ฉะเชิงเทรา - นักธุรกิจเหยื่อน้ำท่วมจากภาคกลาง ชวนกันหนีน้ำเล็งมองหาที่ตั้งโรงงานใหม่ในเขตโซนภาคตะวันออก ครวญผ่านสื่อหลังมองมุมลึกเห็นรัฐบาลใช้การเมืองนำการบริหารประเทศ ในการบริหารจัดการน้ำก่อนทำชาติพัง ส่งผลภาคธุรกิจล่มจมเสียหายทั้งเมือง เผยหากไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารประเทศต่างชาติเผ่นแน่
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจ ที่กำลังได้รับความบอบช้ำ จากผลกระทบของภัยพิบัติน้ำท่วมทางภาคกลาง และกำลังจัดเตรียมแผนระยะยาวในการรับมือต่อมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ด้วยการเตรียมมองหาซื้อที่ดินในเขตพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมน้อยกว่าในเขตโซนภาคตะวันออกเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นในการผลิตสินค้าส่งออก และหนีปัญหาภัยจากน้ำท่วมอย่างถาวร ต่อไป
ทั้งนี้ หลายรายต่างให้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า ภัยจากน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเลย แต่เป็นเพราะฝีมือจากรัฐบาลโดยแท้ ที่ได้ใช้การเมืองนำการบริหารประเทศ ในการบริหารจัดการมวลน้ำก้อนใหญ่ในครั้งนี้ที่ต้องการให้นโยบายที่ได้เคยใช้ในการหาเสียงไว้ก่อนหน้าการเลือกตั้ง
ปรากฏเป็นผลเห็นเป็นภาพที่ชัดออกมาด้วยการกักเก็บน้ำไว้ในเขื่อนทางตอนบนของประเทศโดยที่ไม่ยอมปล่อยระบายพร่องน้ำลงมาก่อนตั้งแต่แรก เพื่อรอให้ชาวนาได้เกี่ยวข้าวก่อนซึ่งต้องใช้เวลารอการเก็บเกี่ยวนานถึงกว่า 20 วันเป็นอย่างน้อย ทั้งที่กำลังจะมีพายุพัดเข้ามา จึงทำให้น้ำในเขื่อนต่างๆ นั้นมีปริมาณมากจนเต็มล้นเขื่อน
หลังมีพายุพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องรวมกันถึง 5 ลูกจึงไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ หากมีการทยอยปล่อยระบายน้ำทิ้งออกมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน ก.ค.54 เป็นต้นมา น้ำทางตอนบนก็จะไม่เหลือล้นมากมายถึงขนาดนี้
ทั้งที่ทราบได้จากการพยากรณ์อากาศก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าจะมีพายุพัดเข้ามาหลายลูก แต่รัฐบาลกลับไม่เร่งจัดการที่จะบริหารน้ำอย่างจริงจัง ทั้งที่ปริมาณน้ำจากพายุทั้ง 5 ลูกรวมกันนั้น เพิ่มขึ้นจากในปีก่อนๆ แค่เพียงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากมีการปล่อยระบายน้ำออกจากเขื่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับ กับกลุ่มพายุตั้งแต่เนิ่นๆ ปัญหาน้ำท่วมในครั้งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบเสียหายอย่างมากมายขนาดนี้เลย แต่รัฐบาลไม่ทำ และได้แต่กักเก็บน้ำเอาไว้ในเขื่อนก่อน เนื่องจากต้องการที่จะเอาใจคนระดับรากหญ้า หรือชาวนาซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ด้วยการรอให้ชาวนาได้เกี่ยวข้าวก่อน
เมื่อชาวนาเกี่ยวข้าวได้ทัน ก็จะนำเข้ามาจำนำกับโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ตามที่ได้มีการหาเสียงเอาไว้ เพื่อที่จะเปิดรับจำนำข้าวในวันที่ 7 ต.ค.54 ในราคาที่สูงถึงเกวียนละ 1.5 หมื่นบาท จึงทำให้น้ำจากตอนบนของประเทศมีปริมาณสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งน้ำเก่าจากพายุลูกแรกๆ ที่เก็บไว้ และน้ำใหม่ที่ถูกพายุอีกหลายลูกพัดเข้ามา จนมากเกินกว่าที่เขื่อนต่างๆจะรองรับไว้ได้ จากนั้นจึงได้พากันเร่งระดมปล่อยน้ำลงมาในปริมารมาก แบบที่ไม่มีช่องทางที่จะระบายให้หมดไปได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อปริมาณน้ำที่ท่วมล้นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ในการเอาใจชาวนาจนส่งผลกระทบต่อคนกว่าค่อนประเทศในครั้งนี้ ได้สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะในภาคธุรกิจนั้นพังเสียหายไปแล้วมากถึงกว่า 2-3 แสนล้านบาท ก็เพื่อแรกกับการที่จะให้นโยบาย การรับจำนำข้าวตามที่ได้เคยหาเสียงไว้นั้นสัมฤทธิ์ผล และสามารถนำไปอ้างกับฐานเสียง หรือกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเห็นว่านโยบายนั้นสามารถทำได้จริงหลังจากที่หลายๆนโยบายที่ได้เคยหาเสียงไว้ก่อนหน้านั้นยังทำไม่ได้ เช่น นโยบายขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท นโยบายเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท
ทั้งที่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคอุตสาหกรรมนั้นจะเสียหายเป็นมูลค่ามากกว่า และจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวนั้นก็ยิ่งกระทบหนักไปด้วย ทั้งที่เป็นรายได้หลักๆ ของประเทศ เหตุเพราะต่างชาติก็กลัวน้ำท่วม จึงไม่มาเที่ยว เพราะภาพที่ปรากฏออกไปนั้นล้วนเป็นผลลบต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก จนถึงขั้นมีหลายๆ ประเทศ ประกาศเตือนไม่ให้คนของเขาเข้ามาเที่ยวในประเทศเรา
แต่ที่นักธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่กล้าออกมาพูดถึงสาเหตุ ที่หลายคนต่างมองเห็นตรงกันว่าเป็นผลมาจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาด โดยใช้การเมืองนำพาการบริหารจัดการในสิ่งที่ควรจะทำ ก็เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อด้านการดำเนินธุรกิจ หรืออาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการลงทุน หรือฟื้นฟูโรงงานที่กำลังถูกน้ำท่วมอยู่ ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ต่อไป นักลงทุนจากต่างชาติต้องพากันหนีไปลงทุนยังในประเทศเพื่อนบ้านของเราแน่ เพราะมีหลายประเทศการเมืองนั้นนิ่งกว่าเรามาก
รวมถึงยังมีปัจจัยอีกหลายด้านของเพื่อนเรานั้น ยังเอื้ออำนวยต่อการลงทุน ทั้งค่าแรงงานที่ถูกกว่าเรามาก ทั้งยังไม่มีปัญหาความวุ่นวายทางด้านการเมือง และไม่มีปัญหาในกรณีที่นักการเมืองนำเอานโยบายที่ใช้ในการหาเสียงมาบีบครั้นต่อนักลงทุน ให้ต้องมีภาระหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่นนโยบายขึ้นค่าแรงงานที่กำลังเป็นปัญหาของรัฐบาลชุดนี้อยู่