จุดอ่อนของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไร้บารมี ขาดประสบการณ์ ใช้คนผิด หรือโง่จริง

ถึงวันนี้ ความล้มเหลว โดยสิ้นเชิงในการแก้ไขวิกฤติอุทกภัย ครั้งใหญ่ ของรัฐบาลหุ่นเชิด นายกฯโคลนนิ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเรื่องประจักษ์ชัด และเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่แล้ว ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยด้วยกันเอง แต่ในสายตาของต่างชาติที่สะท้อนผ่านสื่อ ต่างก็เห็นพ้องกันว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการรับมือกับปัญหา

เหตุที่รัฐบาลล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ก็เพราะว่า มีผู้นำคือ นายกรัฐมนตรี ที่ล้มเหลว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่มีต่อตัวนายกฯดังขึ้นทุกวันว่า ไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีบารมี ไม่เด็ดขาด เลือกใช้คนผิด ซึ่งล้วนแต่เป็นความจริงทุกข้อ และเหตุที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า เธอโง่จริง ไม่ใช่แกล้งโง่

ความโง่ ทำให้เธอไม่รู้ว่า ควรจะตัดสินใจอย่างไร แม้ว่า จะห้อมล้อมด้วยผู้รู้เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ข้อมูลเรื่องปริมาณน้ำ ทิศทางการไหลของน้ำ ผลของการเปิดประตูน้ำ เป็นเรื่องยากที่เธอจะตามทัน เมือ่ไม่เข้าใจเสียแล้ว จะให้ตัดสินใจได้อย่างไร แค่พูดตามสคริปต์ ยังพูดผิดๆถูกๆ แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่จำเป็นต้องแสดงภาวะผู้นำบ้าง เธอจึงเลือกเชื่อในเรื่องที่เข้าใจง่าย และตัดสินใจตามคำแนะนำโง่ๆ ของนักการเมืองรอบตัว อย่างเช่น การสั่งให้ผู้ว่า กรุงเทพมหานคร เปิดประตูน้ำคลองสามวาให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอหลงเชื่อว่า คือ การแสดง อำนาจ แสดงภาวะผู้นำ หรือการใช้มาตรา 31 ของพระราชบัญญัติบรรเทาสาธารณะภัย ซึ่งเธอเชื่อว่า คิอการแสดงความเข้มแข๋ง เด็ดเดี่ยว แต่จนถึงป่านนี้ ยังไม่เห็นว่า ม.31 นี้ จะมีฤทธิ์เดช อะไรเลย

ความโง่ ทำให้เธอไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย เพราะไม่รู้ว่า สิ่งที่เธอต้องตัดสินใจมันคืออะไร ข้อเสนอของภาคเอกชน และนักวิชาการด้านน้ำ จึงถูกปฏิเสธหมด ตามคำแนะนำของคนรอบๆตัว ซึ่งน่าจะโง่พอๆกัน และไม่รับฟังความคิดเห็นของคนที่ไม่ใช่พวกของตัว

ความโง่ทำให้เธอไม่กล้าพูดกับประชาชนโดยตรง ไม่กล้าให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเป็นกิจจะลักษณะด้วยตัวเองเพื่อบอกกับประชาชนว่า จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง น้ำท่วมครั้งนี้ คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เป็นภัยธรรมชาติ ที่เป็นเหตุสุดวิสัย คนส่วนใหญ่ไม่โทษรัฐบาล และพร้อมที่จะช่วยเหลือกันและกัน เพื่อฟันฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน เป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลจะปลุกระดมคนไทยให้หลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่รัฐบาลกลับทอดทิ้งประชาชนให้ผจญกับน้ำท่วมตามยถากรรม โยนภาระทุกอย่างไปให้กองทัพ เพราะผู้นำรัฐบาลโง่ โง่แล้วก็กลัว จะพูดกับประชาชนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แค่เรียบเรียงคำพูดให้ถูกต้อง ฟังแล้วเข้าใจ ก็เป็นเรื่องยากเกินไปเสียแล้วสำหรับเธอ

ความโง่ทำให้เธอ ไม่กล้าคุยกับนักลงทุนต่างชาติด้วยตัวเอง แต่มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจไปคุยแทน เธอปฏิเสธที่จะพบกับตัวแทนของธุรกิจภาคเอกชน แต่ให้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมไปทำหน้าที่แทน จะให้นักลงทุนญี่ปุ่นเชื่อมั่นในการบริหารจัดการของรัฐบาลไทมยได้อย่างไร ในเมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ขนาดนี้ ทำลายห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมสำคัญของโลกหลายๆอุตสาหกรรม แต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยไปคุยกับพวกเขาเลย อุตส่าห์ตั้ง คณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อสร้างความเขื่อมั่นแ ละฟื้นฟูชาติ และคณะกรรมการวางระบบการบริหารจัดการน้ำ แต่นายกรัฐมนตรี ไม่ยอมเป็นประธานเอง โยนให้คนอื่นรับแทน

สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นสนใจ ไม่ใช่เรื่อง แผนฟื้นฟู หรือ การทุ่มเงิน 8 แสนล้าน สร้างรัฐไทยใหม่ แต่เขาสนใจว่า รัฐบาลมี การบริหาจัดการกับน้ำที่กำลังท่วมอยู่ขณะนี้อย่างไร ผู้นำรัฐบาล มีฝีไม้ลายมือ ที่จะแก้ไขปัญหาหรือไม่ ซึ่งพวกเขาได้เห็นแล้วว่า เรามีผู้นำที่ไร้ความสามารถจริงๆ

เช่นเดียวกับ ประชาชนที่กำลังทุกข์ ยากกับน้ำท่วม พวกเขาไม่สนใจหรอกว่า ประเทศไทยใหม่คืออะไร พวกเขาอยากให้น้ำลดเร็วๆ เพื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างจริงจัง จริงใจจากรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มี มีแต่ประชาชนที่ช่วยกันเอง

ความโง่ทำให้เธอทำได้แต่เรื่อง่ายๆ ที่บริษัทประชาสัมพันธ์ ออกแบบให้สอดคล้องกับสติปัญญาของเธอคือ ไปแจกของ แล้วก้ร้องไห้ ความโง่ยังทำให้เธอทำเรื่องโง่ๆ เช่น ไม่ยอมประกาศให้หยุดราชการ ทั้งๆที่น้ำก็ท่วมไปทั่ว ถนนกลายเป็นคลองไปหมด เป็นการตัดสินใจที่เกินระดับสติปัญญาของประชาชนทั่วไปจะเข้าใจได้ว่า คิดได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้ คนไทยต้องอยู่กับความคดโกง ของพี่ชาย ต่อจากนี้ เราต้องอยู่กับความโง่ของน้องสาว ไปอีกนาน