“มาร์ค” เตือน รบ.อย่าเร่งส่งสัญญาณ กทม.ชั้นในปลอดภัย

ผู้นำฝ่ายค้าน เตือน รบ.อย่ารีบส่งสัญญาณ กทม.ชั้นในปลอดภัย ทำ ปชช.ประมาทขนของลงจากที่สูง แนะจับตาน้ำทุ่งน้ำเหนือบ่าท่วม ชี้ เปิดประตูคลองสามวาทำน้ำทะลักเข้าคลองลาดพร้าว หวั่น ลาดพร้าว จตุจักร ห้วยขวาง ดินแดง วังทองหลาง เหยื่อรายต่อไป จี้ อย่าบริหารเฉพาะพื้นที่เพราะประเทศเป็นของทุกคน

วันนี้ (1 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านกล่าวถึงกรณีรัฐบาลโดยศูนย์ปฏิบัติช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ยังมีการทำงานที่ขัดแย้งกันกับกรุงเทพฯ (กทม.) ในเรื่องการปิดเปิดประตูระบายน้ำ ว่า อยากให้รัฐบาลและ กทม.ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเพราะมวลน้ำทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกโดยเฉพาะเขตธนบุรี ชัดเจนว่าได้ไหลเข้ามาท่วมในหลายพื้นที่ ที่หลายฝ่ายคิดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย ดังนั้น การส่งสัญญาณว่าพื้นที่ใดปลอดภัยแล้วจะส่งผลให้ประชาชนไม่ได้เตรียมตัวอย่างที่ควรทำ และพบว่าหลายคนได้ยกของลงจากที่สูง ดังนั้น รัฐบาลไม่ควรส่งสัญญาณว่าปัญหาคลี่คลายแล้ว เพราะจากการที่ตนลวงพื้นที่ในบางจุดน้ำได้เริ่มไหลเข้ามาแล้วทั้งย่านรัชดาและปริมาณน้ำในคลองลาดพร้าว การส่งสัญญาณว่าปลอดภัยแล้วซ้ำไปซ้ำมาต้องคำนึงด้วยว่าปัญหาไม่ได้มาจากน้ำปกติและน้ำทะเลหนุน แต่ยังมีปัจจัยอื่นได้แก่ น้ำทุ่งและน้ำเหนือไหลเข้าท่วมหลายเขตใน กทม.การส่งสัญญาณใดๆ ต้องระมัดระวังและมีความสอดคล้องกัน โดยเฉพาะปัญหาที่เห็นได้ชัด คือ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.มีมวลชนกดดันให้เปิดประตูน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการในภาพรวมและเท่าที่เห็นพื้นที่ที่เรียกร้องให้เปิดประตูน้ำที่คลองสามวาก็ไม่ได้มีระดับน้ำที่ลดลงแต่กลับทรงตัวและเพิ่มขึ้นอิกด้วย

“เรื่องนี้นากยกฯต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนและตัดสินใจในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบ โดยเฉพาะการเปิดประตูน้ำที่ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงมายังคลองลาดพร้าว ซึ่งได้กระจายและส่งผลกระทบต้อพื้นที่อื่นแล้ว ทางที่ดีรัฐบาลควรเร่งทำเรื่องระบบระบายน้ำลงสู่ทะเลและสูบออกให้มากที่สุด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาจากการที่ต้องเปิดประตูระบายน้ำที่คลองสามวาจะส่งผลต่อนิคมอุตสาหกรรมบางชันและสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่คงต้องติดตามสถานการณ์เป็นช่วงๆ แต่ยอมรับว่า จากเดิมที่คิดว่านิคมบางชันจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่จากการเปิดประตูน้ำดังกล่าวคงต้องติดตามกันต่อไป ขอเรียกร้องว่า เวลาจะตัดสินใจอะไรอย่าใช้เพียงมุมมองทางการเมืองเพียงพื้นที่เดียว ต้องคิดว่าประเทศไทยเป็นของทุกคน

นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงแผนบริหารจัดการการอพยพประชาชนในกทม.ของรัฐบาลว่า ปัญหา คือ คนไม่ยอมอพยพในหลายๆ พื้นที่โดยเฉพาะศูนย์พักพิงภายในสนามบินดอนเมืองซึ่งรัฐบาลต้องอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน ส่วน กทม.จะเป็นอัมพาตถูกตัดขาดหรือไม่ ตนหวังว่าจะไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น แต่สถานการณ์มวลน้ำขณะนี้ได้โอบรอบกทม.จึงต้องเร่งระบายลงสู่ทะเล สิ่งที่อยากเสนอแนะต่อรัฐบาล คือ 1.การอพยพประชาชนยังมีการส่งสัญญาณที่สับสนเพราะรัฐบาลไม่ขยายวันหยุดและพูดตลอดว่า กทม.ชั้นในจะไม่ท่วม 2.ประชาชนยังไม่ทราบว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในสถานการณ์วิกฤตตลอดจนจะอพยพไปที่ใด ทั้งนี้สำหรับพื้นที่ กทม.ไม่ควรประมาทโดยเฉพาะต้องจับตาเป็นพิเศษถึงน้ำจากทางเหนือและแนวโน้มในคลองลาดพร้าว ซึ่งต้องถือว่าสถานการณ์ กทม.ในขณะนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงรัฐบาลสั่งกู้สนามบินดอนเมืองให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ว่า ไม่ทราบเจตนาว่าจะนำสนามบินดอนเมืองไปใช้อะไรเป็นการเร่งด่วน แต่ควรที่จะระดมกำลังไปป้องกันในส่วนอื่นจะดีกว่า เพราะจากที่ได้ตรวจสภาพพื้นที่ดอนเมืองยังมองไม่เห็นว่าจะเอาอะไรมากู้ในตอนนี้เพราะมวลน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเขตดอนเมืองและสายไหม หากรัฐบาลไม่ระดมกำลังป้องกันในจุดอื่นหลังจากนี้เขตลาดพร้าว จตุจักร วังทองหลาง ห้วยขวาง และดินแดง จะเป็นเหยื่อในขั้นต่อไป

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดกรอบให้มีการเยียวยาผู้ประสบภัยทุกกลุ่มแต่ยังไม่มีการระบุรายละเอียดและแผนที่ชัดเจนว่า ในขั้นนี้ยังยากที่จะไประบุเพราะระบุไปก็จะเกิดการตกหล่น แต่ทุกส่วนต้องได้รับการเยียวยา อย่างไรก็ตาม ปัญหาในขณะนี้คือ การบริหารจัดการปัญหาเฉพาะหน้ายังขาดความเป็นเอกภาพ และมีบางส่วนที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องระบุการเยียวยาเป็นการเฉพาะ