“สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจ “ที่สุดของน้ำท่วมใหญ่” พบประชาชนยกย่องทหารช่วยเหลือดีที่สุด รองลงไปเป็นสื่อมวลชนและคนไทยทั่วไป ส่วน ศปก.ทำงานบกพร่องมากที่สุด ตามด้วยหน่วยงานภาครัฐ นักการเมืองท้องถิ่น คาดหลังน้ำลดฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังขัดแย้งกันเหมือนเดิม
วันที่ 27 พ.ย. “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ที่สุดของน้ำท่วมใหญ่กับการเมืองไทย” เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 2,506 คน ระหว่างวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2554 สรุปผลได้ดังนี้
จากเหตุการณ์ “น้ำท่วมใหญ่” มีผลดี-ผลเสียต่อการเมืองไทยอย่างไร อันดับ 1 ทำให้เกิดความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันในการช่วยเหลือและแก้ปัญหาน้ำท่วม 53.49% อันดับ 2 ได้เห็นถึงความตั้งใจและบทบาทหน้าที่ในการทำงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง/เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 32.82% และอันดับ 3 เป็นการกระตุ้นให้ภาครัฐเร่งหาแนวทางป้องกัน แก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง 13.69%
1.“น้ำท่วมใหญ่” มีผลเสียต่อการเมืองไทย คือ อันดับ 1 ภาพลักษณ์ทางการเมืองในสายตาของชาวต่างชาติและนักลงทุนแย่ลง 47.88% อันดับ 2 แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่มาจากความคิดเห็นในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ไม่ตรงกัน 29.64% และอันดับ 3 การทำงานของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร/ประชาชนขาดความเชื่อมั่น 22.48%
2. “นักการเมืองไทย” ที่ประชาชนประทับใจในการช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด อันดับ 1 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 39.20% อันดับ 2 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ25.87% อันดับ 3 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร 21.33% และอันดับ 4 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ 13.60%
3.ประชาชนคิดว่า การเมืองไทยหลังน้ำลดจะเป็นอย่างไร อันดับ 1 ยังคงเห็นภาพการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านเหมือนเดิม 58.59% อันดับ 2 รัฐบาลต้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูประเทศอย่างเต็มที่ 21.64% อันดับ 3 อาจมีการเคลื่อนไหว/ชุมนุมของผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังไม่พอใจกับการช่วยเหลือของรัฐบาล 19.77%
4.สิ่งที่ประชาชนอยากให้นักการเมืองไทยทำหลังน้ำลด คือ อันดับ 1 เร่งให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาให้มากขึ้น 48.62% อันดับ 2 การร่วมมือร่วมใจกันทำงานอย่างเต็มที่/การติดต่อ สื่อสาร และการประสานงานที่ดี 31.85% และอันดับ 3 การหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว/เชิญผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ 19.53%
ส่วนผลการสำรวจความคิดเห็นเรื่องที่ดีใจมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 เป็นความมีน้ำใจของคนไทย/การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 79.04 % อันดับ 2 คนในชุมชนมีความสามัคคีห่วงใยดูแลกันมากขึ้น 12.50% อันดับ 3 การได้รับถุงยังชีพจากสื่อมวลชน เอกชน และภาครัฐ 8.46%
ส่วนเรื่องที่เสียใจมากที่สุด อันดับ 1 บ้านเรือนทรัพย์สินที่ดินทำกินเสียหาย 48.07% ไม่มีที่อยู่อาศัย/ครอบครัวไปคนละทิศคนละทาง 29.80% การทะเลาะกันของประชาชนและประชาชนกับเจ้าหน้าที่ 22.13%
สำหรับเรื่องที่สมหวังมากที่สุดและผิดหวังมากที่สุดนั้น เรื่องที่สมหวังมากที่สุดอันดับ 1 คนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือกัน ไม่ทอดทิ้งกันในยามยาก 77.45% อันดับ 2 ระดับน้ำลดลง/ได้กลับเข้าบ้าน 12.74 % อันดับ 3 บ้านไม่ถูกน้ำท่วม 9.81% เรื่องที่ผิดหวังมากที่สุด ส่วนเรื่องที่ผิดหวังมากที่สุด อันดับ 1 การช่วยเหลือและการให้ข้อมูลจากภาครัฐ /ศปภ. 53.09% อันดับ 2 การพังแนวคันกั้นน้ำ/รื้อกระสอบทราย 24.22% อันดับ 3 ของบริจาคไม่ทั่วถึง 22.69%
ส่วนเรื่องที่ประทับใจมากที่สุด และเรื่องที่ท้อถอยท้อแท้มากที่สุด พบว่า เรื่องที่ประทับใจมากที่สุดอันดับ 1 ความมีน้ำใจ/การช่วยเหลือของคนไทย 67.82 % อันดับ 2 การช่วยเหลือประชาชนของทหาร 19.39% อันดับ 3 การรายงานข่าวและการลงพื้นที่ของสื่อมวลชน 12.79% เรื่องที่ท้อถอย/ท้อแท้มากที่สุดนั้น พบว่า อันดับ 1 น้ำท่วมขังเป็นเวลานานเกินไป ไม่รู้ว่าจะลดเมื่อใด 38.61% อันดับ 2 ต้องหยุดงาน / ตกงาน /ขาดรายได้ 31.68% อันดับ 3 ไม่มีเงินซ่อมแซมบ้าน รถ และทรัพย์สินที่เสียหาย 29.71%
สำหรับคำถามที่ว่าใครที่ทำงานช่วยเหลือดีที่สุด พบว่า อันดับ 1 ทหาร 56.17% อันดับ 2 สื่อมวลชน 26.29% อันดับ 3 คนไทยทุกคน 17.54% และคำถามที่ว่า ใครที่ทำงาน/ช่วยเหลือบกพร่องที่สุดนั้น พบว่า อันดับ 1 ศปภ. 51.03% อันดับ 2 หน่วยงานภาครัฐ 25.27% อันดับ 3 ส.ส./นักการเมืองท้องถิ่น 23.70%
และสุดท้ายคำถามว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ควรโทษใครมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 มนุษย์/การตัดไม้ทำลายป่า 38.13% อันดับ 2 เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่ยากแก่การควบคุม 31.25% อันดับ 3 หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำและการให้ข้อมูล30.62% ส่วนบทเรียนที่ดีที่สุดที่ได้รับจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ อันดับ 1 ควรมีการเตรียมพร้อมและการวางแผนรองรับที่ดี 49.58% อันดับ 2 เมื่อเกิดภาวะวิกฤตคนไทยจะไม่ทอดทิ้งกัน 30.04% อันดับ 3 คนไทยควรให้ความสำคัญ ดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม 20.38 %