“พิภพ” หยัน “ยิ่งลักษณ์” เหลวแก้น้ำท่วม เพราะเตรียมตัวมาแค่ประชานิยมกับมุ่งช่วยแม้ว เชื่อปีหน้า “ทักษิณ” เล่นเกมช้า แก้ รธน.เอาใจเสื้อแดง ยื้อเวลาเชิดหุ่น “ปู” ทำธุรกิจเมืองนอก ด้าน “สำราญ” ฟันธงทหารตกเป็นจำเลยคดี 16 ศพแน่นอน แต่เชื่อทหารมีจิตวิญญาณไม่ให้แก้ รธน. ลิดรอนสถาบัน
วันนี้ 30 ธ.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ดำเนินรายการโดย นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ได้รับเกียรติจาก นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 ร่วมวิเคราะห์ถึงการทำงานตลอด 4 เดือน ที่ผ่านมาของรัฐบาล และแนวทางเคลื่อนไหวในอนาคต
นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า จากกรณีวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา เกิดจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมตัวไม่พอ ไม่มีความพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล จะมาอ้างว่าน้ำเยอะขนาดนี้เป็นใครก็เอาไม่อยู่ ไม่ได้ เพราะก่อนจะมาเป็นรัฐบาล ยังต้องเตรียมตัวเลือกตั้ง คนที่มาเป็นนายกฯต้องมีความพร้อมเตรียมตัวมาเผชิญกับปัญหาที่รออยู่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าภารกิจของนางสาวยิ่งลักษณ์ และทีมเพื่อไทย เตรียมตัวมาแค่เรื่องทำอย่างไรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นคดี กับเสนอประชานิยมอย่างไรเพื่อเรียกคะแนน
อย่างไรก็ดี เมื่อเราได้รับบทเรียนจากน้ำท่วมไปแล้ว ก็อย่าให้สูญเปล่า รู้แล้วว่าน้ำท่วมไปทางไหน ควรทำผังมาเลย จะทำทุ่งรับน้ำตรงไหน อะไรที่ขวางทางน้ำก็ต้องจัดการไม่ให้ขวางทางน้ำ รวมถึงควรสั่งให้ทุกอบต. จับระดับน้ำที่เคยท่วมว่าสูงแค่ไหน ให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้ประชาชนรู้อย่างทั่วถึง เขาจะได้รู้ว่าควรสร้างบ้าน ถนนหนทางอย่างไร
นายพิภพกล่าววิเคาะห์ถึงแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าทางแรกเป็นเกมเร็วพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง ที่พยายามปรองดอง ความหมายของทักษิณ กลับไปสู่ที่เดิม ได้ทรัพย์สินคืนทั้งหมด คดีต่างๆ หมดไปด้วย เอาตัวให้พ้นโทษ ด้วยการออก พ.ร.บ.ปรองดอง ส่วนเกมช้าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเอาใจคนเสื้อแดง ขณะเดียวกันก็แสวงหาผลประโยชน์ไปด้วย อย่าลืม พ.ต.ท.ทักษิณ มีพาสปอร์ตสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่แล้วเดินสายต่อรองกับประเทศต่างๆ ในทางธุรกิจ โดยใช้น้องสาวอย่างยิ่งลักษณ์ กำหนดนโยบายให้สอดคล้อง แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณกับพวกจะรวยมหาศาล ด้วยเหตุนี้ทำให้ตนเชื่อว่ารัฐบาลยังไม่ด่วนยุบสภาแน่
ทั้งนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณเล่นเกมเร็ว แก้ปัญหาแบบวัวพันหลัก ดันเอากองทัพเข้าไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรม กองทัพจะเป็นเอกภาพมากขึ้นเมื่อถึงจุดจะเสียศักดิ์ศรี แล้วจะกลายเป็นหอกข้างแคร่ขึ้นมา ขณะเดียวกัน พวกเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ก็ดันอยู่ ทำไปทำมา พ.ต.ท.ทักษิณ คงหนีไม่พ้นดาบคืนสนอง เกรงว่า พ.ร.บ.ปรองดองอาจทำให้ต้องอ่อนลง
“ทักษิณอ้างมาตลอดว่าตัวเองเคารพและจงรักภักดีต่อสถาบัน แต่ยังไม่เคยพูดสักคำให้พวกคนเสื้อแดงที่คิดล้มเจ้าหยุดการกระทำ พฤติกรรมแทงกั๊กปล่อยให้คนพวกนี้เคลื่อนไหวต่อไป พูดแต่ปากไม่มีใครเชื่อ หากจริงใจ ต้องกำหนดท่าทีว่าไม่สนับสนุนคนพวกนี้ให้ชัดเจน” นายพิภพกล่าว
นายพิภพกล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 50 มาจากการลงประชามติ ตอนนี้มีการเถียงกันว่า ส.ส.ร.จะมาแบบไหนเพราะหลายฝ่ายเกรงว่าจะถูกครอบงำโดยพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีเงื่อนไขในการแก้ตัว “ระบอบ” แล้วจะให้ประกาศได้เลยหรือ โดยส่วนตัวเห็นว่าควรลงประชามติอีกรอบหลังแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อลดข้อกังขาดังกล่าว
ด้าน นายสำราญกล่าวว่า ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ้างว่าเหนือความคาดหมาย ถ้าไม่มีน้ำท่วมคงได้โชว์ความสามารถนั้น ตนว่าที่เกิดวิกฤตเป็นเพราะไม่มีปัญญา ฝีมือไม่ถึงมากกว่า เพราะดูตามนโยบายมุ่งแต่จะสร้างประชานิยม ที่จริงน้ำจะท่วมเสียหายเป็นแสนล้าน แทนที่จะสรุปบทเรียน รับมืออย่างไร กลายเป็นว่าคิดแต่เมกะโปรเจกต์ว่าจะใช้เงินอย่างไร ซึ่งก็น่าจับตาดูกรณีรัฐบาลพยายามโยกหนี้ 1.14 ล้านล้าน ไปให้แบงก์ชาติ เพื่อให้ลดเพดาลหนี้สาธารณะหวังเพิ่มเงินกู้
นายสำราญกล่าวอีกว่า หนทางจะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านได้มี 3 เส้นทาง 1.ใช้กองทหาร ตำรวจที่มีอยู่ในมือปฏิวัติ 2.แก้รัฐธรรมนูญ หากใจถึงยังทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิดได้ และ3.ขึ้นอยู่กับว่าจะกล้าหรือไม่ และสังคมไทยจะยอมหรือไม่ คือ นิรโทษกรรม ที่มาในคราบพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ โดยการสร้างเงื่อนไขคดี 16 ศพ ทำให้ทหารตกเป็นจำเลย ซึ่งสุดท้ายศาลก็ต้องมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง บางสำนวนลากไปถึงระบุชื่อเลยว่าใครเป็นคนยิง เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าจับตายิ่งกว่าแก้รัฐธรรมนูญ แต่ตนฟันธงสุดท้าย ทหารต้องตกเป็นจำเลยแน่นอน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้นไป
“เชื่อว่าครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ล็อกเป้าว่าจะกลับเดือนไหน และเหตุการณ์จะไม่รุนแรงเหมือนช่วง 19 พ.ค. เพราะต้องถือครองอำนาจรัฐให้นานที่สุด เพื่อผลประโยชน์ แต่จะกดดันในเรื่องปรองดองต่อไปเรื่อยๆ และต้องสำเร็จทำให้จบภายในปีหน้า”
ส่วนที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวว่า “ยังไงก็ไม่มีปฏิวัติ จะทำร้ายสังคมไปถึงไหน ทางออกเดียวของสังคมตอนนี้ต้องปรองดอง” ตนขอถามหาก พล.อ.พัลลภ ดูรายการนี้อยู่ หากเป็นสมัยที่ท่านเป็นผู้การกรมทหารราบที่ 9 หรือยังเติร์กหนุ่ม ถ้าทำแบบนี้ตนว่าเสื้อแดงตายเป็นเบือแล้ว
นายสำราญกล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องมาจากคนทั้งประเทศ หากเห็นว่าอะไรที่ไม่ถูกต้อง คนเพียง 3-4 แสนคนก็เปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ ความเปลี่ยนแปลงรอบหน้าไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ต้องออกแรงเยอะ ไม่ง่ายนัก ต้องบอกตรงๆ ว่าสถาบันหลักอย่างกองทัพ ต้องแสดงพลังบางสิ่งบางอย่าง ที่พูดไม่ได้อยากให้ปฏิวัติ แต่อยากให้ทหารทำให้ประชาชนเชื่อใจว่ายังเป็นเสาหลักของชาติ คุ้มครองประชาชน ไม่ใช่เสาหลักปลักเลน อย่างไรก็ดีท้ายที่สุดตนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ทหารจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้
นายสำราญกล่าวว่า เมื่อมองภาพใหญ่ทิศทางบ้านเมือง ตนสารภาพเลยว่า เห็นสัญญาณปีหน้าร้อนกว่าปี 54 พี่น้องต้องติดตามอย่างมีสติ พวกเราต้องเหนือยหนักแต่อย่าสิ้นหวัง ต้องอดทนให้ความรู้ต่อสู้กันต่อไป เว้นแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์สะดุดเปลือกกล้วยลื่นล้ม หรือมีสิ่งที่คาดไม่ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นเกมเร็วไม่รู้เหยียบอะไรตายไปหรือแพ้เกมอะไรก็แล้วแต่ เพราะการเมืองวันนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่าทำเป็นเล่นไป อย่างวันนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะเป็น มท.1 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังได้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายก นายจักรพันธ์ ยมจินดา ก็ยังได้เป็นรองประธานบอร์ด อสมท
“พันธมิตรฯ มีเหตุผลเสมอ ไม่ใช่ค้านหัวชนฝาไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ใครจะแก้รัฐธรรมนูญแก้ได้ ขอเพียงแต่อย่าร่างเงื่อนไขจาบจ้วงลิดรอนสถาบันพระมหากษัตริย์ กับอย่าแก้เพื่อฟอกความผิดให้แก่คนคนเดียว” นายสำราญกล่าว