xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” ชี้นองเลือดเท่านั้นหากจะปฏิรูปการเมืองไทย เว้นไม่มี “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมเกียรติ” เชื่อการเมืองไทยเปลี่ยนผ่านด้วยสันติวิธีไม่ได้ ต้องนองเลือดเท่านั้น เว้นแต่ไมมี “ทักษิณ” เตือนมุ่งเล่นคดี 16 ศพ นับถอยหลังได้เลย ด้าน “ปานเทพ” ชี้เพื่อไทยมุ่งเดินเกม รบเพื่อรวบอำนาจ เชื่อยังไม่แก้ ม.112 จนกว่ากำจัดทหารได้ เมินตั้ง ส.ส.ร.ล็อกสเปกแก้ รธน. ลั่นเนื้อหาก้าวก่ายพระราชอำนาจ-นิรโทษกรรมให้ทักษิณ พันธมิตรฯ ชุมนุมทันที


วันที่ 28 ธ.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ได้รับเกียรติจากนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมวิเคราะห์ถึงสถานการณ์เงื่อนไขความรุนแรงทางการเมืองในปีหน้า

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การเมือง 6 ปี ที่ผ่านมาไม่เหลือใครเลย นักการเมือง องค์กรต่างๆ ล้วนพึ่งไม่ได้ เหลือเพียงทหารกับประชาชน คนไทยมีบทเรียนมาก ขณะนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ให้โอกาสนักเลือกตั้งผลัดเปลี่ยนกันมาเสวยอำนาจ การบริหารราชการแผ่นดินไม่ว่าซีกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างก็ล้มเหลว การเมืองของไทย ต้องไปไกลกว่าพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ นักเลือกตั้งต้องออกไปอย่างน้อย 5 ปี เราต้องคิดเรื่องประเทศเหนือสิ่งอื่นใด เรื่องน้ำท่วม คอร์รัปชั่นเอาไว้ที่หลัง ยังแก้ไม่ได้ใครขึ้นมาก็กิน ทางแก้ต้องเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่จริงๆ

“คิดว่าปีหน้าอาจเกิดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ ที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา พูดปีหน้าจะไม่มีปฏิวัติแน่นอน คงไม่ต่างจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็เคยพูดปีหน้าจะไม่ปฏิวัติแน่นอน ถ้าเพื่อไทยดึงดันเอาเรื่อง 16 ศพ ผมว่านับถอยหลังได้เลย ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน”

นายสมเกียรติกล่าวว่า มีหลายปัจจัยที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง อย่างประเด็นที่คนไม่ค่อยพูดถึง ชายชุดดำกับนักรบกัมพูชา เป็นเรื่องสังคมไทยควรติดตาม นอกจากนี้ยังมีเรื่องคณะกรรมการรณรงค์เพื่อแก้ไขมาตรา112 ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทหาร พันธมิตรฯ กลุ่มหลากสี ยอมไม่ได้ ถือเป็นจุดร้อนแรงอย่างหนึ่งเช่นกัน

“ยุทธศาสตร์สุดท้ายของทักษิณ ต้องการให้ตัวเองพ้นผิด มีอำนาจล้มเจ้าได้ และได้ทรัพย์สินคืน ตนไม่เชื่อการเมืองไทยจะเปลี่ยนผ่านโดยสันติ อย่างประนีประนอม ในที่สุดจะต้องเปลี่ยนผ่านอย่างใหญ่ที่ต้องเสียเลือดเนื้อ เว้นแต่ประเทศไทยไม่มีทักษิณ” นายสมเกียรติกล่าว

ด้าน นายปานเทพกล่าวว่า การเมืองไทยที่ผ่านมาตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านสู่รัฐบาลรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต่างล้มเหลวทั้งคู่ ต่อมามีนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็มีแต่เอื้อพวกพ้อง ทุจริตเลือกตั้งจนถูกยุบพรรค จนกระทั่งการเมืองเปลี่ยนขั้วมาเป็นยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งถือเป็นทางเลือกสุดท้ายในขณะนั้น แต่เมื่อทดลองดูแล้วพบมีปัญหา ลุแก่อำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง ไม่สามารถปกป้องอธิปไตยได้ จนกระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหว เพื่อต้องการปลดแอกจากการเมืองที่ล้มเหลวทั้งระบบ หมากบังคับ เมื่อใดที่รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล้างความผิดให้ทักษิณ พันธมิตรฯ ต้องเคลื่อนไหว ถึงตอนนั้นเสื้อแดงก็ต้องเคลื่อนไหว ท้ายที่สุดจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ แล้วจะเกิดความรุนแรงในที่สุด

“ต่อไปเราจะไม่เคลื่อนไหวเพียงเพื่อให้การเมืองเปลี่ยนข้าง เปลี่ยนผลประโยชน์ผลัดกันชม หรือรัฐประหารแล้วไม่คิดปฏิรูปเราก็ไม่เอา ซึ่งไม่มีประโยชน์ปัญหาการเมืองก็ยังคงเหมือนเดิม ฉะนั้นถ้าจะเคลื่อนต้องเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เว้นเสียแต่จะเข้าเงื่อนไขที่ตั้งไว้แต่แรก เพื่อปกป้องสถาบัน กับแก้รัฐธรรมนูญมุ่งนิรโทษกรรมช่วยทักษิณ เราเคลื่อนไหวทันที”

นายปานเทพกล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยมีทางเลือก 4 ทาง 1.กำชัยชนะให้ได้เบ็ดเสร็จ กระชับอำนาจทุกภาคส่วน แต่ไม่ผูกขาดอำนาจทางการเมือง ยอมให้มีกระบวนการตรวจสอบ 2.รบให้ได้ชัยชนะ ล้างความผิดในอดีต กระชับอำนาจแล้วแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรวบอำนาจ 3.ประนีประนอม ด้วยการฮั่วกันทางการเมืองกับแกนนำแต่ละฝ่าย 4.เจรจา ยอมรับการสูญเสียอำนาจ เสียสละผิดว่าไปตามผิด ยอมจัดสรรอำนาจเจรจากันใหม่ อย่างไรก็ดีเท่าที่ดูพรรคเพื่อไทยเลือกทางเลือกที่ 2 คือ รุกคืบเพื่อให้ได้ชัยชนะเด็ดขาด เห็นได้จากพยามลบล้างความผิด โยนบาปให้คนอื่น มุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำชับอำนาจทหาร

“ทหารยอมไม่ได้ในเรื่องที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้รัฐบาลจะพยายามสร้างภาพปิดยูอาร์แอล แต่เอาผิดใครไม่ได้เลย ตนเชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าแก้ไขมาตรา 112 ในขณะนี้ น่าจะรอให้กำจัดทหารได้เสียก่อน”

นายปานเทพกล่าวว่า ปัญหาของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ อยู่ที่ทำอย่างไรให้ประชาชนลดความเชื่อมั่นต่อทหาร ซึ่งถือเป็นด่านที่แข็งแกร่งที่สุด อันจะเป็นหนทางนำไปสู่การยึดประเทศได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจุดชี้ขาดจะอยู่ที่คดี 16 ศพที่คนเสื้อแดงอ้างทหารฆ่า หากศาลชี้ว่าทหารผิดจะทำให้เกิดภาพเสียหายต่อกองทัพอย่างมาก อาจเป็นประเด็นนำไปสู่การล้วงลูกเปลี่ยนโครงสร้างผู้ที่กุมกำลังทั้งหมด หากทหารไม่ยอมจะนำไปสู่การแก้ไข พ.ร.บ.กระทรวงกลาโหมแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นถ้าทหารเคลื่อนไหวต่อต้านก็จะหมดความชอบธรรม ในทางกลับกันหากศาลวินิจฉัยว่าทหารไม่ผิดสถานการณ์ก็จะเปลี่ยน กลายเป็นว่าเสื้อแดงไม่ได้ตายด้วยฝีมือทหาร แต่จะมีแรงกดดันบ้านเมืองวุ่นวายเพราะหาคนรับผิดไม่ได้ จนนำไปสู่การปลุกระดม เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นจุดที่พรรคเพื่อไทยต้องเลือกว่าจะเผชิญหน้ากับกลุ่มไหน

การสะสมจากปฏิกิริยาตัวเองของรัฐบาล ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ปัจจัยภายนอกรัฐบาลขาดตัวจริงในการบริหารประเทศ ปีหน้าหากมีภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้นมาอีก รัฐบาลจะอยู่ในสภานการณ์พิกลพิการ ปัจจัยภายในเมื่อผู้มีอำนาจอยากมีอำนาจให้ยาวนานที่สุดจึงใช้วิธีการปรองดอง แต่มวลชนที่ถูกปลุกเร้ามาต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่างช่วงพวกล้มเจ้า ก็ต้องการลบล้างมาตรา112 ส่วนมวลชนที่ถูกปลุกเร้าในช่วงยึดอำนาจก็ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ50 ทิ้ง ดังนั้นเงื่อนไขที่รุกเร้ารอบด้านจะทำให้รัฐบาล ไม่สามารถควบคุมสถานการ์ได้

นายปานเทพกล่าวถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ว่า ลำพังการกำหนดให้เลือกตั้งตัวแทนจังหวัดละ 1 คน กับให้นักวิชาการฝ่ายรัฐบาลตั้งอีก 22 คน ทำอย่างนี้เท่ากับเป็นการล็อกสเปก ส.ส.ร. และเนื้อหารัฐธรรมนูญ เพราะนักเลือกตั้งในระบบเขต กับคนที่รัฐบาลตั้งขึ้น ย่อมต้องมีความสัมพันธ์เชื่อโยงกัน ดังนั้น พันธมิตรฯ ไม่ต้องไปสนใจกระบวนการ ส.ส.ร. ถ้าเนื้อหาที่ร่างเกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมให้ทักษิณ ก็เข้าเงื่อนไขพันธมิตรฯชุมนุมทันที

นายปานเทพกล่าวอีกว่า ประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็สำคัญไม่แพ้กันนำไปสู่เหตุการณ์บ้านเมืองลุกเป็นไฟได้เช่นเดียวกัน ตนเชื่อว่าทันทีที่ไทยเสียดินแดน ประชาชนทั้งประเทศ จะเริ่มแสวงหาคำตอบว่าอะไรคือสาเหตุทำให้เสียดินแดน อาจเกิดสถานการณ์ประชาชนลุกฮือไม่ยินยอมให้รัฐบาลยกดินแดนให้กัมพูชา
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น