xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤติเศรษฐกิจหลังน้ำลด ยกสุดท้ายวัดฝีมือรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วัดฝีมือกันไปแล้วสำหรับการแก้ไขวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลหุ่นเชิด นายกรัฐมนตรีโคลนนิ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผลปรากฎว่าสอบตกแบบไม่ต้องขอดูคะแนนกันเลย เพราะคนดูคือคนไทยทั้งที่ต้องประสบกับภัยพิบัติด้วยตัวเอง และที่รอดพ้นปลอดภัยแต่เป็นทุกข์ไปกับชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติ เห็นจะจะกับตาตัวเองเลยว่า ไม่มีทั้งความตั้งใจ ไม่มีทั้งฝีมือที่จะแก้ไขปัญหา สอบซ่อมกี่ครั้งๆ ก็ไม่ผ่าน

หลังน้ำลดรัฐบาลมีโอกาสแก้ตัวพิสูจน์ฝืมืออีกครั้งว่าจะมีน้ำยาในการฟื้นฟูประเทศที่เสียหายย่อยยับ ให้สมกับคำร่ำลือว่า ทั้งผู้นำ และรัฐมนตรีหลายๆคนเป็นนักบริหารจัดการมืออาชีพ ที่เน้นการลงมือทำมากกว่าเล่นสำนวนตีโวหารหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ทุกครั้งที่เกิดอุทภภัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทันทีคือบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม ทรัพย์สินของประชาชนที่เสียหาย สูญหาย การเสียชีวิต บาดเจ็บ โรงเรียน วัด ถนน สะพาน สาธาณูปโภคพื้นฐานต่างๆ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดความรุนแรงของน้ำท่วม

ความเสียหายลำดับต่อมาคือ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ทั้งกระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินความเสียหายคิดเป็นตัวเงิน 6-8 หมื่นล้านบาท และจะทำให้จีดีพีในปีนี้ลดลง 0.6 -0.9 %

น้ำท่วมหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบคือ ภาคเกษตรที่พื้นที่เพาะปลูกถูกน้ำท่วม พืชผลที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเสียหาย น้ำท่วมครั้งนี้ซึ่งครอบคลุมถึง 40 จังหวัด ประเมินว่ามีพื้นที่การเกษตรเสียหายมากกว่า 2.4 ล้านไร่

แต่น้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากเรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายแล้วโรงงานอุตสาหกรรมหลายร้อยแห่งถูกน้ำท่วมหนัก จนเครื่องจักรเสียหาย ต้องปิดโรงงาน หยุดการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ที่พังไปแล้ว และในจังหวัดปทุมธานีที่อยู่ในภาวะ 50/50

นิคมอุตสาหกรรมเหล่านี้ เป็นฐานการผลิตสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ของนักลงทุนต่างชาติ โดยฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนญี่ปุ่น เพื่อส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญพื้นที่หนึ่งของภาคอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ และเป็นเครื่องจักรใหญ่ในการขับเคลือนเศรษฐกิจไทย ในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา

เป็นครั้งแรกที่ฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงถึงขั้นพังพินาศจากอุทกภัย ผลกระทบที่ตามมาเป็นลูกโซ่นอกเหนือจากผลกระทบต่อการส่งออกแล้ว คือ การจ้างงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอยุธยาและปทุมธนีเป็นแหล่งสร้างงานขนาดใหญ่มาก ในเบื้องต้นกระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่า จะมีผู้ต้องตกงานมากกว่า 120,000 คน และไม่มีใครรู้ว่า โรงงานที่ปิดตัวไปจะเริ่มเดินเครื่องได้อีกเมื่อไร

แรงงานที่สูญหายไปอย่างต่ำแสนกว่าคนนี้ หมายถึงมูลค่าการบริโภคจำนวนไม่น้อยที่จะหายจากระบบเศรษฐกิจไปด้วย จนกว่าจะมีการสร้างานขึ้นมาทดแทนกันใหม่

ผลกระทบที่มีความหมายมากที่สุดซึ่งอาจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็เป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องเหนื่อย คือ จะถูกมองว่า มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่ง ในการตัดสินใจว่าจะคงฐานการผลิตไว้ที่ประเทศไทยหรือไม่ หรือจะย้ายไปที่ประเทศใกล้เคียง

ที่ผ่านมา ปัจจัยหนึ่งที่เป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุน นอกเหนือจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ นโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ค่าจ้างแรงงาน ตลาดในประเทศ สถานการณ์การเมืองแล้ว ก็คือประเทศไทยค่อนข้างจะปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์ของรัฐบาลอาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมองประเทศไทยแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตก็ได้


น้ำลดสู่ระดับปกติเมื่อใด ผลกระทบทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะก่อตัวขึ้นเป็นวิกฤติเศรษฐกิจย่อมๆ ทันที หากรัฐบาลดูเบาสถานการณ์ แก้ปัญหาแบบมือสมัครเล่น เหมือนการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ จะถึงขั้นแพ้น็อกทันที ไม่ทันได้พา นช.กลับบ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น