. 50บาท และก๊าซแอลพีจี ราคาเดิม 11.50 บาท ปรับขึ้น 4.80 บาท คิดเป็น 42%เดือนละ 0.40 บาท ราคารวม 16.30บาท ถ้าปัจจุบันราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ 390บาท ปรับราคาค่าเช่ารถแท๊กซี่245บาท รวมค่าใช้จ่าย 558บาทส่วน แอลพีจี ราคา550บาท ปรับค่าเช่ารถแท๊กซี่210บาท รวมค่าใช้จ่าย710บาท ปัจจุบัน ผู้ขับรถแท๊กซี่สาธารณะ รายได้ค่าโดยสาร หักค่าเช่ารถ ค่าแก๊ส คงเหลือค่าแรงถัวเฉลี่ยประมาณ200-300บาท ต่อคน/คัน หากมีการปรับตามราคาดังกล่าวผู้ขับขี่ จะมีรายรับไม่เพียงพอต่อการครองชีพ และไม่มีความมั่นคงต่อการประกอบรถแท๊กซี่
นายเจียม พงศ์พันธ์หลวง อายุ 62ปี ผู้ขับรถแท๊กซี่ กล่าวว่า การชุมนุมในวันนี้ เราทำเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะปานกลาง เราเพียงต้องการให้หยุดการพิจารณาขึ้นราคาแก๊สชั่วคราว เพราะแท๊กซี่เดือดร้อนอยู่ไม่ได้จริงๆ และหากรัฐบาลไม่ทำตามข้อตกลง จะมีการปิดถนนและเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ประท้วงมาก ผู้ชุมนุมกลุ่มคนขับรถแท๊กซี่มีความคาดหวังว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คงไม่ทำตามนโยบายตามที่กลุ่มปตท.เรียกร้อง เพราะกลุ่มแท๊กซี่ส่วนใหญ่เลือกท่านเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และรักท่านมาก ท่านคงไม่ทำร้ายกัน ถ้าไม่ดำเนินตามข้อเรียกร้องกลุ่มแท๊กซี่จะเปลี่ยนสี ท่านนายกก็จะรู้ว่าเดือดร้อนหรือไม่
จากนั้นเมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาล นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิวัฒนะ รองเลขาธิการนายกฯ เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องจากกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ พร้อมทั้งกล่าวว่า เข้าใจในปัญหาที่พี่น้องได้เจอราคาก๊าซขึ้นกระทบหลายอย่าง มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายและไม่ยากถ้าเราคุยกัน คือวันนี้ตนมารับเรื่องร้องเรียนอีกครั้งและจะเรียนนายกฯ ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งต้องมีการเจรจา ต้องมาคุยกัน และจะเชิญตัวแทนจาก ปตท. ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์แท๊กซี่ กรมการขนส่งและกระทรวงพลังงงานมาหารือข้อสรุป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปในทางที่ดี
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 09.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายกิตติรัตน์ ณระนอง รองนายกฯ และรองประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. มาหารือปัญหาการชุนนุมคัดค้านการขึ้นราคาแก็สแอลพีจี และก๊าซเอ็นจีวี ตามมติที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 4 ต.ค.54โดยใช้เวลาหารือประมาณ 35 นาที
ต่อมา นายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า ความเห็นส่วนใหญ่ตนไม่ทราบ แต่ความเห็นส่วนตัวต้องยึดถือตามมติครม. ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมครม.เพื่อพิจารณาทบทวนหรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า คนอื่นไม่รู้ แต่พูดได้ว่าขอให้ประชาชนตำหนิผู้ที่ทำให้เขาเดือดร้อนอย่างจริงจังด้วย เมื่อถามย้ำว่า สรุปแล้วยังยืนยันยึดมติครม.เดิมอยู่ใช่หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าเรื่องไหนที่ทำตามติครม.หากจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ต้องเป็นไปตามมติครม. ใครจะไปรับปากอะไรใครไว้ ตนไม่ทราบ แม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องทำตามมติครม. ถือเป็นหน้าที่ เพราะในการเสนอเรื่องก็ผ่านกพช.ขึ้นมา แม้นายกฯจะเป็นประธานกพช.และมีตนเป็นรองประธาน กพช. แต่ก็ยังมีส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก ฉะนั้น การจะปรับเปลี่ยนใด ๆ ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อถามย้ำอีกว่า แสดงว่าต้องนำเรื่องกลับไปที่ กพช. พิจารณาอีกครั้งก่อน รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะแก้ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่จะแก้หรือเหล่ายังไม่รู้
เมื่อถามว่า แสดงว่าในการหารือร่วมกับนายกฯและผู้เกี่ยวข้อง ยังมีความเห็นที่ต่างกันในเรื่องนี้อยู่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า "ผมว่ามันต้องพูดกัน ไม่ใช่มากดดันกันอย่างนี้ " นายกิตติรัตน์ กล่าว เมื่อถามว่า การหารือของนายกฯครั้งนี้จะเป็นแค่การซื้อเวลา และกลุ่มผู้ชุมนุมขีดเส้นภายในเที่ยงวันเดียวกันนี้รัฐบาลต้องมีคำตอบทบทวนมติครม. ไม่เช่นนั้นจะยกระดับการชุมนุม นายกิตติรัตน์ กล่าวย้อนว่า ไม่เห็นขีดเส้นเขาก็มากันแล้ว ถ้าเขาขีดเว้นว่าถ้าไม่คุยกันแล้วจะมา ถึงจะเรียกว่าขีดเส้น ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไม่กลัวว่าม็อบจะยกระดับการชุมนุม นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ก็กลัว ใครจะไปอยากให้ประชาชนเดือดร้อน และการทำให้ประชาชนเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ขอร้องว่าอย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อนเลย
"ต้องขอความกรุณาตัวแทนหรือผู้ที่มารวมกันในภาคขนส่งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติว่า กระบวนการที่ทำกันมานั้น มีขั้นตอน มีการประชุมในกพช. และนำเข้าครม. ฉะนั้น เรื่องพวกนี้ควรจะคุยกัน การที่เอารถเอาคนมาเป็นเรื่องที่ลำบาก เดือดร้อนทั้งคนที่มาและประชาชน จึงขอร้องเมื่อยื่นเรื่องแล้วก็มานั่งคุยกัน อย่าใช้วิธีเอารถมาและกำหนดว่าจะต้องได้คำตอบกี่โมง ผมว่ามันไม่เป็นเรื่องของการปรึกษาหารือ ทุกคนอยากให้บ้านเมืองก้าวหน้า การปรึกษาหารือกันดีที่สุด"นายกิตติรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่า สุดท้ายยังยืนยันจะไม่แก้ไขมติครม. ใช่หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า "ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เรื่องทุกเรื่องคุยกันได้ และเห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ้าโอนอ่อนไปตามการชุมุนมเรียกร้อง เราก็จะกลายเป็นบ้านเมืองแห่งการชุมนุมเรียกร้อง ซึ่งไม่น่าจะจำเป็น ขอย้ำว่าถ้ามีอะไรต้องคุยกัน ในส่วนราชการ ผู้ประกอบการว่ากันตามขั้นตอนของราชการ เชื่อว่าจะมีทางออกที่ดี" เมื่อถามว่า ถ้าไม่ทบทวนมติครม.จะมีมาตรการบรรเทาเยียวยาอย่างไร นายกิตติรัตน์ ไม่ตอบคำถามเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ ในลำคอเท่านั้น